ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว(ฎีกา 7272/2562)

คำพิพากษาศาลฎีกา 7272/2562, สิทธิทายาทบุตรนอกกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1627, สิทธิรับมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629(1), การพิสูจน์บุตรนอกกฎหมาย, แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับบุตรนอกกฎหมายและมรดก, กรณีศึกษาทายาทโดยธรรม, การแบ่งกองมรดกของเจ้ามรดก, สินสมรสและทรัพย์มรดก, พยานหลักฐานทะเบียนราษฎรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 127, ความสำคัญของการรับรองบุตรในมรดก, พฤติการณ์การอุปการะเลี้ยงดูและการยอมให้ใช้ชื่อสกุลบิดา

   ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7272/2562: การพิสูจน์สิทธิของบุตรนอกกฎหมายในการรับมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการฟ้องคดีเพื่อขอแบ่งมรดก โดยโจทก์อ้างสิทธิในฐานะบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว เพื่อให้ตนมีสิทธิเป็นทายาทโดยธรรมตามกฎหมายมรดก ประเด็นสำคัญของคดีนี้คือการพิสูจน์ความเป็นบุตรนอกกฎหมายและการแสดงพฤติการณ์ที่ชัดเจนว่าเจ้ามรดกได้ยอมรับโจทก์เป็นบุตรของตน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างข้อสันนิษฐานจากเอกสารทางทะเบียนราษฎร จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง

ภาพรวมคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7272/2562

คดีนี้เกิดจากการที่โจทก์อ้างตนเป็นบุตรนอกกฎหมายของเจ้ามรดกและได้รับการรับรองแล้ว ทำให้มีสิทธิเป็นทายาทโดยธรรมในการแบ่งมรดกของเจ้ามรดก โจทก์จึงฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสของเจ้ามรดกกับจำเลยที่ 1 และตกเป็นมรดกกึ่งหนึ่งให้แก่ทายาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งมรดกแก่โจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาเป็นให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานที่เพียงพอในการพิสูจน์ความเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดก

สรุปข้อเท็จจริงของคดี

•โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นบุตรนอกกฎหมายของเจ้ามรดก และเจ้ามรดกได้ยอมรับแล้ว

•ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสของเจ้ามรดกกับจำเลยที่ 1 โดยครึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์มรดก

•ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่โจทก์ในฐานะทายาท

•ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

•ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอในการหักล้างข้อมูลจากทะเบียนราษฎร

ประเด็นสำคัญที่สุดของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7272/2562

ศาลฎีกาใช้บทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และ 1629 (1) เป็นหลักในการวินิจฉัยสิทธิของบุตรนอกกฎหมายในการรับมรดก และใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 เกี่ยวกับข้อสันนิษฐานความถูกต้องของเอกสารมหาชน (ทะเบียนราษฎร) เป็นเครื่องมือทางพยานหลักฐานในการพิจารณา

คำสำคัญที่สุดและการขยายประเด็นสั้น ๆ

1. บุตรนอกกฎหมาย 

ประเด็นหลักของคดีอยู่ที่โจทก์อ้างตนเป็นบุตรนอกกฎหมายของเจ้ามรดก เพื่อให้ตนมีสิทธิเป็นทายาทโดยธรรม การเป็นบุตรนอกกฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องได้รับการ “รับรองบุตร” ตามกฎหมายจึงจะมีสิทธิรับมรดกได้

2. การรับรองบุตร 

ตามมาตรา 1627 การรับรองบุตรทำให้บุตรนอกกฎหมายกลายเป็นผู้สืบสันดานเหมือนบุตรชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าเจ้ามรดกได้แสดงพฤติการณ์อย่างเปิดเผยว่ารับรองตน เช่น แจ้งเกิด ยอมให้ใช้ชื่อสกุล หรืออุปการะเลี้ยงดู

3. สิทธิรับมรดกของทายาทโดยธรรม 

ตามมาตรา 1629 (1) เมื่อได้รับการรับรองแล้ว บุตรนอกกฎหมายมีสิทธิเป็นทายาทโดยธรรมเช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ในคดีนี้โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์การรับรองได้ จึงไม่มีสถานะทายาท

4. พยานหลักฐานทะเบียนราษฎร 

ทะเบียนราษฎรถูกถือเป็นเอกสารมหาชนตามมาตรา 127 มีข้อสันนิษฐานว่าเป็นของแท้และถูกต้อง ผู้ใดต้องการโต้แย้งต้องมีหลักฐานที่หนักแน่นมาหักล้าง ซึ่งโจทก์ในคดีนี้ไม่มีหลักฐานเพียงพอ

5. ภาระการพิสูจน์ 

ภาระในการพิสูจน์ตกอยู่ที่โจทก์ซึ่งอ้างสิทธิเป็นบุตรนอกกฎหมาย การนำพยานที่เป็นเพียงความคิดเห็นหรือไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์จริงไม่เพียงพอ ศาลจึงเห็นว่าหลักฐานไม่มั่นคงและไม่อาจหักล้างข้อสันนิษฐานตามทะเบียนราษฎรได้

สรุปโดยรวม

คดีนี้เป็นแนววินิจฉัยสำคัญของศาลฎีกาในเรื่อง “การรับรองบุตรนอกกฎหมาย” และ “สิทธิรับมรดก” ที่เน้นว่าผู้กล่าวอ้างต้องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนถึงพฤติการณ์การรับรอง มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิฟ้องแบ่งมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก.

คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ เช่น การแจ้งเกิดโดยเจ้ามรดก การยินยอมให้ใช้นามสกุล การอุปการะเลี้ยงดู และการแสดงออกต่อสาธารณะว่าเป็นบุตร

ในคดีนี้ เอกสารทางทะเบียนราษฎรระบุว่าโจทก์เป็นบุตรของบุคคลอื่น ไม่ใช่เจ้ามรดก เอกสารดังกล่าวถือเป็นเอกสารมหาชนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 127 และมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง ผู้ที่ต้องการโต้แย้งต้องมีหลักฐานมั่นคงเพียงพอเพื่อหักล้าง

โจทก์ไม่สามารถนำพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอมาหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ อีกทั้งพยานที่นำสืบส่วนใหญ่เป็นญาติฝ่ายมารดาของโจทก์ ไม่มีพยานฝ่ายเจ้ามรดกหรือพยานกลางที่น่าเชื่อถือ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดก

ประเด็นกฎหมายสำคัญ

1. ภาระการพิสูจน์ความเป็นบุตรนอกกฎหมาย

การเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรองต้องมีการกระทำใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเจ้ามรดกยอมรับ เช่น การแจ้งเกิด การอุปการะเลี้ยงดู การยอมให้ใช้นามสกุล หรือการแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นบุตร

2. หลักฐานทางทะเบียนราษฎรและข้อสันนิษฐาน

เอกสารทางทะเบียนราษฎร เช่น สูติบัตรและทะเบียนบ้าน ถือเป็นเอกสารมหาชนที่มีข้อสันนิษฐานว่าเป็นจริง หากมีชื่อบุคคลใดเป็นบิดา ย่อมเชื่อถือได้ตามกฎหมาย เว้นแต่จะมีหลักฐานที่มั่นคงหักล้าง

3. สิทธิในการเป็นทายาทโดยธรรม

บุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรองมีสิทธิเป็นทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 (1) แต่หากไม่สามารถพิสูจน์การรับรองได้ ก็จะไม่มีสิทธิในกองมรดก

การวิเคราะห์ทางกฎหมาย

คดีนี้ชี้ให้เห็นว่า ภาระการพิสูจน์อยู่ที่ผู้ที่อ้างสิทธิเป็นบุตรนอกกฎหมาย การมีเพียงคำบอกเล่าหรือพยานฝ่ายเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน เช่น สูติบัตรที่มีชื่อบิดา การแจ้งเกิดโดยเจ้ามรดก หรือพยานที่มีความน่าเชื่อถือ

เอกสารทางทะเบียนราษฎรเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักสูงในทางกฎหมาย หากจะโต้แย้งต้องมีพยานหลักฐานที่แน่นหนามากพอ เพราะกฎหมายให้ข้อสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง

สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

•ผู้ที่เป็นบุตรนอกกฎหมาย หากต้องการสิทธิรับมรดก ควรดำเนินการให้มีเอกสารรับรองตั้งแต่ต้นเพื่อลดปัญหาข้อพิพาทในอนาคต

•เอกสารทางราชการมีน้ำหนักสูงกว่าคำให้การ หากจะโต้แย้งต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนและเชื่อถือได้

•คดีมรดกมักมีคู่ความหลายฝ่าย หากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ สิทธิในการเป็นทายาทจะถูกปฏิเสธ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7272/2562

โจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกเนื่องจากโจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว จึงเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1627, 1629 (1) ดังนั้น โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ให้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามมาตรา 1627 ซึ่งประกอบด้วยข้อเท็จจริง 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์เป็นบุตรของเจ้ามรดก และส่วนที่สองคือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้ามรดกที่รับรองว่าโจทก์เป็นบุตรของตน เช่น เจ้ามรดกเป็นผู้แจ้งเกิดให้แก่โจทก์ว่าโจทก์เป็นบุตรของตน ยอมให้ใช้ชื่อสกุล เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดู และส่งเสียให้การศึกษาเล่าเรียน ตลอดจนแนะนำและแสดงออกแก่บุคคลทั่วไปอย่างเปิดเผยว่าโจทก์เป็นบุตร

หลักฐานทางทะเบียนราษฎรระบุว่า โจทก์เป็นบุตรของ ข. กับ บ. สำเนาทะเบียนบ้านซึ่งเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 127 โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมั่นคงและน่าเชื่อถือมานำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวจึงจะรับฟังได้ตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 11303 เป็นสินสมรสของนายสีกับจำเลยที่ 1 ให้ตกเป็นกองมรดกของนายสีกึ่งหนึ่ง ให้สัญญาจำนองที่ดินของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันที่ดินส่วนที่เป็นทรัพย์มรดกของนายสี และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้แบ่งทรัพย์มรดกของนายสีแก่โจทก์ตามที่โจทก์ครอบครอง หรือตามเนื้อที่ที่เจ้าพนักงานที่ดินจัดทำขึ้นตามคำสั่งศาล หากจำเลยที่ 1 เพิกเฉย ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย นายอุทัย ผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 11303 เป็นสินสมรสของนายสี กับจำเลยที่ 1 และให้ตกเป็นกองมรดกของนายสีกึ่งหนึ่ง ให้แบ่งกองมรดกของนายสีให้แก่โจทก์ในฐานะทายาทนายสีตามส่วน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในชั้นนี้ได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสี เจ้ามรดก มีบุตรด้วยกัน 5 คน เจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ดินพิพาท คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 11303 มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นสินสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับจำเลยที่ 1 ซึ่งกึ่งหนึ่งของที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกที่ตกทอดแก่ทายาทของเจ้ามรดก

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ได้รับอนุญาตให้ฎีกามีว่า โจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกหรือไม่ เห็นว่า โจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกเนื่องจากโจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว จึงเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627, 1629 (1) ดังนั้น โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ให้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามมาตรา 1627 ซึ่งประกอบด้วยข้อเท็จจริง 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์เป็นบุตรของเจ้ามรดก และส่วนที่สองคือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้ามรดกที่รับรองว่าโจทก์เป็นบุตรของตน เช่น เจ้ามรดกเป็นผู้แจ้งเกิดให้แก่โจทก์ว่าโจทก์เป็นบุตรของตน ยอมให้ใช้ชื่อสกุล เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูและส่งเสียให้การศึกษาเล่าเรียน ตลอดจนแนะนำและแสดงออกแก่บุคคลทั่วไปอย่างเปิดเผยว่าโจทก์เป็นบุตร ในข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์เป็นบุตรของเจ้ามรดกนั้น ปรากฏจากหลักฐานทางทะเบียนราษฎรว่า โจทก์เป็นบุตรของนายแข้น กับนางบุญชู เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 โจทก์จึงต้องมีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมั่นคงและน่าเชื่อถือเพื่อให้รับฟังหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ แต่พยานโจทก์ทุกปากไม่ได้รู้เห็นการแจ้งเกิดและไม่ทราบเหตุผลที่มีการแจ้งเกิดว่าโจทก์เป็นบุตรของนายแข้น ที่นางแพงศรีพยานโจทก์เบิกความถึงเหตุผลในเรื่องนี้ว่า เหตุที่รายการทะเบียนราษฎรระบุชื่อนายแข้นเป็นบิดาของโจทก์น่าจะเกิดจากความคับแค้นใจของนางบุญชูที่ถูกเจ้ามรดกทิ้งไปมีภริยาใหม่จึงแจ้งดังกล่าว ก็เป็นเหตุผลตามความคิดเห็นของพยานซึ่งไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นความจริงเช่นนั้น ตัวโจทก์เองก็ไม่ได้เบิกความถึงเรื่องดังกล่าว ทั้งยังเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่า นายแข้นเป็นผู้ไปแจ้งต่อนายทะเบียนว่าโจทก์เป็นบุตรของนายแข้นและให้การอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ จึงเห็นได้ว่าหากโจทก์ไม่ใช่บุตรของนายแข้นจริง นายแข้นก็ไม่น่าจะไปแจ้งเช่นนั้นเพราะบุคคลทั่วไปย่อมทราบดีว่าการแจ้งว่าบุคคลใดเป็นบิดาของเด็กเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งทั้งต่อตัวเด็กและบิดาตลอดจนครอบครัว เหตุผลตามที่อ้างจึงผิดปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปและขัดต่อเหตุผล พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอหักล้างสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวได้ ส่วนข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่าเจ้ามรดกรับรองว่าโจทก์เป็นบุตรของตนโดยการยอมให้ใช้ชื่อสกุลนั้น เมื่อปรากฏว่านายแข้นใช้ชื่อสกุลเดียวกับเจ้ามรดก การที่โจทก์ใช้ชื่อสกุลเดียวกับเจ้ามรดกจึงไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานที่แสดงว่าเจ้ามรดกยินยอมให้ใช้ชื่อสกุลของเจ้ามรดก ที่โจทก์กล่าวอ้างว่า เจ้ามรดกอุปการะเลี้ยงดูโจทก์โดยมารับโจทก์ไปอยู่อาศัยด้วยตั้งแต่โจทก์อายุ 16 ปี จนกระทั่งโจทก์สมรส นั้น โจทก์ไม่มีพยานที่เป็นญาติฝ่ายเจ้ามรดกหรือพยานคนกลางมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงในส่วนนี้เลย พยานโจทก์มีเพียงญาติฝ่ายมารดาของโจทก์กับเพื่อนของสามีโจทก์ จึงมีน้ำหนักน้อย ทั้งพยานโจทก์ดังกล่าวก็ไม่ได้รู้เห็นและเบิกความถึงพฤติการณ์ของเจ้ามรดกในเรื่องนี้เลย ส่วนที่โจทก์อ้างพฤติการณ์ของเจ้ามรดกที่ว่า เจ้ามรดกยกที่ดินพิพาทให้โจทก์กับนายประยูรใช้ทำมาหากินเป็นโรงงานขนมจีนนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ฟ้องขับไล่นายประยูรออกจากที่ดินพิพาท ก็ไม่ปรากฏว่ามีการยกข้อเท็จจริงนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์อ้างว่า โจทก์อุปการะเจ้ามรดกกับจำเลยที่ 1 โดยทำประกันชีวิตให้แก่จำเลยที่ 1 นั้นก็ปรากฏตามกรมธรรม์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกัน โดยโจทก์เกี่ยวข้องเป็นผู้รับประโยชน์เท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้โจทก์เป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกของเจ้ามรดก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

แนวคำถาม - ธงคำตอบ

ข้อ 1. โจทก์อ้างว่าเป็นบุตรนอกกฎหมายของนายสี (เจ้ามรดก) ซึ่งได้ให้การรับรองแล้ว จึงฟ้องขอแบ่งมรดกในส่วนของเจ้ามรดกโดยอ้างสิทธิเป็นทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และ 1629 (1) ให้ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิเป็นทายาทผู้รับมรดกของเจ้ามรดกหรือไม่

ธงคำตอบ

ตามมาตรา 1627 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุตรนอกกฎหมายจะมีสิทธิเป็นผู้สืบสันดานได้ก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองโดยบิดา การรับรองต้องมีพฤติการณ์ที่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเจ้ามรดกยอมรับว่าโจทก์เป็นบุตรของตน เช่น แจ้งเกิด ยอมให้ใช้ชื่อสกุล อุปการะเลี้ยงดู หรือแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นบุตร แต่ในคดีนี้โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามรดกได้มีพฤติการณ์เช่นนั้น การที่โจทก์ใช้ชื่อสกุลเดียวกับเจ้ามรดกและอ้างว่าถูกเลี้ยงดูตั้งแต่เยาว์วัยไม่ใช่หลักฐานที่แน่นหนาพอ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง และไม่มีสิทธิเป็นทายาทผู้รับมรดก

ข้อ 2. การที่โจทก์นำหลักฐานทะเบียนราษฎรมายืนยันว่าไม่ได้ระบุชื่อเจ้ามรดกเป็นบิดา แต่โจทก์กลับอ้างว่าเป็นการแจ้งเท็จเนื่องจากความโกรธของมารดา จะเพียงพอหักล้างข้อสันนิษฐานในทะเบียนราษฎรได้หรือไม่

ธงคำตอบ

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 บัญญัติให้เอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำขึ้นมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ที่ต้องการหักล้างต้องนำพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมั่นคงและน่าเชื่อถือมาแสดงให้เห็นว่าข้อความในเอกสารนั้นไม่ถูกต้อง การอ้างว่าเป็นความคับแค้นใจของมารดาที่ไปแจ้งเท็จถือเป็นเพียงความคิดเห็นของพยาน ซึ่งไม่สามารถหักล้างเอกสารมหาชนได้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ และต้องถือว่าข้อความในทะเบียนราษฎรเป็นจริงตามที่ระบุ

ข้อ 3. การที่โจทก์อ้างว่าเจ้ามรดกให้การอุปการะเลี้ยงดูตนตั้งแต่อายุ 16 ปี จนถึงเวลาสมรส จะถือเป็นการรับรองบุตรตามกฎหมายได้หรือไม่

ธงคำตอบ

แม้การอุปการะเลี้ยงดูจะเป็นพฤติการณ์ที่อาจแสดงถึงการยอมรับบุตรได้ แต่ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือยืนยันว่าการเลี้ยงดูนั้นเป็นไปโดยบิดาแท้จริงและมีการแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปอย่างเปิดเผยว่าเป็นบุตร ในคดีนี้พยานฝ่ายโจทก์มีเพียงญาติฝ่ายมารดาและเพื่อนของสามีโจทก์ ไม่มีพยานจากฝ่ายเจ้ามรดกหรือบุคคลกลางมายืนยัน ศาลจึงเห็นว่าพยานดังกล่าวมีน้ำหนักน้อย ไม่สามารถรับฟังได้ว่าเจ้ามรดกได้แสดงพฤติการณ์รับรองโจทก์เป็นบุตร การอุปการะดังกล่าวจึงไม่เป็นการรับรองบุตรตามมาตรา 1627

ข้อ 4. การที่โจทก์อ้างว่าการใช้ชื่อสกุลเดียวกับเจ้ามรดกถือเป็นการยอมให้ใช้ชื่อสกุลและเป็นพฤติการณ์การรับรองบุตร จะรับฟังได้หรือไม่

ธงคำตอบ

การใช้ชื่อสกุลเดียวกับเจ้ามรดกไม่ใช่หลักฐานโดยตรงว่ามีการยอมให้ใช้ชื่อสกุลจากเจ้ามรดกโดยชอบ เพราะในกรณีนี้ นายแข้น ซึ่งปรากฏในทะเบียนราษฎรว่าเป็นบิดาของโจทก์ ก็ใช้ชื่อสกุลเดียวกันกับเจ้ามรดกอยู่แล้ว การที่โจทก์ใช้ชื่อสกุลนั้นจึงอาจสืบเนื่องจากสายของนายแข้น ไม่ได้หมายความว่าเจ้ามรดกอนุญาตให้ใช้ชื่อสกุลของตน ศาลฎีกาจึงเห็นว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอจะรับฟังได้ว่าเจ้ามรดกได้ยอมรับโจทก์เป็นบุตร

ข้อ 5. เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ได้รับการรับรองเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ถูกต้องแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิฟ้องแบ่งมรดกของเจ้ามรดกหรือไม่

ธงคำตอบ

สิทธิฟ้องแบ่งมรดกเป็นสิทธิของทายาทโดยธรรมเท่านั้น ซึ่งตามมาตรา 1629 (1) ผู้สืบสันดานต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น เมื่อศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นบุตรที่ได้รับการรับรอง โจทก์จึงไม่มีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม และไม่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกของเจ้ามรดกได้ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาของโจทก์

สรุปโดยรวม

คำพิพากษาศาลฎีกานี้เน้นให้เห็นหลักเกณฑ์สำคัญในการพิสูจน์การรับรองบุตรนอกกฎหมายตามมาตรา 1627 และความสำคัญของเอกสารมหาชนตามมาตรา 127 ซึ่งมีข้อสันนิษฐานแห่งความถูกต้อง ผู้กล่าวอ้างต้องมีพยานหลักฐานที่มั่นคงชัดเจนเพื่อหักล้าง หากพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่อาจอ้างสิทธิเป็นทายาทรับมรดกตามมาตรา 1629 ได้

 

ทนาย ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์




คดีมรดก ร้องศาลตั้งผู้จัดการมรดก

สิทธิขอกันส่วนเงินขายทอดตลาด (ฎีกา 638/2567)
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง & ความสามารถผู้ทำพินัยกรรม(ฎีกา 6522/2561)
ผู้จัดการมรดกยักยอกเงิน & จัดการที่ดินมรดก (ฎีกา 1543/2568)
สัญญาประนีประนอม & สิทธิผู้จัดการมรดกเสียงข้างมาก (ฎีกา 3001/2568)
วิเคราะห์ผู้จัดการมรดกจำนองที่ดิน ทุจริต,กองมรดก, ทายาท,(ฎีกา 5902/2567)
สิทธิทายาท & การแบ่งมรดกโดยจับฉลาก, ทายาทไม่เข้าร่วมประชุม (ฎีกา 2128/2567)
อำนาจผู้จัดการมรดกร่วม & ฟ้องเรียกทรัพย์, มาตรา 1726, (ฎีกา 2628/2567)
คดีมรดก อายุความมรดก 10 ปี, สิทธิทายาท, แบ่งมรดก, (ฎีกา 9992/2560)
บังคับแบ่งมรดก & เพิกถอนโอน,ผู้จัดการมรดก, (ฎีกา 3886/2566)
(ฎีกาที่ 2656/2567) ภาษีการรับมรดก & คำนวณมูลค่าทรัพย์สิน
(ฎีกาที่ 3681/2567) : อำนาจผู้จัดการมรดกร่วมในการฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนสู่กองมรดก
(ฎีกาที่ 8200/2567) เพิกถอนโฉนดที่ดินและการจัดการมรดก: การบังคับคดีและผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4043/2567 การตั้งผู้จัดการมรดกและการคัดค้านสิทธิของทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2567: พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ความสมบูรณ์และผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2567: มรดกไม่มีทายาทตกเป็นของแผ่นดิน และสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งเงินฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5668/2567: การเพิกถอนพินัยกรรมและหลักเกณฑ์ความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
พินัยกรรมผิดแบบเอกสารลับยังสมบูรณ์ได้ หากครบเงื่อนไขพินัยกรรมธรรมดา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2538
ผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์มรดกและความรับผิดตามกฎหมาย(ฎีกาที่ 416/2563)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2563: การโอนมรดกและอำนาจผู้จัดการมรดก
สรุปคดีมรดก & เพิกถอนโอนที่ดิน,เพิกถอนนิติกรรม,(ฎีกา 1028/2564)
สิทธิรับมรดก ทายาทโดยธรรม & สินสมรส(ฎีกา 755/2565)
การจัดการมรดกไม่ชอบไม่อาจถือว่าการจัดการมรดกสิ้นลงแล้ว
ทายาทฟ้องทายาทให้แบ่งทรัพย์มรดก สิทธิฟ้องแบ่งมรดกเมื่อพ้นอายุความ
พินัยกรรมของผู้ตายที่ห้ามโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตกเป็นโมฆะ, ข้อห้ามในพินัยกรรมเป็นโมฆะ, ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
ถอนผู้จัดการมรดก, การปันมรดกเสร็จสิ้นแล้ว, การจัดการศาลจ้าวไม่เป็นมรดก, ศาลจ้าวใต้เซียฮุดโจ๊วเป็นกุศลสถาน
ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, ที่ดินนิคมสหกรณ์, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน, สิทธิเหนือพื้นดิน, การเพิกถอนโฉนดที่ดิน,
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่
มรดกตกทอด, การเพิกถอนการสละมรดก, อายุความในการฟ้องคดีมรดก, สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้
หนังสือแต่งตั้งผู้รับโอนประโยชน์ในเงินทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์ไม่ถือเป็นพินัยกรรม, เงินสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์, สิทธิผู้รับโอนประโยชน์ในเงินสงเคราะห์
นิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นคนต่างด้าว, คดีมรดกที่ดินของคนต่างด้าว, อายุความคดีมรดก, การยักยอกทรัพย์มรดก
พินัยกรรมยกมรดกให้พี่น้องร่วมบิดามารดา, สิทธิของผู้สืบสันดานในการรับมรดกแทนที่, การฟ้องเรียกค่าเช่าจากทรัพย์สินมรดก
การกำจัดทายาทมิให้รับมรดก, สิทธิรับมรดกของผู้สืบสันดานเมื่อทายาทถูกกำจัด, การเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดก
เพิกถอนโอนมรดก & สิทธิทายาท (ฎีกา 1023/2566)
ผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดก, พินัยกรรมด้วยวาจา ป.พ.พ. มาตรา 1663, การครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาท
สิทธิทายาทในมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, ทายาทตายก่อนแบ่งมรดก, รับมรดกแทนที่ มาตรา 1639,
สิทธิการฟ้องขอแบ่งมรดกของทายาท, การเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินมรดก, สินสมรสหลังคู่สมรสเสียชีวิต
สัญญาประกันชีวิต, สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, ผู้ทำประกันชีวิตและผู้รับผลประโยชน์ตายพร้อมกัน
การจัดการหนี้สินในกองมรดก, สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก, ที่ดินมรดกและการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก
ผู้จัดการมรดกปฏิบัติผิดหน้าที่-ทายาทผู้มีสิทธิฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกได้
ผู้จัดการมรดกร่วมถึงแก่ความตายต้องทำอย่างไร, ฟ้องซ้อน คืออะไร, แต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่เพียงทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป
การจัดการทรัพย์มรดกในฐานะผู้จัดการมรดกตามหน้าที่ที่จำเป็น
คำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกปิดบังทรัพย์มรดกมีผลอย่างไร
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปี
ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้มีส่วนได้เสีย
สามีไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้จัดการมรดกได้
ทรัพย์มรดกยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาททุกคน-การจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้น
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร?
ฟ้องผู้จัดการมรดกนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงเกินห้าปีขาดอายุความ
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลถูกเพิกถอนได้
อายุความคดีมรดก เจ้าหนี้ฟ้องคดีมรดกเกินหนึ่งปี
คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก
บุตรบุญธรรมเป็นผู้สืบสันดานเหมือนบุตรชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายซึ่งผู้ตายรับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดาน
มารดาขายที่ดินซึ่งผู้เยาว์มีส่วนแบ่งไม่ต้องขอศาล
นายอำเภอคือผู้มีอำนาจจัดทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ความรับผิดของผู้จัดการมดกภายหลังการเสียชีวิต
ผู้จัดการมรดกร่วมนำทรัพย์มรดกหาประโยชน์แก่ตน
ผู้สืบสันดาน คือใคร? ต่างกับทายาท อย่างไร?
คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส | การสมรสเป็นโมฆะ
อายุความคดีมรดก และอายุความเกี่ยวกับการจัดการมรดก
(ฎีกา 2150/2561) – สิทธิร้องถอนผู้จัดการมรดกก่อนปันมรดก(ฎีกา 2150/2561)
การปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วการถอนผู้จัดการมรดกย่อมพ้นกำหนดเวลา
สามีมิได้จดทะเบียนสมรสไม่ถือเป็นทายาทของภริยาผู้ตาย
อำนาจหน้าที่จัดการศพพระภิกษุผู้มรณภาพไม่มีทรัพย์สิน
สามีไม่จดทะเบียนสมรสขอถอนผู้จัดการมรดก มีกรรมสิทธิ์รวม
ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก
อำนาจฟ้องขอแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตาย
ทายาททุกคนมอบหมายให้ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วม
ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300
ทายาทโดยธรรมย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกตามส่วนที่จะพึงได้
สิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาห้ามยกเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนโดยสุจริต
ผู้จัดการมรดกทำนิติกรรมซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก
ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์มรดกเมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความแล้ว
ผู้คัดค้านไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการขอจัดการมรดก
ทายาทมีส่วนเท่ากันออกค่าใช้จ่ายจัดการทำศพ
ความเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น
สิทธิของบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย
หนังสือสัญญาแบ่งมรดกตกเป็นโมฆะหรือไม่?
อำนาจและหน้าที่ในการจัดการทำศพและลำดับก่อนหลัง
พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน
ผู้จัดการมรดกฟ้องแทนทายาทโดยธรรมอื่น
คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าแล้วเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่
การสละมรดกมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาเจ้ามรดกตายจึงขาดความเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แม้กองมรดกมีผู้จัดการมรดกแล้วทายาทก็ยังมีสิทธิฟ้อง
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่ได้ทำต่อหน้าพยานตกเป็นโมฆะ
บุตรนอกสมรสและบิดานอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดกต่อกันอย่างไร
ผู้จัดการมรดก | ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
ผู้จัดการมรดกเรียกให้เจ้าของรวมส่งมอบโฉนดที่ดิน
การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลงอายุความ 5 ปียังไม่เริ่มนับ
สิทธิรับมรดกก่อนหลัง
คำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ
อายุความฟ้องคดีแพ่งอันเนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มรดก
เมื่อแบ่งมรดกเสร็จแล้วความเป็นทายาทสิ้นสุดลง-อายุความมรดก
การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ
คดีมรดกต้องเป็นคดีที่ทายาทด้วยกันพิพาทกันเรื่องสิทธิในส่วนแบ่งมรดก
ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก