ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, ที่ดินนิคมสหกรณ์, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน, สิทธิเหนือพื้นดิน, การเพิกถอนโฉนดที่ดิน,

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, ที่ดินนิคมสหกรณ์, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน, สิทธิเหนือพื้นดิน, การเพิกถอนโฉนดที่ดิน,

*ที่ดินพิพาทซึ่งยังเป็นที่ดินของรัฐตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ไม่ใช่มรดกของผู้ตาย แม้ผู้ตายมีสิทธิเข้าทำประโยชน์และโอนสิทธิได้ แต่การที่จำเลยกล่าวอ้างสิทธิโดยไม่สุจริตและขอออกโฉนดที่ดินเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ศาลสั่งเพิกถอนโฉนดได้

*นายวา ผู้ได้รับจัดสรรที่ดินในนิคมสหกรณ์หนองบัวตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ถึงแก่ความตายโดยไม่ได้รับโฉนดหรือทำพินัยกรรม ทายาทตามกฎหมายจึงมีสิทธิในทรัพย์มรดก แต่จำเลยที่ไม่ใช่ทายาทอ้างสิทธิขอออกโฉนดโดยไม่สุจริตและไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าจำเลยไม่มีสิทธิรับมรดกหรือทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท.

*ที่ดินพิพาทในเขตนิคมสหกรณ์หนองบัวยังเป็นที่ดินของรัฐตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ไม่ใช่มรดกของนายวา แต่บ้านเลขที่ 4/2 ที่ปลูกบนที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนายวาและตกเป็นมรดกแก่ทายาทโดยธรรม นายวา มีสิทธิครอบครองที่ดินตามมาตรา 1367 และอาจได้กรรมสิทธิ์หากปฏิบัติตามกฎหมายครบถ้วน 

*จำเลยไม่มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์หนองบัวหรือยื่นคำขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์และโฉนดที่ดินพิพาท เนื่องจากจำเลยไม่ใช่ทายาทของนายวา การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตและไม่ชอบ แม้คณะกรรมการหรือเจ้าพนักงานจะออกเอกสารดังกล่าวให้ก็ถือว่ากระทำโดยผิดหลง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น.

**การออกโฉนดที่ดินของจำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบ ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนโฉนดดังกล่าว แต่โจทก์ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ อย่างถูกต้องก่อน 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2559

ว. ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยเป็นการเข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินของรัฐตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขดังที่กฎหมายบัญญัติ หากกระทำผิดเงื่อนไขรัฐจะเอาคืนเสียเมื่อใดก็ได้ ที่ดินพิพาทจึงยังเป็นที่ดินของรัฐไม่ใช่ทรัพย์มรดกของ ว. แม้ที่ดินพิพาทยังเป็นของรัฐ แต่ ว. ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำประโยชน์ ว. จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ตามมาตรา 1367 ที่สามารถใช้ยันกับราษฎรหรือประชาชนทั่วไปได้ และ ว. อาจได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหากปฏิบัติครบถ้วนตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 11 สิทธิของ ว. ที่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมีลักษณะทำนองเดียวกับสิทธิเหนือพื้นดินซึ่งสามารถโอนและรับมรดกกันได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1410 และมาตรา 1411 เมื่อ ว. ถึงแก่ความตาย สิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทย่อมเป็นกองมรดกของ ว. ตามมาตรา 1600 ตกแก่ทายาทโดยธรรมของ ว. ตามมาตรา 1599 ส่วนบ้านที่ปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทนั้น ว. เป็นผู้ปลูกสร้างโดยได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่และทำประโยชน์จากรัฐตามกฎหมายดังกล่าว บ้านจึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของ ว. เมื่อ ว. ถึงแก่ความตายย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท

***ว. ยังไม่ได้ขอให้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง เพื่อนำไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามมาตรา 11 วรรคสอง ว. ถึงแก่ความตายเสียก่อน จำเลยไม่ใช่ทายาทของ ว. แต่กลับกล่าวอ้างว่าเป็นทายาทแล้วขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท จากนั้นได้ขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์และดำเนินการออกโฉนดที่ดินเป็นชื่อของตน เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการไม่ชอบ กระทบสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ ว. ที่มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนโฉนดที่ดินได้ แต่การที่โจทก์จะให้ใส่ชื่อโจทก์แทนจำเลยโดยไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินนั้นไม่อาจกระทำได้ เพราะโจทก์จะต้องไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนโดยถูกต้องก่อน

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 สั่งค่าฤชาธรรมเนียมไม่ครบถ้วนโดยสั่งเฉพาะค่าทนายความ จึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 167

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2559, ที่ดินนิคมสหกรณ์ การจัดสรรที่ดิน, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท, ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511, สิทธิเหนือพื้นดินและการโอนมรดก, การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบ, การใช้สิทธิไม่สุจริตในที่ดินพิพาท, ข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน, การแบ่งทรัพย์มรดกและสิทธิตามกฎหมาย,

 

****โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5195 ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และให้เจ้าพนักงานที่ดินใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินเลขที่ 5195 ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และให้เจ้าพนักงานที่ดินใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าว กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 5,000 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในชั้นนี้โดยคู่ความไม่โต้แย้งคัดค้านว่า นายวา เป็นบุตรของนายคาย และนางประเทือง โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายวาและนางเขียน ตามสำเนาทะเบียนบ้าน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ โจทก์ นายสมคิด และนางสาวจันทร์ตา ตามบัญชีเครือญาติ นายวาเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์หนองบัวและเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 4/2 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร กับโกดังเก็บสินค้าพืชไร่ตามภาพถ่าย (4 ภาพ) ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์หนองบัว เนื้อที่ 1 งาน 15 ตารางวา ที่ได้รับจัดสรรให้เข้าอยู่อาศัยตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 และเข้าอยู่ในบ้านดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2526 กับปลูกโกดังเก็บสินค้าในที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้ นายวาถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2538 มีทรัพย์มรดกคือรถยนต์กระบะบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-4578 สุโขทัย และที่ดินทำไร่ 2 แปลง เนื้อที่ 28 ไร่ และ 30 ไร่ ขณะที่นายวาถึงแก่ความตายยังไม่ได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์จากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์อันจะนำไปขอออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 11 นายวาไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ แต่มีทายาทโดยธรรม คือ นายคาย นางประเทือง นางเขียน โจทก์ นายสมคิด และนางสาวจันทร์ตา รวม 6 คน วันที่ 3 มิถุนายน 2538 นางประเทืองทำหนังสือสัญญากับจำเลยเพื่อแสดงเจตนาว่า นายคายและนางประเทืองเรียกร้องเงิน 100,000 บาท และรถยนต์ 1 คัน จากจำเลย โดยมีเงื่อนไขว่านายคายและนางประเทืองมอบบ้านเลขที่ 4/2 ให้จำเลย ตามหนังสือสัญญาผู้รับเลี้ยงดูแล หรือสำเนาหนังสือสัญญาผู้รับเลี้ยงดูแล วันที่ 6 มิถุนายน 2538 นางประเทืองทำหนังสือแสดงเจตนาตั้งจำเลยเป็นผู้รับโอนสิทธิและผลประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์หนองบัว หรือสำเนาหนังสือแสดงเจตนาตั้งผู้รับโอนสิทธิและผลประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ ปี 2539 โจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายวา นางประเทืองยื่นคำคัดค้าน วันที่ 26 ธันวาคม 2539 ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์และนางประเทืองเป็นผู้จัดการมรดกของนายวาร่วมกัน ตามสำเนาคำสั่งศาลชั้นต้นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 336/2539 หมายเลขแดงที่ 394/2539 วันที่ 29 มกราคม 2540 โจทก์และนางประเทืองทำสัญญาแบ่งทรัพย์มรดก โดยรถยนต์ 2 คัน ให้ตกเป็นของนางประเทือง ทรัพย์มรดกที่เหลือให้ตกเป็นของโจทก์ แต่นางประเทืองต้องชำระเงิน 41,668 บาท ให้แก่โจทก์ ตามสัญญาแบ่งทรัพย์มรดก วันที่ 26 มีนาคม 2540 จำเลยทำหนังสือแสดงเจตนาตั้งผู้รับโอนสิทธิและผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และนายสมคิดกับทำบันทึกเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามหนังสือแสดงเจตนาตั้งผู้รับโอนสิทธิและผลประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ และบันทึกเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน วันที่ 16 ธันวาคม 2546 อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน. 5) เลขที่ 1279/2546 เพื่อแสดงว่าจำเลยนำตรวจสอบและพิสูจน์ที่ดินแปลงดังกล่าวว่าได้ทำประโยชน์ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ตามสำเนาหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน. 5) แล้วนำไปขอออกโฉนดที่ดิน วันที่ 7 มิถุนายน 2547 เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5195 ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่ 1 งาน 15 ตารางวา ให้แก่จำเลย แต่ห้ามโอนภายในห้าปี ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ตามสำเนาโฉนดที่ดิน นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ใช่บุตรหรือทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายวา จำเลยไม่ฎีกาโต้แย้ง ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธณ์ภาค 6 ว่า จำเลยไม่ใช่บุตรหรือทายาทของนายวา

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ที่ดินพิพาทและบ้านเลขที่ 4/2 หมู่ที่ 4ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายวา หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตนิคมสหกรณ์หนองบัว นายวาได้รับคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยเป็นการเข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินของรัฐ จากการที่รัฐบาลนำที่ดินของรัฐมาจัดเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ตั้งเคหสถานและประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขดังที่กฎหมายบัญญัติ หากกระทำผิดเงื่อนไขรัฐจะเอาคืนเสียเมื่อใดก็ได้ ดังนี้ที่ดินพิพาทจึงยังเป็นที่ดินของรัฐอยู่ ที่ดินพิพาทไม่ใช่มรดกของนายวาอันจะตกแก่ทายาทของนายวา ส่วนบ้านเลขที่ 4/2 ปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทนั้น นายวาเป็นผู้ปลูกสร้างโดยได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่และทำประโยชน์จากรัฐตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 บ้านเลขที่ 4/2 จึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 146 บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของนายวา เมื่อนายวาถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมรวม 6 คน ซึ่งมีโจทก์รวมอยู่ด้วยดังข้อเท็จจริงที่ฟังยุติ อนึ่ง แม้ที่ดินพิพาทจะเป็นของรัฐแต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายวาได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเข้าไปปลูกบ้านเลขที่ 4/2 และโกดังเก็บสินค้า นายวาจึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 ที่สามารถใช้ยันกับราษฎรหรือประชาชนทั่วไปได้ คงไม่สามารถใช้ยันต่อรัฐได้เท่านั้นหากมีการทำผิดเงื่อนไข และนายวาอาจได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหากปฏิบัติครบถ้วนตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 11 สิทธิของนายวาที่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมีลักษณะทำนองเดียวกับสิทธิเหนือพื้นดินซึ่งสามารถโอนและรับมรดกกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 และมาตรา 1411 เมื่อนายวาถึงแก่ความตาย สิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทย่อมเป็นกองมรดกของนายวาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 และตกแก่ทายาทโดยธรรมของนายวาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทและบ้านเลขที่ 4/2 เป็นมรดกของนายวามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยประการแรกฟังขึ้นบางส่วน

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการที่สองว่า จำเลยมีสิทธิยื่นคำขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทและมีสิทธินำหนังสือแสดงการทำประโยชน์ไปออกโฉนดที่ดินหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า นายวาเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์หนองบัว ได้รับจัดสรรให้เข้าอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 และเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านเลขที่ 4/2 ที่นายวาปลูกสร้างในที่ดินพิพาทกับปลูกโกดังในที่ดินพิพาท แต่นายวายังไม่ได้ขอให้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง เพื่อนำไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามมาตรา 11 วรรคสอง นายวาก็ถึงแก่ความตายเสียก่อนโดยนายวามีทายาทโดยธรรม 6 คน คือ นายคายและนางประเทืองซึ่งเป็นบิดามารดา นางเขียนซึ่งเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ นายสมคิดและนางสาวจันทร์ตา ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายทั้งสามคน ส่วนจำเลยไม่ใช่บุตรของนายวา เมื่อนายวาถึงแก่ความตายก่อนได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การที่จำเลยไม่ใช่ทายาทของนายวากลับกล่าวอ้างว่าเป็นทายาทของนายวาแล้วขอสมัครเป็นสมาชิกของนิคมสหกรณ์หนองบัวและขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท จากนั้นได้ขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์และดำเนินการออกโฉนดที่ดินจึงเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตและเป็นการไม่ชอบ แม้คณะกรรมการจะอนุญาตให้จำเลยเข้าเป็นสมาชิกของนิคมสหกรณ์หนองบัวและให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็เป็นการอนุญาตโดยผิดหลง นอกจากนี้จำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์เลย กับการที่อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ และเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยก็เป็นกระทำโดยผิดหลงเช่นกัน การกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ข้อเท็จจริงต้องฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิสมัครเข้าเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์หนองบัวเพื่อเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท และไม่มีสิทธิยื่นคำขอหนังสือแสดงการทำประโยชน์และไม่มีสิทธินำหนังสือแสดงการทำประโยชน์ไปออกโฉนดที่ดิน ฎีกาของจำเลยประการที่สองฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่าการออกโฉนดที่ดินของจำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบ ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทที่ออกโดยไม่ชอบได้ แต่การที่โจทก์จะให้ใส่ชื่อโจทก์แทนจำเลยโดยไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินนั้นย่อมไม่อาจกระทำได้ เพราะโจทก์จะต้องไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนโดยถูกต้องก่อน นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 สั่งค่าฤชาธรรมเนียมไม่ครบถ้วนโดยสั่งเฉพาะค่าทนายความจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 5195 ตำบลหนองบัว อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก ให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาล ศาลละ 5,000 บาท แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนี้ทั้งสามศาลให้เป็นพับ

บทบัญญัติที่เป็นสาระสำคัญที่สุดในคำพิพากษาศาลฎีกานี้คือ

มาตรา 11 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511

เหตุผล:

บทความเน้นถึงการใช้สิทธิในที่ดินพิพาทซึ่งยังคงเป็นของรัฐ โดยการที่นายวาไม่ได้ดำเนินการตาม มาตรา 11 เพื่อขอออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์และนำไปขอออกโฉนดก่อนถึงแก่ความตาย เป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อสถานะทางกฎหมายของที่ดิน และเป็นเหตุให้สิทธิของโจทก์ (ทายาทที่ชอบด้วยกฎหมาย) และสิทธิของจำเลย (ผู้ไม่ได้เป็นทายาท) ถูกวินิจฉัยในคดีนี้

มาตราดังกล่าวกำหนดขั้นตอนและเงื่อนไขที่จำเป็นในการแปลงสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหัวใจหลักของข้อพิพาทคดีนี้.

มาตรา 11 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่ง พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 บัญญัติว่า

วรรคหนึ่ง:

"ผู้ที่ได้รับจัดสรรที่ดินจากรัฐเพื่อการอยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพตามพระราชบัญญัตินี้ มีสิทธิขอให้อธิบดีกรมที่ดิน หรือผู้ที่อธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ในที่ดินนั้นได้ หากผู้นั้นได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว"

วรรคสอง:

"เมื่อได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ผู้ได้รับจัดสรรที่ดินมีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามระเบียบและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง"

ข้อความดังกล่าวกำหนดขั้นตอนให้ผู้ได้รับที่ดินจากรัฐต้องดำเนินการขอเอกสารแสดงสิทธิให้ถูกต้อง และสามารถนำไปขอออกโฉนดหรือหนังสือรับรองได้ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด.

คำถามที่ 1:

จำเลยมีสิทธิออกโฉนดที่ดินพิพาทหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?

คำตอบ:

จำเลยไม่มีสิทธิออกโฉนดที่ดินพิพาท เนื่องจากจำเลยไม่ใช่ทายาทของนายวา และการกล่าวอ้างสิทธิในที่ดินดังกล่าวถือเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต แม้คณะกรรมการหรือเจ้าพนักงานที่ดินจะออกเอกสารให้จำเลย ก็ถือว่าเป็นการอนุญาตโดยผิดหลง และโฉนดดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนโฉนดได้.

คำถามที่ 2:

ทรัพย์สินใดบ้างที่ถือเป็นมรดกของนายวา และที่ดินพิพาทมีสถานะอย่างไรตามกฎหมาย?

คำตอบ:

บ้านเลขที่ 4/2 และโกดังสินค้าที่ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทถือเป็นมรดกของนายวา ส่วนที่ดินพิพาทยังเป็นที่ดินของรัฐตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ไม่ถือเป็นมรดก และไม่สามารถตกทอดแก่ทายาทได้ นอกจากนี้ บ้านและโกดังไม่ได้เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท แต่เป็นกรรมสิทธิ์แยกต่างหาก. 




คดีมรดก ร้องศาลตั้งผู้จัดการมรดก

(ฎีกาที่ 3681/2567) : อำนาจผู้จัดการมรดกร่วมในการฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนสู่กองมรดก
(ฎีกาที่ 8200/2567) เพิกถอนโฉนดที่ดินและการจัดการมรดก: การบังคับคดีและผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4043/2567 การตั้งผู้จัดการมรดกและการคัดค้านสิทธิของทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2567: พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ความสมบูรณ์และผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2567: มรดกไม่มีทายาทตกเป็นของแผ่นดิน และสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งเงินฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5668/2567: การเพิกถอนพินัยกรรมและหลักเกณฑ์ความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
พินัยกรรมผิดแบบเอกสารลับยังสมบูรณ์ได้ หากครบเงื่อนไขพินัยกรรมธรรมดา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2538
โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2563: ผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์มรดกและความรับผิดตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2563: การโอนมรดกและอำนาจผู้จัดการมรดก
การจัดการมรดกและผู้จัดการมรดก, สินสมรสและสินส่วนตัวในคดีมรดก, อายุความคดีมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1733
บุคคลผู้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกของผู้ตาย
การจัดการมรดกไม่ชอบไม่อาจถือว่าการจัดการมรดกสิ้นลงแล้ว
ทายาทฟ้องทายาทให้แบ่งทรัพย์มรดก สิทธิฟ้องแบ่งมรดกเมื่อพ้นอายุความ
พินัยกรรมของผู้ตายที่ห้ามโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตกเป็นโมฆะ, ข้อห้ามในพินัยกรรมเป็นโมฆะ, ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
ถอนผู้จัดการมรดก, การปันมรดกเสร็จสิ้นแล้ว, การจัดการศาลจ้าวไม่เป็นมรดก, ศาลจ้าวใต้เซียฮุดโจ๊วเป็นกุศลสถาน
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่
มรดกตกทอด, การเพิกถอนการสละมรดก, อายุความในการฟ้องคดีมรดก, สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้
หนังสือแต่งตั้งผู้รับโอนประโยชน์ในเงินทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์ไม่ถือเป็นพินัยกรรม, เงินสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์, สิทธิผู้รับโอนประโยชน์ในเงินสงเคราะห์
นิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นคนต่างด้าว, คดีมรดกที่ดินของคนต่างด้าว, อายุความคดีมรดก, การยักยอกทรัพย์มรดก
พินัยกรรมยกมรดกให้พี่น้องร่วมบิดามารดา, สิทธิของผู้สืบสันดานในการรับมรดกแทนที่, การฟ้องเรียกค่าเช่าจากทรัพย์สินมรดก
การกำจัดทายาทมิให้รับมรดก, สิทธิรับมรดกของผู้สืบสันดานเมื่อทายาทถูกกำจัด, การเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดก
เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก, การฟ้องแบ่งมรดกของผู้ตาย, การยกอายุความในคดีมรดก, สินสมรสและสินส่วนตัวในกองมรดก
ผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดก, พินัยกรรมด้วยวาจา ป.พ.พ. มาตรา 1663, การครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาท
สิทธิทายาทในมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, ทายาทตายก่อนแบ่งมรดก, รับมรดกแทนที่ มาตรา 1639,
สิทธิการฟ้องขอแบ่งมรดกของทายาท, การเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินมรดก, สินสมรสหลังคู่สมรสเสียชีวิต
สัญญาประกันชีวิต, สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, ผู้ทำประกันชีวิตและผู้รับผลประโยชน์ตายพร้อมกัน
การจัดการหนี้สินในกองมรดก, สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก, ที่ดินมรดกและการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก
ผู้จัดการมรดกปฏิบัติผิดหน้าที่-ทายาทผู้มีสิทธิฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกได้
ผู้จัดการมรดกร่วมถึงแก่ความตายต้องทำอย่างไร, ฟ้องซ้อน คืออะไร, แต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่เพียงทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป
การจัดการทรัพย์มรดกในฐานะผู้จัดการมรดกตามหน้าที่ที่จำเป็น
คำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกปิดบังทรัพย์มรดกมีผลอย่างไร
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปี
ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้มีส่วนได้เสีย
สามีไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้จัดการมรดกได้
ทรัพย์มรดกยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาททุกคน-การจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้น
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร?
ฟ้องผู้จัดการมรดกนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงเกินห้าปีขาดอายุความ
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลถูกเพิกถอนได้
อายุความคดีมรดก เจ้าหนี้ฟ้องคดีมรดกเกินหนึ่งปี
คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก
บุตรบุญธรรมเป็นผู้สืบสันดานเหมือนบุตรชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายซึ่งผู้ตายรับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดาน
มารดาขายที่ดินซึ่งผู้เยาว์มีส่วนแบ่งไม่ต้องขอศาล
นายอำเภอคือผู้มีอำนาจจัดทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ความรับผิดของผู้จัดการมดกภายหลังการเสียชีวิต
ผู้จัดการมรดกร่วมนำทรัพย์มรดกหาประโยชน์แก่ตน
ผู้สืบสันดาน คือใคร? ต่างกับทายาท อย่างไร?
คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส | การสมรสเป็นโมฆะ
อายุความคดีมรดก และอายุความเกี่ยวกับการจัดการมรดก
เหตุอันจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก
การปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วการถอนผู้จัดการมรดกย่อมพ้นกำหนดเวลา
สามีมิได้จดทะเบียนสมรสไม่ถือเป็นทายาทของภริยาผู้ตาย
อำนาจหน้าที่จัดการศพพระภิกษุผู้มรณภาพไม่มีทรัพย์สิน
สามีไม่จดทะเบียนสมรสขอถอนผู้จัดการมรดก มีกรรมสิทธิ์รวม
ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก
อำนาจฟ้องขอแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตาย
ทายาททุกคนมอบหมายให้ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วม
ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300
ทายาทโดยธรรมย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกตามส่วนที่จะพึงได้
สิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาห้ามยกเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนโดยสุจริต
ผู้จัดการมรดกทำนิติกรรมซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก
ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์มรดกเมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความแล้ว
ผู้คัดค้านไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการขอจัดการมรดก
ทายาทมีส่วนเท่ากันออกค่าใช้จ่ายจัดการทำศพ
ความเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น
สิทธิของบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย
หนังสือสัญญาแบ่งมรดกตกเป็นโมฆะหรือไม่?
อำนาจและหน้าที่ในการจัดการทำศพและลำดับก่อนหลัง
พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน
ผู้จัดการมรดกฟ้องแทนทายาทโดยธรรมอื่น
คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าแล้วเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่
การสละมรดกมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาเจ้ามรดกตายจึงขาดความเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แม้กองมรดกมีผู้จัดการมรดกแล้วทายาทก็ยังมีสิทธิฟ้อง
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่ได้ทำต่อหน้าพยานตกเป็นโมฆะ
บุตรนอกสมรสและบิดานอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดกต่อกันอย่างไร
ผู้จัดการมรดก | ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
ผู้จัดการมรดกเรียกให้เจ้าของรวมส่งมอบโฉนดที่ดิน
การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลงอายุความ 5 ปียังไม่เริ่มนับ
สิทธิรับมรดกก่อนหลัง
คำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ
อายุความฟ้องคดีแพ่งอันเนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มรดก
เมื่อแบ่งมรดกเสร็จแล้วความเป็นทายาทสิ้นสุดลง-อายุความมรดก
การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ
คดีมรดกต้องเป็นคดีที่ทายาทด้วยกันพิพาทกันเรื่องสิทธิในส่วนแบ่งมรดก
ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ความรับผิดของผู้ตาย
แสดงบัญชีเครือญาติเป็นเท็จปิดบังจำนวนทายาท
อายุความคดีมรดกสะดุดหยุดลง การแบ่งทรัพย์มรดกไม่ชอบ
ไม่มีกฎหมายบังคับให้ฟ้องเอาทรัพย์มรดกจากทายาทอื่นที่ครอบครองแทนใน 1 ปี
สัญญาว่าจ้างติดตามทรัพย์กองมรดกเรียกส่วนแบ่งเป็นโมฆะ
คดีฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมปลอมและถูกกำจัดมิให้รับมรดก
โจทก์ฟ้องให้แบ่งทรัพย์มรดกได้แม้ว่าจะล่วงพ้นกำหนดอายุความหนึ่งปี
คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกอายุความ 5 ปี
การแจ้งการเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตน
ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด