ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก

 คำพิพากษาศาลฎีกา ผู้จัดการมรดก, โอนที่ดินมรดก ป.พ.พ. มาตรา 1722, ผู้จัดการมรดก ทายาท, เพิกถอนนิติกรรม โอนที่ดิน, ปัญหามรดก ที่ดินศาลฎีกา, สิทธิทายาท มรดก, คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2567,

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ 

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

ผู้จัดการมรดก, ทำนิติกรรมเป็นปฏิปักษ์, กองมรดก, ความยินยอมทายาท 

 *ศาลฎีกาวินิจฉัยจำเลยที่ 1 มีสิทธิโอนที่ดินมรดกส่วนของตนโดยชอบ ไม่เป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก และไม่อาจเพิกถอนการโอนที่ดินให้จำเลยที่ 2 ได้ เนื่องจากพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยมีน้ำหนักมากกว่า*

 คดีนี้มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุเพิกถอนนิติกรรมโอนมรดกที่ดินและนิติกรรมการให้ที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ โดยพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 และ 1719 เห็นว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทั้งผู้จัดการมรดกและทายาท มีสิทธิโอนที่ดินมรดกส่วนของตนตามหน้าที่โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล จึงไม่ถือเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก โจทก์ทั้งเจ็ดไม่อาจฟ้องเพิกถอนการโอนดังกล่าวได้

 สำหรับการโอนที่ดินให้จำเลยที่ 2 หลังจากที่จำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่ดินส่วนตนไปแล้วโดยสุจริต และไม่มีการคัดค้านจากทายาทคนอื่น ทั้งนี้ โจทก์ที่ 1 ถึง 6 ได้ขายสิทธิในที่ดินให้จำเลยทั้งสองและได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ส่วนโจทก์ที่ 7 ได้รับแบ่งทรัพย์ตามสิทธิ ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองมีน้ำหนักมากกว่า จึงไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินดังกล่าวได้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาในประเด็นอื่นเพิ่มเติม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2567

บทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 1722 ที่ว่าผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะอนุญาตไว้ หรือได้รับอนุญาตจากศาล เป็นกรณีที่ใช้บังคับเฉพาะผู้จัดการมรดกที่มิได้เป็นทายาท แต่สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ตามคำสั่งศาลแล้วยังเป็นหนึ่งในทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของ ส. การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของ ส. ให้แก่ตนเองเป็นส่วนตัวในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกในที่ดินพิพาทด้วย จึงเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่มีอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทหรือได้รับอนุญาตจากศาล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการอันเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1722 อันจะมีผลทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150

 

1. คำพิพากษาศาลฎีกา ผู้จัดการมรดก 2. โอนที่ดินมรดก ป.พ.พ. มาตรา 1722 3. ผู้จัดการมรดก ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก 4. เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน 5. ปัญหามรดก เกี่ยวกับที่ดิน  6. สิทธิทายาทต่อกองมรดก

โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกเฉพาะส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 ตำบลบ้านร่อม อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสวน ผู้ตาย โอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัว กับให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดินดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และเพิกถอนนิติกรรมของจำเลยที่ 2 ที่แบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 24055 เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 25608

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา โจทก์ที่ 4 ถึงแก่ความตาย นางถนอมยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกเฉพาะส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 ระหว่างจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสวน กับจำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัว ซึ่งทำเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งทำเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 และเพิกถอนนิติกรรมของจำเลยที่ 2 ที่แบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 25608 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งเจ็ด โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับนิติกรรมการโอนที่ดินมรดกเฉพาะส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 ซึ่งทำเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 และนิติกรรมการให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งทำเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่เป็นของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 คิดเป็น 6 ส่วน จาก 11 ส่วน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ทั้งเจ็ดและจำเลยทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งเจ็ด จำเลยที่ 1 นางสาวสุดใจหรือสมใจ (ถึงแก่ความตายไปก่อน) นายประเสริฐ และนายสมจิตหรือสมจิตต์ รวม 11 คน เป็นบุตรของนางสวน นางสวนถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2519 มีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 24047 เนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน ซึ่งเป็นที่นา และในปี 2520 มีการโอนทางมรดกให้ทายาททั้ง 10 คน ถือกรรมสิทธิ์รวมแล้ว กับที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 หรือเดิมโฉนดเลขที่ 1519 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ที่พิพาท ซึ่งใช้เป็นที่ปลูกบ้านอยู่อาศัยและนางสวนถือกรรมสิทธิ์รวมกับโจทก์ที่ 7 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนางสวน วันที่ 4 มกราคม 2555 จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนมาเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 และวันที่ 12 มิถุนายน 2558 จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินเฉพาะส่วนให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 โจทก์ที่ 7 และจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 ซึ่งในการรังวัดที่ดินได้เนื้อที่ 3 ไร่ 31.7 ตารางวา มากกว่าตามหลักฐานเดิม กับหักที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ (คลองชลประทาน สาย 1 ขวา 24 ขวา) 49.5 ตารางวา และในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม โจทก์ที่ 7 ได้เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 50.1 ตารางวา จำเลยที่ 2 ได้เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 32.1 ตารางวา

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งเจ็ดและจำเลยทั้งสองว่า มีเหตุเพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 เฉพาะส่วนของนางสวนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 และนิติกรรมการให้ที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 เฉพาะส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งเจ็ด คิดเป็น 6 ส่วน จาก 11 ส่วน ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ที่ว่า ผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะได้อนุญาตไว้ หรือได้รับอนุญาตจากศาล เป็นกรณีที่ใช้บังคับเฉพาะผู้จัดการมรดกที่มิได้เป็นทายาท แต่สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากเป็นผู้จัดการมรดกของนางสวนตามคำสั่งศาลแล้วยังเป็นหนึ่งในทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของนางสวน การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของนางสวนให้แก่ตนเองเป็นส่วนตัวในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกในที่ดินพิพาทด้วย จึงเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทหรือได้รับอนุญาตจากศาล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการอันเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 อันจะมีผลทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 แต่อย่างใด โจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่อาจที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินมรดกเฉพาะส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 ซึ่งจำเลยที่ 1 ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ ส่วนที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 นั้น เห็นว่า เมื่อทายาททุกคนต่างรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของนางสวน แล้วจำเลยที่ 1 นำคำสั่งศาลไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยที่ 1 เป็นส่วนตัวเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 หลังจากนั้นอีกกว่า 3 ปี จำเลยที่ 1 จึงจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำใดที่ไม่สุจริต แล้วหลังจากจำเลยทั้งสองครอบครองปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัย ไม่มีทายาทคนใดโต้แย้งคัดค้านเลยว่าจำเลยที่ 1 จัดการทรัพย์มรดกไปโดยไม่ชอบ จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ขายสิทธิในที่ดินพิพาทส่วนของแต่ละคนให้แก่จำเลยทั้งสองและได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว จำเลยทั้งสองได้แบ่งทรัพย์มรดกในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 7 รับไปตามสิทธิครบถ้วนแล้ว พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งเจ็ด โจทก์ทั้งเจ็ดไม่อาจที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งทำเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยทั้งสองในประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลเปลี่ยนแปลงแล้ว และฎีกาของโจทก์ทั้งเจ็ดส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 6 ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยข้อที่โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาเกินคำขออีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งเจ็ดเสียทั้งหมด ให้โจทก์ทั้งเจ็ดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 10,000 บาท

1. คำพิพากษาศาลฎีกา ผู้จัดการมรดก

2. โอนที่ดินมรดก ป.พ.พ. มาตรา 1722

3. ผู้จัดการมรดก ทายาท

4. เพิกถอนนิติกรรม โอนที่ดิน

5. ปัญหามรดก ที่ดินศาลฎีกา

6. สิทธิทายาท มรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2567 โดยสรุป:

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 กำหนดว่า ผู้จัดการมรดกไม่สามารถทำนิติกรรมที่ขัดต่อกองมรดกได้ เว้นแต่พินัยกรรมหรือศาลจะอนุญาต กรณีนี้จำเลยที่ 1 นอกจากเป็นผู้จัดการมรดกของนางสวน ยังเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกที่ดินด้วย จึงโอนที่ดินส่วนของตนให้ตัวเองได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล ไม่ถือเป็นการทำนิติกรรมที่ขัดต่อกองมรดก จึงไม่เป็นโมฆะ

โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 24055 โดยศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนนิติกรรม แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แก้คำพิพากษาให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่เป็นของโจทก์

ศาลฎีกาเห็นว่า การโอนที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อพยานหลักฐานแสดงว่าโจทก์ทราบและยินยอมในกระบวนการ และไม่ได้โต้แย้งขัดขวาง ศาลจึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด

การอธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722, มาตรา 150 และมาตรา 1719 ดังนี้:

1. มาตรา 1722 – ข้อห้ามผู้จัดการมรดกทำธุรกรรมขัดกับกองมรดก

มาตรานี้กำหนดว่า ผู้จัดการมรดกไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ที่ตนมีส่วนได้เสียซึ่งขัดต่อประโยชน์ของกองมรดก เว้นแต่จะมีการอนุญาตไว้ในพินัยกรรมหรือได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งหลักการนี้มุ่งป้องกันการกระทำที่ผู้จัดการมรดกอาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจากทรัพย์มรดก อย่างไรก็ดี หากผู้จัดการมรดกเป็นหนึ่งในทายาทและมีสิทธิรับมรดกตามกฎหมาย มาตรานี้อาจไม่ใช้บังคับอย่างเข้มงวดตามแนวทางที่ศาลวินิจฉัย

2. มาตรา 150 – นิติกรรมที่เป็นโมฆะ

มาตรานี้กำหนดว่านิติกรรมใด ๆ ที่กระทำไปโดยขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี นิติกรรมนั้นจะถือเป็นโมฆะ หมายความว่า นิติกรรมนั้นจะไม่มีผลทางกฎหมายตั้งแต่แรก ดังนั้น หากผู้จัดการมรดกทำนิติกรรมขัดกับกองมรดก เช่นโอนทรัพย์มรดกให้ตนเองโดยไม่มีสิทธิ มรดกนั้นอาจถูกเพิกถอนได้

3. มาตรา 1719 – อำนาจของผู้จัดการมรดก

มาตรานี้ให้อำนาจผู้จัดการมรดกในการจัดการทรัพย์มรดกแทนทายาท เช่น การเก็บทรัพย์สิน การชำระหนี้สิน และการจัดแบ่งทรัพย์สินตามสิทธิของทายาท แต่ผู้จัดการมรดกต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนเกินสมควร ทั้งนี้ ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่หลักในการบริหารจัดการทรัพย์มรดกตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมหรือตามกฎหมาย

  ผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะอนุญาตไว้ หรือได้รับอนุญาตจากศาล ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1722 นั้นต้องเป็นกรณีที่นำมาใช้บังคับเฉพาะผู้จัดการมรดกที่มิได้เป็นทายาทเท่านั้น แต่สำหรับผู้จัดการมรดกที่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย การจดทะเบียนโอนที่ดินเฉพาะส่วนที่ผู้ตายยกให้เป็นการส่วนตัวจึงเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่มีอยู่โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทหรือได้รับอนุญาตจากศาล จึงไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก 

*******ผู้จัดการมรดกไม่สามารถทำนิติกรรมที่ขัดต่อกองมรดกได้ เว้นแต่พินัยกรรมหรือศาลจะอนุญาต

บทนำ

บทบาทของผู้จัดการมรดกมีความสำคัญในการรักษาทรัพย์สินของผู้ตายและจัดการแบ่งมรดกตามสิทธิของทายาท โดยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ได้กำหนดข้อจำกัดไว้อย่างชัดเจนว่า "ผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลหรือพินัยกรรมระบุไว้" บทบัญญัตินี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการใช้อำนาจที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือความเสียหายต่อกองมรดกและทายาทรายอื่น

บทความนี้จะอธิบายหลักการดังกล่าว พร้อมนำเสนอคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาเปรียบเทียบให้เห็นความชัดเจน

หลักการตามกฎหมาย

•มาตรา 1722 กำหนดว่าผู้จัดการมรดกไม่สามารถทำนิติกรรมที่อาจขัดต่อประโยชน์ของกองมรดกได้ เช่น การโอนทรัพย์สินของกองมรดกมาเป็นของตนเอง เว้นแต่กรณีที่:

oพินัยกรรมได้ระบุอนุญาตไว้อย่างชัดเจน

oได้รับอนุญาตจากศาลในการดำเนินการนั้น

การฝ่าฝืนมาตรา 1722 จะส่งผลให้นิติกรรมนั้นตกเป็น โมฆะ ตาม มาตรา 150 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2563: ในคดีนี้ ผู้จัดการมรดกโอนที่ดินมรดกให้ตนเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาว่าผู้รับโอนที่ดินต่อมาได้สิทธิโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงไม่สามารถเพิกถอนสิทธิดังกล่าวได้ 

*ฎีกาย่อ:

เมื่อผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมและศาลชั้นต้นตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้ตนเองในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาท โดยการกระทำดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ขัดต่อกองมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 และ 1722 และไม่ตกเป็นโมฆะตามมาตรา 150 แม้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทจะไม่ได้รับมรดกดังกล่าว แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องดำเนินการแยกต่างหาก

จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งรับโอนโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 กระทำโดยไม่สุจริต การนำสืบพยานที่นอกเหนือจากคำฟ้องจึงไม่อาจรับฟังได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 86 และ 87 (1)

เนื่องจากโจทก์ทั้งสี่ยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิในที่ดินพิพาท การอ้างสิทธิในที่ดินดังกล่าวต่อจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 และ 1300 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 2 กับ 3 หรือจำเลยที่ 3 กับ 4 และเมื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตกเป็นของจำเลยที่ 3 โดยเด็ดขาดแล้ว การเพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 1 กับ 2 จึงไม่มีประโยชน์ ศาลฎีกาเห็นว่าผลคำพิพากษาควรมีผลไปถึงจำเลยที่ 1 และ 2 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) และ 252

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2567: ศาลวินิจฉัยว่าบทบัญญัติของมาตรา 1722 ใช้บังคับเฉพาะผู้จัดการมรดกที่มิได้เป็นทายาท แต่หากผู้จัดการมรดกเป็นทายาทด้วย การทำนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับมรดกอาจไม่ถือว่าเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก 

ฎีกาย่อ:

บทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 1722 ที่ว่าผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะอนุญาตไว้ หรือได้รับอนุญาตจากศาล เป็นกรณีที่ใช้บังคับเฉพาะผู้จัดการมรดกที่มิได้เป็นทายาท แต่สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ตามคำสั่งศาลแล้วยังเป็นหนึ่งในทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของ ส. การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของ ส. ให้แก่ตนเองเป็นส่วนตัวในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกในที่ดินพิพาทด้วย จึงเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่มีอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทหรือได้รับอนุญาตจากศาล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการอันเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1722 อันจะมีผลทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7933/2557: ในกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความถูกต้องของพินัยกรรม ศาลพิจารณาว่าการจัดการมรดกตามพินัยกรรมที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่นั้น ไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะมีการพิสูจน์ความถูกต้องของพินัยกรรม 

ฎีกาย่อ:

ผู้ร้องที่ 1 ขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม ผู้คัดค้านอ้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอม จึงเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่ รับฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัย เพราะหากฟังได้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องที่ 1 ก็มิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องที่ 1 มีหน้าที่นำสืบ ส่วนผู้คัดค้านย่อมนำสืบหักล้างความมีอยู่ของพินัยกรรม การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านสืบพยาน จึงเป็นการมิชอบ เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2547: ผู้จัดการมรดกมีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินที่เป็นมรดกเพื่อแบ่งปันให้ทายาทต่อไป การกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการปฏิปักษ์ต่อกองมรดก 

ฎีกาย่อ:

ป.พ.พ. มาตรา 1719 บัญญัติว่า "ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก" ตามบทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกเพื่อแบ่งปันแก่ทายาท เมื่อ ส. เจ้ามรดกเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทคนหนึ่ง โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทได้เพื่อนำที่ดินส่วนที่เป็นมรดกดังกล่าวมาแบ่งปันให้ทายาทต่อไป

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3790/2560: ในกรณีที่มีการร้องขอถอนผู้จัดการมรดกเนื่องจากละเลยหน้าที่หรือมีเหตุสมควร ศาลพิจารณาว่าการกระทำของผู้จัดการมรดกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหรือทายาท อาจเป็นเหตุให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกได้

ฎีกาย่อ:

 

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องคัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 2 ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ทั้งผู้คัดค้านที่ 2 และฝ่ายผู้ร้องคัดค้านที่ 1 ต่างยื่นคำร้องขอให้ถอนอีกฝ่ายออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องคัดค้านที่ 1 หรือผู้คัดค้านที่ 2 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกเพราะเหตุละเลยไม่ทำตามหน้าที่หรือมีเหตุอย่างอื่นที่สมควรหรือไม่ การที่ผู้ร้องคัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 2 ตกลงท้ากันให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าที่ดินมรดกของผู้ตายเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสของผู้ตาย เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยอันมีผลให้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกถอนออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก โดยมิใช่เหตุตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงมิใช่เป็นการตกลงกันเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีนี้โดยตรง เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นคดีอื่นต่างหาก การที่ศาลชั้นต้นไม่ดำเนินการไต่สวนคำร้องขอแต่กลับพิจารณาตามคำท้าหรือข้อตกลงของคู่ความทั้งสองฝ่าย ถือเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย เห็นควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ให้ถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

 

บทสรุป

 

หลักการตามมาตรา 1722 มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการใช้อำนาจของผู้จัดการมรดกเพื่อป้องกันการทำนิติกรรมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองมรดกและทายาทรายอื่น ผู้จัดการมรดกจึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตัวอย่างคำพิพากษาที่นำเสนอข้างต้นช่วยชี้ให้เห็นถึงผลของการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและย้ำถึงความสำคัญของการขออนุญาตจากศาลหรือการดำเนินการตามพินัยกรรม

ข้อควรระวัง: การกระทำใด ๆ ที่อาจขัดต่อกองมรดกควรปรึกษาทนายความหรือศาลก่อน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัด


 

ผู้จัดการมรดก, ทำนิติกรรมเป็นปฏิปักษ์, กองมรดก, ความยินยอมทายาท, ทนาย ปรึกษาฟรี




คดีมรดก ร้องศาลตั้งผู้จัดการมรดก

พินัยกรรมของผู้ตายที่ห้ามโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตกเป็นโมฆะ, ข้อห้ามในพินัยกรรมเป็นโมฆะ, ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม article
ถอนผู้จัดการมรดก, การปันมรดกเสร็จสิ้นแล้ว, การจัดการศาลจ้าวไม่เป็นมรดก, ศาลจ้าวใต้เซียฮุดโจ๊วเป็นกุศลสถาน article
ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, ที่ดินนิคมสหกรณ์, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน, สิทธิเหนือพื้นดิน, การเพิกถอนโฉนดที่ดิน, article
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่ article
มรดกตกทอด, การเพิกถอนการสละมรดก, อายุความในการฟ้องคดีมรดก, สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้ article
หนังสือแต่งตั้งผู้รับโอนประโยชน์ในเงินทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์ไม่ถือเป็นพินัยกรรม, เงินสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์, สิทธิผู้รับโอนประโยชน์ในเงินสงเคราะห์
นิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นคนต่างด้าว, คดีมรดกที่ดินของคนต่างด้าว, อายุความคดีมรดก, การยักยอกทรัพย์มรดก
พินัยกรรมยกมรดกให้พี่น้องร่วมบิดามารดา, สิทธิของผู้สืบสันดานในการรับมรดกแทนที่, การฟ้องเรียกค่าเช่าจากทรัพย์สินมรดก
การกำจัดทายาทมิให้รับมรดก, สิทธิรับมรดกของผู้สืบสันดานเมื่อทายาทถูกกำจัด, การเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดก
เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก, การฟ้องแบ่งมรดกของผู้ตาย, การยกอายุความในคดีมรดก, สินสมรสและสินส่วนตัวในกองมรดก
ผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดก, พินัยกรรมด้วยวาจา ป.พ.พ. มาตรา 1663, การครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาท
สิทธิทายาทในมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, ทายาทตายก่อนแบ่งมรดก, รับมรดกแทนที่ มาตรา 1639,
สิทธิการฟ้องขอแบ่งมรดกของทายาท, การเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินมรดก, สินสมรสหลังคู่สมรสเสียชีวิต
สัญญาประกันชีวิต, สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, ผู้ทำประกันชีวิตและผู้รับผลประโยชน์ตายพร้อมกัน
การจัดการหนี้สินในกองมรดก, สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก, ที่ดินมรดกและการบังคับคดี
ผู้จัดการมรดกปฏิบัติผิดหน้าที่-ทายาทผู้มีสิทธิฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกได้
ผู้จัดการมรดกร่วมถึงแก่ความตายต้องทำอย่างไร, ฟ้องซ้อน คืออะไร, แต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่เพียงทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป
ทายาทฟ้องทายาทให้แบ่งทรัพย์มรดก
การจัดการทรัพย์มรดกในฐานะผู้จัดการมรดกตามหน้าที่ที่จำเป็น
คำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกปิดบังทรัพย์มรดกมีผลอย่างไร
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปี
ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้มีส่วนได้เสีย
สามีไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้จัดการมรดกได้
ทรัพย์มรดกยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาททุกคน-การจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้น
บุคคลผู้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกของผู้ตาย
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร?
ฟ้องผู้จัดการมรดกนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงเกินห้าปีขาดอายุความ
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลถูกเพิกถอนได้
อายุความคดีมรดก เจ้าหนี้ฟ้องคดีมรดกเกินหนึ่งปี
คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก
บุตรบุญธรรมเป็นผู้สืบสันดานเหมือนบุตรชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายซึ่งผู้ตายรับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดาน
มารดาขายที่ดินซึ่งผู้เยาว์มีส่วนแบ่งไม่ต้องขอศาล
นายอำเภอคือผู้มีอำนาจจัดทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ความรับผิดของผู้จัดการมดกภายหลังการเสียชีวิต
ผู้จัดการมรดกร่วมนำทรัพย์มรดกหาประโยชน์แก่ตน
ผู้สืบสันดาน คือใคร? ต่างกับทายาท อย่างไร?
คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส | การสมรสเป็นโมฆะ
อายุความคดีมรดก และอายุความเกี่ยวกับการจัดการมรดก
เหตุอันจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก
การปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วการถอนผู้จัดการมรดกย่อมพ้นกำหนดเวลา
สามีมิได้จดทะเบียนสมรสไม่ถือเป็นทายาทของภริยาผู้ตาย
อำนาจหน้าที่จัดการศพพระภิกษุผู้มรณภาพไม่มีทรัพย์สิน
สามีไม่จดทะเบียนสมรสขอถอนผู้จัดการมรดก มีกรรมสิทธิ์รวม
ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก
อำนาจฟ้องขอแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตาย
ทายาททุกคนมอบหมายให้ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วม
ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300
ทายาทโดยธรรมย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกตามส่วนที่จะพึงได้
สิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาห้ามยกเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนโดยสุจริต
การจัดการมรดกและผู้จัดการมรดก, สินสมรสและสินส่วนตัวในคดีมรดก, อายุความคดีมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1733
ผู้จัดการมรดกทำนิติกรรมซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก
ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์มรดกเมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความแล้ว
ผู้คัดค้านไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการขอจัดการมรดก
ทายาทมีส่วนเท่ากันออกค่าใช้จ่ายจัดการทำศพ
ความเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น
สิทธิของบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย
หนังสือสัญญาแบ่งมรดกตกเป็นโมฆะหรือไม่?
อำนาจและหน้าที่ในการจัดการทำศพและลำดับก่อนหลัง
พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน
ผู้จัดการมรดกฟ้องแทนทายาทโดยธรรมอื่น
คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าแล้วเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่
การสละมรดกมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาเจ้ามรดกตายจึงขาดความเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แม้กองมรดกมีผู้จัดการมรดกแล้วทายาทก็ยังมีสิทธิฟ้อง
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่ได้ทำต่อหน้าพยานตกเป็นโมฆะ
บุตรนอกสมรสและบิดานอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดกต่อกันอย่างไร
ผู้จัดการมรดก | ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
ผู้จัดการมรดกเรียกให้เจ้าของรวมส่งมอบโฉนดที่ดิน
การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลงอายุความ 5 ปียังไม่เริ่มนับ
สิทธิรับมรดกก่อนหลัง
คำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ
อายุความฟ้องคดีแพ่งอันเนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มรดก
เมื่อแบ่งมรดกเสร็จแล้วความเป็นทายาทสิ้นสุดลง-อายุความมรดก
การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ
คดีมรดกต้องเป็นคดีที่ทายาทด้วยกันพิพาทกันเรื่องสิทธิในส่วนแบ่งมรดก
ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ความรับผิดของผู้ตาย
แสดงบัญชีเครือญาติเป็นเท็จปิดบังจำนวนทายาท
อายุความคดีมรดกสะดุดหยุดลง การแบ่งทรัพย์มรดกไม่ชอบ
ไม่มีกฎหมายบังคับให้ฟ้องเอาทรัพย์มรดกจากทายาทอื่นที่ครอบครองแทนใน 1 ปี
สัญญาว่าจ้างติดตามทรัพย์กองมรดกเรียกส่วนแบ่งเป็นโมฆะ
คดีฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมปลอมและถูกกำจัดมิให้รับมรดก
โจทก์ฟ้องให้แบ่งทรัพย์มรดกได้แม้ว่าจะล่วงพ้นกำหนดอายุความหนึ่งปี
ผู้จัดการมรดกแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันฟังคำสั่งศาล
คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกอายุความ 5 ปี
การแจ้งการเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตน
ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
การที่จะเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกไว้แทนทายาทอื่น
พินัยกรรมเอกสารลับทำผิดแบบเป็นโมฆะ
การจัดการมรดกไม่ชอบไม่อาจถือว่าการจัดการมรดกสิ้นลงแล้ว