ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่

คำถาม 1:

จำเลยที่ 1 มีอำนาจในการขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 หรือไม่?

คำตอบ:

จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์ มีอำนาจตามกฎหมายในการจัดการทรัพย์มรดก รวมถึงการขายที่ดินพิพาทเพื่อชำระหนี้และแบ่งปันทรัพย์สินแก่ทายาท โดยการดำเนินการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากทายาทส่วนใหญ่และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

คำถาม 2:

จำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างถูกต้องหรือไม่?

คำตอบ:

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างถูกต้อง เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายและผ่านความเห็นชอบจากทายาทส่วนใหญ่ตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายทรัพย์มรดก.

*การขายที่ดินพิพาทของผู้จัดการมรดกเพื่อนำเงินชำระหนี้กองมรดกและแบ่งปันทรัพย์สิน ได้ดำเนินการตามกฎหมายและความเห็นชอบของทายาทส่วนใหญ่ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้คัดค้าน ทั้งยังเป็นการป้องกันความเสียหายต่อกองมรดกที่มีหนี้สินจำนวนมาก

*คดีนี้เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ที่ต้องการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นทรัพย์มรดก โดยโจทก์ที่ 1 และที่ 2 อ้างสิทธิในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดก ขณะที่จำเลยที่ 2 อ้างว่ารับโอนโดยสุจริต ศาลเห็นว่าคำฟ้องนี้เป็นคดีที่สามารถคำนวณเป็นราคาเงินได้

*จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดก มีอำนาจขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของนายเจียมและนางนิภาที่ตกทอดแก่ทายาทโดยยังไม่ได้แบ่งปัน การดำเนินการขายได้รับความเห็นชอบจากทายาทส่วนใหญ่ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ของกองมรดก ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะก่อให้เกิดความเสียหาย ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบ ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

*จำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกมีอำนาจโอนขายที่ดินดังกล่าว ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

*คดีของโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท ไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6219/2559

เมื่อ จ. และ น. ถึงแก่ความตายแล้วทายาทยังไม่ได้แบ่งปันทรัพย์มรดกกัน ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ จ. และ น. ดังนั้น ส. ย่อมมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาททุกคน เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. จึงอยู่ในฐานะเป็นตัวแทนของทายาททุกคนของ จ. และ น. เช่นเดียวกับ ส. จำเลยที่ 1 ยังเป็นผู้จัดการมรดกของ น. ร่วมกับ ธ. และเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ร่วมกับ ก. จำเลยที่ 1 จึงอยู่ในฐานะตัวแทนของทายาททุกคนในการจัดการทรัพย์มรดกของ จ. และ น. มีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก และต้องรับผิดต่อทายาทในฐานะตัวแทน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 และ 1720 โดยทายาทแต่ละคนไม่จำต้องตั้งตัวแทนอีก การที่จำเลยที่ 1 และ ธ. ในฐานะผู้จัดการมรดกของ น. ได้จัดการประชุมทายาทของ น. ถึงเจ็ดครั้ง และเสนอให้ทายาททุกคนประมูลซื้อที่ดินพิพาทก่อน แต่ไม่มีทายาทคนใดเสนอราคา จากนั้นทายาทลงคะแนนด้วยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิได้รับมรดกให้ขายที่ดินพิพาทเพื่อนำเงินไปชำระหนี้กองมรดกของ น. แล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาแบ่งปันระหว่างทายาท จากนั้นจำเลยที่ 1 ให้ ธ. และบริษัท ซ. เป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูลที่ดินพิพาท แต่เมื่อได้ราคาต่ำเกินควร ก็ดำเนินการจัดหาผู้เสนอซื้อรายใหม่ ต่อมาจำเลยที่ 2 เสนอซื้อในราคาที่สูงขึ้น และในการประชุมครั้งที่ 7 ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเกินกว่ากึ่งหนึ่งลงคะแนนเสียงข้างมากให้ขายที่ดินพิพาทในราคาดังกล่าว คงมีแต่เพียงโจทก์ที่ 1 คัดค้าน ซึ่งในวันเดียวกันทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของ จ. ก็ให้ความยินยอมขายที่ดินพิพาทในส่วนที่เป็นมรดกของ จ. ไปพร้อมกับมรดกของ น. ด้วย กรณีดังกล่าวจึงเป็นการที่เจ้าของรวมจัดการอันเป็นสาระสำคัญโดยตกลงกันด้วยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม และคะแนนข้างมากนั้นมีส่วนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งแห่งค่าทรัพย์มรดกแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1745 ประกอบมาตรา 1358 วรรคสาม และจำเลยที่ 1 กับ ธ. ในฐานะผู้จัดการมรดกของ น. ได้จัดการตามที่จำเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกของ น. และทายาททุกคนตามหน้าที่อันควรแล้ว แม้จำเลยที่ 1 และ ธ. จะยังไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ขายที่ดินพิพาทในส่วนมรดกของ น. ตามเงื่อนไขในคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แต่จำเลยที่ 1 และ ธ. ก็ยื่นคำร้องขออนุญาตขายที่ดินทรัพย์ถึงสามครั้ง และยังยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการห้ามทำนิติกรรมในทรัพย์สินกองมรดกของ น. ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า ผู้จัดการมรดกมีอำนาจตามกฎหมายในการแบ่งปันทรัพย์มรดก และปรากฏว่ากองมรดกของ จ. และ น. มีหนี้ที่ต้องชำระเป็นจำนวนมากและต้องรับภาระชำระค่าดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าปีละ66,000,000 บาท หากไม่รีบดำเนินการขายที่ดินพิพาทย่อมเกิดความเสียหายแก่กองมรดกที่จะต้องรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกโดยชอบแล้ว เมื่อที่ดินพิพาทมีชื่อ ส. เป็นผู้มีชื่อในทะเบียน จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. จึงมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทและมีอำนาจจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6219/2559, การจัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 และ 1720, ผู้จัดการมรดกกับสิทธิและหน้าที่, การแบ่งปันทรัพย์มรดกในกองมรดก, การขายทรัพย์มรดกเพื่อชำระหนี้, มรดกตกทอดและสิทธิของทายาท, ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745, การเพิกถอนนิติกรรมในทรัพย์มรดก, ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับผู้จัดการมรดก, การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในกองมรดก,

 

*****โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างจำเลยทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 826 ตำบลทุ่งวัดดอน (บ้านทวาย) อำเภอสาทร (บางรัก) กรุงเทพมหานคร และที่ดินโฉนดเลขที่ 2143, 2144, 2145, 2146 และ 2148 ตำบลทุ่งวัดดอน อำเภอสาทร กรุงเทพมหานคร คืนให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดในค่าธรรมเนียม อากรแสตมป์ ภาษีเงินได้ และค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้อง หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 50,000 บาท แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการแรกว่า คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นทายาทโดยธรรมและเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุมิตร ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายเจียมส่วนหนึ่งและเป็นทรัพย์มรดกของนางนิภาส่วนหนึ่ง นายสุมิตรมีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของนางนิภาจำนวนหนึ่งในเจ็ดส่วน โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิในทรัพย์มรดกของนางนิภาหนึ่งในเจ็ดส่วน โจทก์ที่ 2 เป็นทายาทโดยธรรมและมีสิทธิได้รับมรดกของนายเจียมและนางนิภา และมีคำขอบังคับให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนนายเจียมและนางนิภากับจำเลยที่ 2 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์ กรณีจึงเป็นการที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองให้กลับมาเป็นทรัพย์มรดกของนายเจียมและนางนิภา โดยให้มีชื่อของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทของนายสุมิตร และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทของนายเจียมและนางนิภาด้วย ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ให้การต่อสู้ว่ารับโอนที่ดินพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต อันเป็นการต่อสู้โจทก์ทั้งสองด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์ คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการต่อไปว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์มีอำนาจขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท เมื่อนายเจียมและนางนิภาถึงแก่ความตายแล้วทายาทยังไม่ได้แบ่งปันทรัพย์มรดกกัน ทั้งข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายเจียมและนางนิภา นายสุวิทย์ย่อมมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาททุกคน เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์จึงอยู่ในฐานะเป็นตัวแทนของทายาททุกคนของนายเจียมและนางนิภาเช่นเดียวกับนายสุวิทย์ และนอกจากจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์แล้ว จำเลยที่ 1 ยังเป็นผู้จัดการมรดกของนางนิภาร่วมกับนายธิติ และเป็นผู้จัดการมรดกของนายเจียมร่วมกับนางกรแก้ว จำเลยที่ 1 จึงอยู่ในฐานะตัวแทนของทายาททุกคนในการจัดการทรัพย์มรดกของนายเจียมและนางนิภา มีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก และต้องรับผิดต่อทายาทในฐานะตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 และ 1720 โดยทายาทแต่ละคนไม่จำต้องตั้งตัวแทนอีกแต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 1 และนายธิติในฐานะผู้จัดการมรดกของนางนิภาได้จัดการประชุมทายาทของนางนิภาถึง 7 ครั้ง และเสนอให้ทายาททุกคนประมูลซื้อที่ดินพิพาทก่อน แต่ไม่มีทายาทคนใดเสนอราคา จากนั้นทายาทลงคะแนนด้วยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิได้รับมรดกให้ขายที่ดินพิพาทเพื่อนำเงินไปชำระหนี้กองมรดกของนางนิภา แล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาแบ่งปันระหว่างทายาท หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 และนายธิติได้ให้บริษัทเซ็นจูรี่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูลที่ดินพิพาท แต่เมื่อได้ราคาเพียงตารางวาละ 100,000 บาท ซึ่งต่ำเกินควร ก็ดำเนินการจัดหาผู้เสนอซื้อรายใหม่ ต่อมาจำเลยที่ 2 เสนอซื้อในราคาที่สูงขึ้นเป็นตารางวาละ 170,000 บาท และในการประชุมครั้งที่ 7 ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเกินกว่ากึ่งหนึ่งลงคะแนนด้วยเสียงข้างมากให้ขายที่ดินพิพาทในราคาดังกล่าว คงมีแต่เพียงโจทก์ที่ 1 คัดค้าน ตามสำเนารายงานการประชุม ซึ่งในวันเดียวกันทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนายเจียมก็ให้ความยินยอมขายที่ดินพิพาทในส่วนที่เป็นมรดกของนายเจียมไปพร้อมกับมรดกของนางนิภาด้วยตามสำเนาหนังสือให้ความยินยอมและเห็นชอบในการขายที่ดินทรัพย์มรดก กรณีดังกล่าวจึงเป็นการที่เจ้าของรวมจัดการอันเป็นสาระสำคัญโดยตกลงกันด้วยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม และคะแนนข้างมากนั้นมีส่วนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งแห่งค่าทรัพย์มรดกแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745 ประกอบมาตรา 1358 วรรคสาม และจำเลยที่ 1 กับนายธิติในฐานะผู้จัดการมรดกของนางนิภาได้จัดการตามที่จำเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกของนางนิภาและทายาททุกคนตามหน้าที่อันควรแล้ว แม้จำเลยที่ 1 และนายธิติจะยังไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ขายที่ดินพิพาทในส่วนมรดกของนางนิภาตามเงื่อนไขในคำสั่งศาลคดีหมายเลขแดงที่ 4676/2545 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แต่จำเลยที่ 1 และนายธิติก็ยื่นคำร้องขออนุญาตขายที่ดินทรัพย์มรดกดังกล่าวถึง 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 วันที่ 30 มีนาคม 2555 และวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ตามสำเนาคำร้องและยังยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการห้ามทำนิติกรรมในทรัพย์สินกองมรดกของนางนิภาในคดีหมายเลขแดงที่ 10443/2544 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งว่า ผู้จัดการมรดกมีอำนาจตามกฎหมายในการแบ่งปันทรัพย์มรดก ตามสำเนาคำร้องและปรากฏว่าศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของนายธิติว่า กองมรดกของนายเจียมและนางนิภามีหนี้ที่ต้องชำระเป็นจำนวนมากถึง 1,800,000,000 บาท ต้องรับภาระชำระค่าดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าปีละ 66,000,000 บาท หากไม่รีบดำเนินการขายที่ดินพิพาทย่อมเกิดความเสียหายแก่กองมรดกที่จะต้องรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งโจทก์ทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในส่วนนี้ จึงไม่อาจยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ และถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกโดยชอบแล้ว เมื่อที่ดินพิพาทมีชื่อนายสุวิทย์เป็นผู้มีชื่อในทะเบียน จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์จึงมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทและมีอำนาจจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการต่อไปว่า จำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์มีอำนาจจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ดังนั้น จำเลยที่ 2 ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

สำหรับฎีกาของโจทก์ทั้งสองในประการสุดท้ายว่า คดีของโจทก์ทั้งสองเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความให้โจทก์ทั้งสองต้องรับผิดเกินอัตราตามกฎหมายนั้น เห็นว่า ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในตอนต้นแล้วว่า คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความที่โจทก์ทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดศาลละ 50,000 บาท จึงไม่เกินกว่าอัตราขั้นสูงในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์ตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำแก้อุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 25 มิถุนายน 2557 ในสำนวนแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้ เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข

พิพากษายืน ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีการวม 100,000 บาท แทนจำเลยทั้งสอง


*เรื่อง-ผู้จัดการมรดก: สิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดการมรดก

บทนำ

เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของบุคคลนั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยชอบธรรมตามกฎหมาย หรือเป็นไปตามพินัยกรรมที่ได้จัดทำไว้ การบริหารจัดการทรัพย์มรดกจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องอาศัยผู้จัดการมรดกซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยศาล หรือระบุในพินัยกรรม บทบาทหน้าที่ของผู้จัดการมรดกมีความสำคัญต่อการแบ่งปันทรัพย์สินอย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย

สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ในการดำเนินการดังนี้:

1.จัดการมรดกเพื่อให้เป็นไปตามพินัยกรรม

หากผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งแจ้งชัด (Explicit) หรือโดยปริยาย (Implicit) เช่น การมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลเฉพาะเจาะจง การชำระหนี้ หรือการจัดสรรทรัพย์สินให้กับทายาทตามสัดส่วน

2.บริหารทรัพย์มรดกโดยทั่วไป

ในกรณีที่ไม่มีพินัยกรรม หรือไม่มีข้อกำหนดเฉพาะเจาะจง ผู้จัดการมรดกต้องดำเนินการจัดการทรัพย์มรดกทั้งหมด เช่น การดูแลทรัพย์สิน การป้องกันความเสียหาย หรือการรักษาทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพดี

3.แบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท

ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่จัดสรรทรัพย์มรดกแก่ทายาทตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนดหรือที่ระบุในพินัยกรรม การแบ่งปันนี้อาจรวมถึงการขายทรัพย์สินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด หากเป็นวิธีที่เหมาะสมในการแบ่งปัน

4.ชำระหนี้สินของกองมรดก

ก่อนแบ่งปันทรัพย์สิน ผู้จัดการมรดกต้องชำระหนี้สินของผู้ตาย เช่น หนี้สินส่วนตัว ภาษี หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

5.ดำเนินการทางกฎหมายแทนกองมรดก

ผู้จัดการมรดกมีสิทธิในการดำเนินการทางกฎหมาย เช่น การฟ้องร้องบุคคลที่เกี่ยวข้อง การปกป้องสิทธิของกองมรดก หรือการจัดการทรัพย์สินที่เป็นข้อพิพาท

การจัดการที่จำเป็นและสอดคล้องกับกฎหมาย

มาตรา 1720 ยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้จัดการมรดกต้องดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของกองมรดก รวมถึงการดำเนินการที่ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น

•การขายทรัพย์สินเพื่อชำระดอกเบี้ยหรือภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น

•การประชุมหารือกับทายาทเพื่อหามติในการบริหารจัดการ

บทสรุป

ผู้จัดการมรดกมีบทบาทสำคัญในการดูแลและบริหารทรัพย์สินของผู้ตายให้เป็นไปตามกฎหมายและพินัยกรรม หน้าที่เหล่านี้ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและโปร่งใส เพื่อสร้างความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามกฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารมรดกอย่างราบรื่นและยุติธรรม

 
คำถาม 1: จำเลยที่ 1 มีอำนาจในการขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 หรือไม่? คำตอบ: จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุวิทย์ มีอำนาจตามกฎหมายในการจัดการทรัพย์มรดก รวมถึงการขายที่ดินพิพาทเพื่อชำระหนี้และแบ่งปันทรัพย์สินแก่ทายาท โดยการดำเนินการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากทายาทส่วนใหญ่และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คำถาม 2: จำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างถูกต้องหรือไม่? คำตอบ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างถูกต้อง เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายและผ่านความเห็นชอบจากทายาทส่วนใหญ่ตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายทรัพย์มรดก.
 
 
 
ปรึกษากฎหมาย ทนายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 085-960-4258



คดีมรดก ร้องศาลตั้งผู้จัดการมรดก

สิทธิขอกันส่วนเงินขายทอดตลาด (ฎีกา 638/2567)
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง & ความสามารถผู้ทำพินัยกรรม(ฎีกา 6522/2561)
ผู้จัดการมรดกยักยอกเงิน & จัดการที่ดินมรดก (ฎีกา 1543/2568)
สัญญาประนีประนอม & สิทธิผู้จัดการมรดกเสียงข้างมาก (ฎีกา 3001/2568)
วิเคราะห์ผู้จัดการมรดกจำนองที่ดิน ทุจริต,กองมรดก, ทายาท,(ฎีกา 5902/2567)
สิทธิทายาท & การแบ่งมรดกโดยจับฉลาก, ทายาทไม่เข้าร่วมประชุม (ฎีกา 2128/2567)
อำนาจผู้จัดการมรดกร่วม & ฟ้องเรียกทรัพย์, มาตรา 1726, (ฎีกา 2628/2567)
คดีมรดก อายุความมรดก 10 ปี, สิทธิทายาท, แบ่งมรดก, (ฎีกา 9992/2560)
บังคับแบ่งมรดก & เพิกถอนโอน,ผู้จัดการมรดก, (ฎีกา 3886/2566)
(ฎีกาที่ 2656/2567) ภาษีการรับมรดก & คำนวณมูลค่าทรัพย์สิน
(ฎีกาที่ 3681/2567) : อำนาจผู้จัดการมรดกร่วมในการฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนสู่กองมรดก
(ฎีกาที่ 8200/2567) เพิกถอนโฉนดที่ดินและการจัดการมรดก: การบังคับคดีและผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4043/2567 การตั้งผู้จัดการมรดกและการคัดค้านสิทธิของทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2567: พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ความสมบูรณ์และผลทางกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2567: มรดกไม่มีทายาทตกเป็นของแผ่นดิน และสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งเงินฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5668/2567: การเพิกถอนพินัยกรรมและหลักเกณฑ์ความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
พินัยกรรมผิดแบบเอกสารลับยังสมบูรณ์ได้ หากครบเงื่อนไขพินัยกรรมธรรมดา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2538
โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว(ฎีกา 7272/2562)
ผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์มรดกและความรับผิดตามกฎหมาย(ฎีกาที่ 416/2563)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2563: การโอนมรดกและอำนาจผู้จัดการมรดก
สรุปคดีมรดก & เพิกถอนโอนที่ดิน,เพิกถอนนิติกรรม,(ฎีกา 1028/2564)
สิทธิรับมรดก ทายาทโดยธรรม & สินสมรส(ฎีกา 755/2565)
การจัดการมรดกไม่ชอบไม่อาจถือว่าการจัดการมรดกสิ้นลงแล้ว
ทายาทฟ้องทายาทให้แบ่งทรัพย์มรดก สิทธิฟ้องแบ่งมรดกเมื่อพ้นอายุความ
พินัยกรรมของผู้ตายที่ห้ามโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตกเป็นโมฆะ, ข้อห้ามในพินัยกรรมเป็นโมฆะ, ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
ถอนผู้จัดการมรดก, การปันมรดกเสร็จสิ้นแล้ว, การจัดการศาลจ้าวไม่เป็นมรดก, ศาลจ้าวใต้เซียฮุดโจ๊วเป็นกุศลสถาน
ที่ดินของรัฐ มรดกของผู้ตาย, ที่ดินนิคมสหกรณ์, สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน, สิทธิเหนือพื้นดิน, การเพิกถอนโฉนดที่ดิน,
มรดกตกทอด, การเพิกถอนการสละมรดก, อายุความในการฟ้องคดีมรดก, สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้
หนังสือแต่งตั้งผู้รับโอนประโยชน์ในเงินทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์ไม่ถือเป็นพินัยกรรม, เงินสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์, สิทธิผู้รับโอนประโยชน์ในเงินสงเคราะห์
นิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นคนต่างด้าว, คดีมรดกที่ดินของคนต่างด้าว, อายุความคดีมรดก, การยักยอกทรัพย์มรดก
พินัยกรรมยกมรดกให้พี่น้องร่วมบิดามารดา, สิทธิของผู้สืบสันดานในการรับมรดกแทนที่, การฟ้องเรียกค่าเช่าจากทรัพย์สินมรดก
การกำจัดทายาทมิให้รับมรดก, สิทธิรับมรดกของผู้สืบสันดานเมื่อทายาทถูกกำจัด, การเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดก
เพิกถอนโอนมรดก & สิทธิทายาท (ฎีกา 1023/2566)
ผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดก, พินัยกรรมด้วยวาจา ป.พ.พ. มาตรา 1663, การครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาท
สิทธิทายาทในมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, ทายาทตายก่อนแบ่งมรดก, รับมรดกแทนที่ มาตรา 1639,
สิทธิการฟ้องขอแบ่งมรดกของทายาท, การเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินมรดก, สินสมรสหลังคู่สมรสเสียชีวิต
สัญญาประกันชีวิต, สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, ผู้ทำประกันชีวิตและผู้รับผลประโยชน์ตายพร้อมกัน
การจัดการหนี้สินในกองมรดก, สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก, ที่ดินมรดกและการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดก
ผู้จัดการมรดกปฏิบัติผิดหน้าที่-ทายาทผู้มีสิทธิฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกได้
ผู้จัดการมรดกร่วมถึงแก่ความตายต้องทำอย่างไร, ฟ้องซ้อน คืออะไร, แต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่เพียงทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป
การจัดการทรัพย์มรดกในฐานะผู้จัดการมรดกตามหน้าที่ที่จำเป็น
คำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกปิดบังทรัพย์มรดกมีผลอย่างไร
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปี
ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้มีส่วนได้เสีย
สามีไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้จัดการมรดกได้
ทรัพย์มรดกยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาททุกคน-การจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้น
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร?
ฟ้องผู้จัดการมรดกนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงเกินห้าปีขาดอายุความ
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลถูกเพิกถอนได้
อายุความคดีมรดก เจ้าหนี้ฟ้องคดีมรดกเกินหนึ่งปี
คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก
บุตรบุญธรรมเป็นผู้สืบสันดานเหมือนบุตรชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายซึ่งผู้ตายรับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดาน
มารดาขายที่ดินซึ่งผู้เยาว์มีส่วนแบ่งไม่ต้องขอศาล
นายอำเภอคือผู้มีอำนาจจัดทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ความรับผิดของผู้จัดการมดกภายหลังการเสียชีวิต
ผู้จัดการมรดกร่วมนำทรัพย์มรดกหาประโยชน์แก่ตน
ผู้สืบสันดาน คือใคร? ต่างกับทายาท อย่างไร?
คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส | การสมรสเป็นโมฆะ
อายุความคดีมรดก และอายุความเกี่ยวกับการจัดการมรดก
(ฎีกา 2150/2561) – สิทธิร้องถอนผู้จัดการมรดกก่อนปันมรดก(ฎีกา 2150/2561)
การปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วการถอนผู้จัดการมรดกย่อมพ้นกำหนดเวลา
สามีมิได้จดทะเบียนสมรสไม่ถือเป็นทายาทของภริยาผู้ตาย
อำนาจหน้าที่จัดการศพพระภิกษุผู้มรณภาพไม่มีทรัพย์สิน
สามีไม่จดทะเบียนสมรสขอถอนผู้จัดการมรดก มีกรรมสิทธิ์รวม
ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก
อำนาจฟ้องขอแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตาย
ทายาททุกคนมอบหมายให้ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วม
ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300
ทายาทโดยธรรมย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกตามส่วนที่จะพึงได้
สิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาห้ามยกเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนโดยสุจริต
ผู้จัดการมรดกทำนิติกรรมซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก
ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์มรดกเมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความแล้ว
ผู้คัดค้านไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการขอจัดการมรดก
ทายาทมีส่วนเท่ากันออกค่าใช้จ่ายจัดการทำศพ
ความเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น
สิทธิของบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย
หนังสือสัญญาแบ่งมรดกตกเป็นโมฆะหรือไม่?
อำนาจและหน้าที่ในการจัดการทำศพและลำดับก่อนหลัง
พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน
ผู้จัดการมรดกฟ้องแทนทายาทโดยธรรมอื่น
คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าแล้วเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่
การสละมรดกมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาเจ้ามรดกตายจึงขาดความเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แม้กองมรดกมีผู้จัดการมรดกแล้วทายาทก็ยังมีสิทธิฟ้อง
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่ได้ทำต่อหน้าพยานตกเป็นโมฆะ
บุตรนอกสมรสและบิดานอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดกต่อกันอย่างไร
ผู้จัดการมรดก | ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
ผู้จัดการมรดกเรียกให้เจ้าของรวมส่งมอบโฉนดที่ดิน
การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลงอายุความ 5 ปียังไม่เริ่มนับ
สิทธิรับมรดกก่อนหลัง
คำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ
อายุความฟ้องคดีแพ่งอันเนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มรดก
เมื่อแบ่งมรดกเสร็จแล้วความเป็นทายาทสิ้นสุดลง-อายุความมรดก
การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ
คดีมรดกต้องเป็นคดีที่ทายาทด้วยกันพิพาทกันเรื่องสิทธิในส่วนแบ่งมรดก
ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก