ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 : คดีนายวงแชร์ 7 วง เกินกว่ากฎหมายกำหนด และประเด็นความผิดฐานยักยอก

ทนาย ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา จัดให้มีการเล่นแชร์รวม 7 วง เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ศาลต้องวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ และพิจารณาประเด็นสำคัญว่าจำเลยมีความผิดฐานยักยอกเงินค่าแชร์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 หรือไม่ รวมถึงการตีความสิทธิของโจทก์ร่วมในคดีลักษณะนี้

 

สรุปข้อเท็จจริง

•จำเลยเป็นนายวงแชร์ จัดให้มีการเล่นแชร์รวม 7 วง มีสมาชิกและมือหลากหลายวง

•การเล่นแชร์เป็นไปตามระบบประมูลเพื่อหมุนเวียนรับเงินทุนกองกลาง

•ผู้เสียหายหลายรายส่งเงินค่าแชร์แล้วแต่ยังไม่ได้ประมูลวงแชร์สำเร็จ

•แชร์ล้มก่อนที่บางรายจะได้รับเงินทุนคืน

•โจทก์ร่วมเข้าร่วมดำเนินคดีในข้อหายักยอกและความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์

 

คำวินิจฉัยของศาล

1.ความผิดฐานยักยอก (ป.อ. มาตรา 352)

ศาลฎีกาเห็นว่าเงินค่าแชร์ที่ผู้เสียหายส่งให้จำเลยในแต่ละงวด เมื่อมีผู้ประมูลแชร์ได้แล้ว กรรมสิทธิ์เงินจะตกแก่ผู้นั้น ผู้ที่ยังไม่ประมูลได้จึงไม่มีสิทธิในเงินกองกลางโดยตรง หากแชร์ล้ม ความรับผิดของจำเลยเป็นเพียงความรับผิดทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดอาญาฐานยักยอก

⇒ ศาลยืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องข้อหายักยอก

2.ความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6

แม้แต่ละวงจะเริ่มเล่นต่างวัน แต่ในช่วงเวลาเดียวกันมีวงแชร์เกิน 3 วง ถือว่าผิดตามกฎหมายโดยไม่จำเป็นต้องเริ่มในวันเดียวกัน

⇒ ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด

3.สิทธิของโจทก์ร่วม

สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิเข้าร่วมฟ้องในข้อหานี้ ศาลจึงเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้เข้าร่วมในข้อหาดังกล่าว

 

การขยายความประเด็นทางกฎหมาย

1. ความผิดฐานยักยอก (ป.อ. มาตรา 352)

•องค์ประกอบ: ต้องมีการครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นโดยชอบ แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยทุจริต

•ในคดีนี้ เงินค่าแชร์ไม่ได้เป็นทรัพย์ของผู้เสียหายแต่ละรายหลังส่งให้วงแล้ว เพราะสิทธิจะโอนไปตามผลการประมูล

•การที่แชร์ล้มทำให้เกิดหนี้คืนเงินเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่ยักยอก

2. ข้อหาตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ มาตรา 6

•มาตรา 6(1) ห้ามบุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์รวมเกิน 3 วง

•ไม่กำหนดว่าต้องเริ่มในวันเดียวกัน เพียงมีจำนวนรวมเกินในช่วงเวลาเดียวกันก็ผิด

3. สิทธิของโจทก์ร่วม

•ความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ เป็นความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย

•ประชาชนไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ เว้นแต่ข้อหาทางอาญาทั่วไปที่ตนเป็นผู้เสียหาย

 

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

มาตรานี้บัญญัติถึงความผิดฐานยักยอก กำหนดว่า "ผู้ใดครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยโดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก" องค์ประกอบสำคัญคือ (1) ผู้กระทำต้องครอบครองทรัพย์โดยชอบ เช่น ได้รับมาฝาก เก็บรักษา หรือใช้ประโยชน์ตามสัญญา (2) ทรัพย์นั้นต้องเป็นของผู้อื่นหรือเป็นกรรมสิทธิ์รวม (3) ต้องมีเจตนาเบียดบังเพื่อให้ตนหรือผู้อื่นได้ทรัพย์ไปโดยทุจริต ความแตกต่างระหว่างยักยอกกับลักทรัพย์คือ ยักยอกเกิดจากการครอบครองโดยชอบมาก่อน แต่เปลี่ยนเจตนาภายหลัง ตัวอย่างเช่น พนักงานเก็บเงินร้านที่นำเงินค่าขายสินค้าไปใช้ส่วนตัว หรือเพื่อนที่ยืมรถแล้วไม่คืน การพิจารณาความผิดต้องดูว่าขณะเริ่มครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบหรือไม่ และมีพฤติการณ์เบียดบังอย่างไร

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4)

มาตรานี้ให้ความหมายคำว่า "ผู้เสียหาย" ว่า คือบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดโดยตรง และรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยชอบให้ดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย หรือผู้มีสิทธิตามกฎหมายจะดำเนินคดีแทน เช่น ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ หรือทายาทของผู้เสียชีวิตจากการกระทำผิด การตีความว่าผู้ใดเป็น "ผู้เสียหาย" มีความสำคัญต่อสิทธิในการฟ้องคดีอาญา การเข้าเป็นโจทก์ร่วม และการใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ตัวอย่างเช่น ในคดีฉ้อโกง หากผู้ถูกหลอกเสียเงินไปย่อมเป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่บุคคลที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ญาติของผู้เสียหาย ไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามมาตรานี้

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30

มาตรานี้ว่าด้วยสิทธิของผู้เสียหายที่จะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในคดีอาญา โดยกำหนดว่าผู้เสียหายอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเข้าร่วมดำเนินคดีในฐานะโจทก์ร่วมได้ หากศาลเห็นว่ามีสิทธิเป็นผู้เสียหายตามมาตรา 2 (4) และการเข้าร่วมไม่ก่อให้เกิดความล่าช้าหรือเสียหายต่อการพิจารณาคดี หลักการนี้ช่วยให้ผู้เสียหายมีบทบาทในคดีอาญามากขึ้น เช่น สามารถยื่นพยานหลักฐานหรือซักค้านพยานได้ แต่สิทธินี้จำกัดเฉพาะความผิดที่ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องเองได้ ไม่รวมถึงความผิดที่กฎหมายกำหนดว่ารัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย เช่น ความผิดตามกฎหมายบางฉบับที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของรัฐ

พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 4

มาตรานี้เป็นบทนิยาม กำหนดคำสำคัญ เช่น “แชร์” หมายถึงการที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตกลงรวมเงินหรือทรัพย์สินเป็นงวด ๆ แล้วให้สมาชิกผลัดกันได้รับเงินหรือทรัพย์สินนั้นตามวิธีการที่กำหนด อาจโดยการประมูลหรือจับสลากก็ได้ คำนิยามนี้มีความสำคัญเพราะเป็นจุดเริ่มในการกำหนดว่า การกระทำใดอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายนี้ เช่น การรวมเงินซื้อทองคำแบบผลัดกันรับก็อาจเข้าข่าย "แชร์" หากมีลักษณะตรงตามองค์ประกอบ

พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6

มาตรานี้บัญญัติข้อห้าม โดยเฉพาะในวรรคหนึ่งที่ห้ามบุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์รวมกันเกินสามวง หากฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดทางอาญา ข้อห้ามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการขยายวงแชร์มากเกินไปจนเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหรือแชร์ล้ม กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องเริ่มวงพร้อมกันในวันเดียวกัน แต่ถ้าจำนวนวงที่ยังคงดำเนินอยู่รวมเกินสามในช่วงเวลาเดียวกันก็ผิด ตัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นนายวงแชร์อยู่แล้วสามวง หากเปิดวงที่สี่เพิ่ม แม้จะเริ่มคนละวันก็เข้าข่ายผิด

พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 17

มาตรานี้กำหนดบทกำหนดโทษสำหรับการฝ่าฝืนมาตรา 6 และมาตราอื่น ๆ โดยระบุโทษปรับหรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการฝ่าฝืน การมีโทษทางอาญาช่วยให้กฎหมายมีผลบังคับใช้จริงและเป็นการป้องปรามไม่ให้มีการจัดเล่นแชร์โดยผิดกฎหมาย ตัวอย่างเช่น หากนาย ข. เปิดวงแชร์เกินสามวง ศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับตามมาตรา 17

การเชื่อมโยงกับคดีในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8040/2567

หลักกฎหมายข้างต้นเชื่อมโยงโดยตรงกับการพิจารณาว่าโจทก์ร่วมมีสิทธิเข้าร่วมฟ้องหรือไม่ (ตาม ป.วิ.อ. ม. 2 (4) และ ม. 30) และการวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเข้าข่ายยักยอก (ป.อ. ม. 352) หรือเป็นเพียงความรับผิดทางแพ่ง รวมทั้งการพิจารณาว่าการจัดวงแชร์เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด (พ.ร.บ.การเล่นแชร์ ม. 6) เป็นความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหายและต้องรับโทษตามมาตรา 17 การทำความเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า คดีลักษณะนี้มักมีทั้งประเด็นคดีแพ่งและคดีอาญา และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นความผิดอาญาใด และใครมีสิทธิดำเนินคดี

 

สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

•การเล่นแชร์เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดมีโทษ แม้จะเริ่มต่างวันแต่เกิน 3 วงในเวลาเดียวกันก็ผิด

•เงินค่าแชร์ที่ส่งแล้วหากยังไม่ได้รับจากการประมูลและแชร์ล้ม จะเป็นความรับผิดทางแพ่ง ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก

•สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย ต้องจำกัดเฉพาะคดีที่กฎหมายให้สิทธิชัดเจน

 

IRAC วิเคราะห์ฎีกา 2926/2544

Issue (ประเด็นปัญหา)

1.จำเลยมีความผิดฐานยักยอกเงินค่าแชร์หรือไม่

2.การจัดให้มีวงแชร์เกิน 3 วงในช่วงเวลาเดียวกันเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.การเล่นแชร์ มาตรา 6 หรือไม่

3.โจทก์ร่วมมีสิทธิเข้าร่วมดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์หรือไม่

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ)

•ป.อ. มาตรา 352: ยักยอก

•พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6(1), 17: ห้ามมีวงแชร์เกิน 3 วง

•ป.วิ.อ. เรื่องสิทธิของโจทก์ร่วม

Application (การวิเคราะห์)

•เงินค่าแชร์ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายหลังส่งเข้าวงแล้ว การล้มวงแชร์ก่อให้เกิดหนี้คืนในทางแพ่ง

•จำเลยจัดวงแชร์รวม 7 วงในช่วงเวลาเดียวกัน จึงผิดมาตรา 6 แม้เริ่มเล่นต่างวัน

•โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิในข้อหาตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ เพราะเป็นความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย

Conclusion (ข้อสรุป)

•ยกฟ้องข้อหายักยอก

•ลงโทษในข้อหามีวงแชร์เกิน 3 วงตามกฎหมาย

•เพิกถอนสิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์

 

สรุปภาษาอังกฤษแบบย่อ

The Supreme Court Judgment No. 2926/2544 concerns a case where the defendant organized seven rotating savings funds ("share" schemes) exceeding the legal limit under the 1991 Rotating Savings Fund Act, Section 6. The Court ruled that although the defendant was guilty of operating more than three concurrent funds, the act did not constitute embezzlement under Section 352 of the Criminal Code, as the fund money was no longer owned by each participant once contributed. Liability for unpaid funds was deemed a civil matter. Additionally, private complainants could not join as co-plaintiffs in offenses where the state is the sole injured party.

 

สรุปย่อฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์รวม 7 วง มีการประมูลแชร์แล้วหลายครั้ง ผู้ที่ประมูลได้ก็ได้รับเงินไป การที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมยังไม่เคยประมูลได้ ทำให้ไม่มีสิทธิในเงินกองกลางโดยตรง การล้มวงแชร์เป็นเพียงความรับผิดทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก จึงยืนตามศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหานี้ ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ มาตรา 6 แม้แต่ละวงจะเริ่มต่างวัน แต่ในช่วงเวลาเดียวกันมีเกินสามวง ถือว่าผิดกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 6 และเพิกถอนสิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ เพราะเป็นความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหายเท่านั้น

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544

เงินค่าแชร์แต่ละงวดที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมส่งให้จำเลย เมื่อผู้ใดประมูลแชร์ได้ ก็จะตกได้แก่ผู้นั้น กรรมสิทธิ์ในเงินที่ส่งไปแล้วมิได้เป็นของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมต่อไปอีกและหากผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมไม่สามารถประมูลแชร์ได้เพราะแชร์ล้มเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยในฐานะที่เป็นเจ้ามือแชร์ก็ต้องรับผิดแทน ซึ่งเป็นความผิดในทางแพ่งจำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก

 

ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6บัญญัติไว้แต่เพียงว่า ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวงเท่านั้นมิได้บัญญัติว่าจะต้องจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มากกว่าสามวงดังกล่าวขึ้นมาพร้อม ๆ กันในวันเดียวกัน จึงจะเป็นความผิด เมื่อจำเลยจัดให้มีการเล่นแชร์โดยมีจำเลยเป็นนายวงแชร์ในช่วงเวลาเดียวกันมากกว่าสามวงจึงเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 6

 

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์พ.ศ. 2534 มาตรา 4,6,17 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352แต่ความผิดตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ เป็นความผิดที่รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย ราษฎรไม่เป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมคงเป็นผู้เสียหายและเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้เฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้เป็นนายวงแชร์จัดให้มีการเล่นแชร์รวมกัน 7 วง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6(1) ดังนี้

 

แชร์วงที่ 1 มีสมาชิก 27 คน จำนวน 34 หุ้นหรือมือ มือละ3,000 บาท ต่องวด งวดละเดือน สมาชิกที่ร่วมเล่นแต่ละมือต้องส่งเงินแชร์ให้จำเลยรวมเป็นเงินทุนกองกลางงวดละ 102,000บาท จำเลยรับเงินทุนกองกลางงวดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม2537 งวดต่อไปสมาชิกจะหมุนเวียนกันรับเงินทุนกองกลางดังกล่าวโดยการประมูลในวันที่ 25 ของทุกเดือนถัดไป จนครบงวดสุดท้ายวันที่ 25 กรกฎาคม 2540

 

แชร์วงที่ 2 และที่ 3 มีสมาชิกวงละ 20 คน และ 27 คนตามลำดับ จำนวนวงละ 30 มือ มือละ 1,000 บาท ต่องวดงวดละเดือน สมาชิกที่ร่วมเล่นแต่ละมือต้องส่งเงินแชร์ให้จำเลยรวมเป็นเงินทุนกองกลางงวดละ 30,000 บาท ต่อวง จำเลยรับเงินทุนกองกลางงวดแรกทั้งสองวงไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน2538 งวดต่อไปสมาชิกจะหมุนเวียนกันรับเงินทุนกองกลางดังกล่าวแต่ละวง โดยการประมูลในวันที่ 4 ของทุกเดือนถัดไป จนครบงวดสุดท้ายทั้งสองวงในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2541

 

แชร์วงที่ 4 และที่ 5 มีสมาชิกวงละ 21 คน จำนวนวงละ 22 มือมือละ 2,000 บาท ต่องวด งวดละเดือน สมาชิกที่ร่วมเล่นแต่ละมือต้องส่งเงินแชร์ให้จำเลยรวมเป็นทุนกองกลางงวดละ 44,000 บาทต่อวง จำเลยรับเงินทุนกองกลางงวดแรกทั้งสองวงไปแล้วเมื่อวันที่ 15พฤษภาคม 2538 งวดต่อไปสมาชิกจะหมุนเวียนกันรับเงินทุนกองกลางดังกล่าวแต่ละงวด โดยการประมูลในวันที่ 15 ของทุกเดือนถัดไปจนครบงวดสุดท้ายทั้งสองวงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2540

 

แชร์วงที่ 6 มีสมาชิก 14 คน จำนวน 14 มือ มือละ 5,000 บาทต่องวด งวดละเดือน สมาชิกที่ร่วมเล่นแต่ละมือต้องส่งเงินแชร์ให้จำเลยรวมเป็นเงินทุนกองกลางงวดละ 70,000 บาท จำเลยรับเงินทุนกองกลางงวดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2539 งวดต่อไปสมาชิกจะหมุนเวียนกันรับเงินทุนกองกลางดังกล่าว โดยการประมูลในวันที่ 4 ของทุกเดือนถัดไปจนครบงวดสุดท้ายวันที่ 4 สิงหาคม 2540

 

แชร์วงที่ 7 มีสมาชิก 13 คน จำนวน 16 มือ มือละ 2,000 บาทต่องวด งวดละเดือน สมาชิกที่ร่วมเล่นแต่ละมือต้องส่งเงินแชร์ให้จำเลยรวมเป็นเงินทุนกองกลางงวดละ 32,000 บาท จำเลยรับเงินกองกลางงวดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2539 งวดต่อไปสมาชิกจะหมุนเวียนกันรับเงินทุนกองกลางดังกล่าว โดยการประมูลในวันที่ 25 ของทุกเดือนถัดไป จนครบงวดสุดท้ายวันที่ 25 เมษายน 2540

 

ระหว่างวันเวลาดังกล่าว จำเลยเรียกเก็บเงินค่าแชร์จากนางสาวกิ่งกาญจน์ ศักดา ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย4 วง เป็นแชร์วงที่ 1 จำนวน 3 มือ เป็นเงินรวม 234,000 บาทแชร์วงที่ 2 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาท แชร์วงที่ 4 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท และแชร์วงที่ 5 จำนวน1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 325,000 บาทจากนางลัดดา สุไลมาน ผู้เสียหาย ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 2 วงเป็นแชร์วงที่ 2 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาท และแชร์วงที่ 3 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น30,000 บาท จากนางสุจิน โพธิ์หอม ผู้เสียหายที่ 3 ซึ่งรวมเล่นแชร์กับจำเลย 5 วง เป็นแชร์วงที่ 1 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 78,000 บาทแชร์วงที่ 2 จำนวน 3 มือ เป็นเงินรวม 45,000 บาท แชร์ที่ 3 จำนวน 2 มือ เป็นเงินรวม 30,000 บาท แชร์วงที่ 4 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม38,000 บาท และแชร์วงที่ 5 จำนวน 2 มือ เป็นเงินรวม 76,000 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 267,000 บาท จากนางสาวจิตรวิดา ตั้งวีระพรพงศ์ผู้เสียหายที่ 4 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 1 วง เป็นแชร์วงที่ 4 จำนวน1 มือ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 38,000 บาท จากนางวลัยรัตน์ มุขจั่นผู้เสียหายที่ 5 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 4 วง เป็นแชร์วงที่ 2 จำนวน2 มือ เป็นเงินรวม 30,000 บาท แชร์วงที่ 3 จำนวน 2 มือ เป็นเงินรวม30,000 บาท แชร์วงที่ 4 จำนวน 2 มือ เป็นเงินรวม 36,000 บาทและแชร์วงที่ 5 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 174,000 บาท จากนางวันดี แซ่เอี้ย ผู้เสียหายที่ 6 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 1 วง เป็นแชร์วงที่ 1 จำนวน 2 มือ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 156,000บาท จากนางชู้เค้ง วงศ์วรรุจ ผู้เสียหายที่ 7 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย1 วง เป็นแชร์วงที่ 7 จำนวน 3 มือ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 66,000 บาทจากนางสาวสุนันทา หวังสิรินานนท์ ผู้เสียหายที่ 8 ซึ่งร่วมกันเล่นแชร์กับจำเลย 4 วง เป็นแชร์วงที่ 2 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาทแชร์วงที่ 3 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาท แชร์วงที่ 4 จำนวน1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท และแชร์วงที่ 5 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม38,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 106,000 บาท จากนางสุนีย์ รัศมีเฟื่องฟูผู้เสียหายที่ 9 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 4 วง เป็นแชร์วงที่ 2 จำนวน 1 มือเป็นเงินรวม 15,000 บาท แชร์วงที่ 4 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000บาท แชร์วงที่ 5 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท และแชร์วงที่ 7จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 2,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 113,000 บาทจากนางสาวฝันจิต เอี่ยมสกุลยง ผู้เสียหายที่ 10 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย3 วง เป็นแชร์วงที่ 4 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท แชร์วงที่ 5จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 38,000 บาท และแชร์วงที่ 7 จำนวน 2 มือเป็นเงินรวม 44,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 120,000 บาท จากนางมะลิฉิมสุโข ผู้เสียหายที่ 11 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 3 วง เป็นแชร์วงที่ 1จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 78,000 บาท แชร์วงที่ 2 จำนวน 2 มือเป็นเงินรวม 30,000 บาท และแชร์วงที่ 3 จำนวน 2 มือ เป็นเงินรวม30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 138,000 บาท และจากนางสุดใจเอี่ยมสกุลยง ผู้เสียหายที่ 12 ซึ่งร่วมเล่นแชร์กับจำเลย 4 วง เป็นแชร์วงที่ 1 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 78,000 บาท แชร์วงที่ 2 จำนวน1 มือ เป็นเงินรวม 15,000 บาท แชร์วงที่ 3 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม15,000 บาท และแชร์วงที่ 6 จำนวน 1 มือ เป็นเงินรวม 25,000 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 133,000 บาท แล้วจำเลยยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวของผู้เสียหายทั้งสิบสองซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,352 พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 4, 6, 17 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งสิบสองตามจำนวนเงินที่จำเลยยักยอกจากผู้เสียหายแต่ละคนไป

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางสุนีย์ รัศมีเฟื่องฟู ผู้เสียหายที่ 9 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

 

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6(1), 17 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานเป็นนายวงแชร์จัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 6 เดือน กระทงหนึ่งฐานยักยอกทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสิบสอง เป็นความผิดสิบสองกรรมสิบสองกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน เฉพาะข้อหาความผิดฐานเป็นนายวงแชร์ฯ คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นจำคุก 4 เดือน รวมสิบสามกระทง จำคุก 76 เดือน กับให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 จำนวน325,000 บาท ผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 30,000 บาท ผู้เสียหายที่ 3จำนวน 267,000 บาท ผู้เสียหายที่ 4 จำนวน 38,000 บาท ผู้เสียหายที่ 5 จำนวน 174,000 บาท ผู้เสียหายที่ 6 จำนวน 156,000 บาท ผู้เสียหายที่ 7 จำนวน 66,000 บาท ผู้เสียหายที่ 8 จำนวน 106,000บาท โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ 9 จำนวน 113,000 บาท ผู้เสียหายที่ 10 จำนวน 120,000 บาท ผู้เสียหายที่ 11 จำนวน 138,000 บาทและผู้เสียหายที่ 12 จำนวน 133,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

 

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง และให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

 

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์ จัดให้มีการเล่นแชร์รวม 7 วง จำเลยรวบรวมเงินจากผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 ที่ 10 ถึงที่ 12 และโจทก์ร่วมซึ่งเป็นสมาชิกวงแชร์ไปแล้วหลายงวด แต่ทุกคนยังไม่เคยประมูลแชร์ได้รวมยอดเงินที่จำเลยเก็บไปจากผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมมากถึงหนึ่งล้านบาทเศษแล้ว แชร์ล้มมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเงินค่าแชร์แต่ละงวดที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมส่งให้จำเลยโดยที่ยังไม่มีใครประมูลแชร์ ย่อมตกได้แก่ผู้ที่ชนะการประมูลแชร์ในงวดนั้น ๆ กรรมสิทธิ์ในเงินดังกล่าวจึงมิได้เป็นของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมต่อไป โจทก์เห็นว่า หากมีการประมูลแชร์แล้ว เงินจำนวนดังกล่าวย่อมตกได้แก่ผู้ที่ประมูลแชร์ได้จริง แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินที่จำเลยเรียกเก็บไปนั้นยังไม่มีการประมูลแชร์ เงินค่าแชร์ที่จำเลยเรียกเก็บจากลูกวงยังเป็นของลูกวงทุกคนอยู่ เพียงแต่จำเลยเป็นผู้ครอบครองเงินจำนวนดังกล่าวไว้เท่านั้น การที่จำเลยเรียกเก็บเงินค่าแชร์จากลูกวงทุกคนไว้ในครอบครอง แต่ไม่จัดให้มีการประมูลแชร์เพื่อให้ลูกวงรับเงินทุนกองกลางค่าแชร์แต่ละงวดไปกลับเบียดบังเอาเงินค่าแชร์ดังกล่าวไป ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้นเห็นว่า ตามที่โจทก์ฎีกามาเท่ากับอ้างว่าจำเลยไม่เคยจัดให้มีการประมูลแชร์เลย ได้แต่เรียกเก็บเงินไปไว้ที่จำเลยแล้วเบียดบังเอาเงินทั้งหมดนั้นไป แต่ตามทางนำสืบของโจทก์เองกลับปรากฏว่าพยานโจทก์ที่นำสืบหลายปากล้วนแต่เบิกความว่าจำเลยจัดให้มีการประมูลแชร์ไปแล้วหลายงวด โดยสถานที่จัดประมูลแชร์คือที่ร้านของจำเลยข้อเท็จจริงจึงมิได้เป็นไปดังที่โจทก์กล่าวอ้าง การประมูลแชร์ตามวาระมีไปแล้วหลายครั้ง เพียงแต่แชร์ล้มเสียก่อนที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมประมูลได้ ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ที่ประมูลแชร์ได้ต่างก็ได้รับเงินไปแล้ว มิใช่ว่ายังไม่เคยมีผู้ใดได้รับเงินกองกลางไป และตามคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินในงวดหลัง ๆ ในช่วงเวลาที่การเล่นแชร์เริ่มจะไม่มั่นคงซึ่งอาจมีปัญหาในเรื่องการละเลยไม่จัดประมูลแชร์ได้แต่ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินทั้งหมดที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมส่งไปซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมยังไม่เคยประมูลแชร์ได้ จึงยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินกองกลางที่จำเลยรวบรวมไป เงินค่าแชร์แต่ละงวดที่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมส่งให้จำเลยไปแล้ว เมื่อผู้ใดประมูลแชร์ได้ ก็ย่อมจะตกได้แก่ผู้นั้นไปกรรมสิทธิ์ในเงินที่ส่งไปแล้วมิได้เป็นของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมต่อไปอีก และหากผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมไม่สามารถประมูลแชร์ได้เพราะแชร์ล้มเลิก ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้ามือแชร์ก็จะต้องรับผิดแทน ซึ่งความรับผิดในกรณีเช่นนี้เป็นความรับผิดในทางแพ่ง ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยักยอกเงินของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดและโจทก์ร่วมดังที่โจทก์กล่าวหาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานยักยอกชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

 

มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยว่าการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบของความผิดตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกัน7 วง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534มาตรา 6(1) ซึ่งบัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์จัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวงและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นแชร์รวมเจ็ดวงเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องวงแชร์ 7 วง นั้น แต่ละวงเริ่มเล่นในวันเวลาต่างกัน วันเกิดเหตุที่กระทำความผิดจะต้องเป็นวันเดียวกัน เมื่อแชร์แต่ละวงเล่นกันคนละวัน ซึ่งไม่เกินสามวงจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิด เห็นว่า แม้ตามฟ้องจะปรากฏว่าวันเวลาที่โจทก์อ้างว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นแชร์แต่ละวงจะแตกต่างกันอยู่ และไม่มีวันใดมีการเริ่มเล่นแชร์ขึ้นใหม่พร้อมกันถึง 3 วงก็ตาม แต่ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6นั้นได้บัญญัติไว้แต่เพียงว่า ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวงเท่านั้นมิได้บัญญัติว่าจะต้องจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มากกว่าสามวงดังกล่าวขึ้นมาพร้อม ๆ กันในวันเดียวกัน จึงจะเป็นความผิด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า แชร์ที่จำเลยจัดให้มีการเล่นทั้งหมดซึ่งมีจำเลยเป็นนายวงแชร์อยู่นั้น มีจำนวนรวมกันอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันมากกว่าสามวงตามที่จำกัดจำนวนไว้ในกฎหมาย ย่อมต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 6 นี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

 

อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 4, 6, 17 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 91 สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์เป็นความผิดที่รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย ราษฎรไม่เป็นผู้เสียหายโจทก์ร่วมคงเป็นผู้เสียหายและเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้เฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในข้อหาตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์แต่อย่างใด ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ด้วยนั้น จึงเป็นการไม่ชอบแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์และฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง"

พิพากษายืน แต่ให้ยกคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์

 

1.โลโก้สำนักงานทนายความ Peesiri Lawyer Office และข้อมูลติดต่อ – ภาพโลโก้สำนักงานทนายความ พร้อมชื่อ Peesiri Lawyer Office และหมายเลขโทรศัพท์ 085-960-4258 ใช้ประกอบบทความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 เกี่ยวกับคดีเล่นแชร์ 7 วง 2.หัวข้อบทความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 – ข้อความหัวข้อ “คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 : คดีนายวงแชร์ 7 วง เกินกว่ากฎหมายกำหนด และประเด็นความผิดฐานยักยอก” ใช้สำหรับ SEO เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การเล่นแชร์ มาตรา 6 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 3.ย่อหน้าบทนำคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 – ข้อความบทนำสรุปเนื้อหาคดี การจัดเล่นแชร์ 7 วง เกินจำนวนตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 และการพิจารณาความผิดฐานยักยอกเงินค่าแชร์ 4.หัวข้อสรุปข้อเท็จจริงคดีเล่นแชร์ 7 วง – ข้อความหัวข้อย่อย “สรุปข้อเท็จจริง” เกี่ยวกับข้อเท็จจริงสำคัญในคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 เกี่ยวข้องกับการเป็นนายวงแชร์และการประมูลเงินกองกลาง 5.รายการสรุปข้อเท็จจริงคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2544 – ข้อความสรุปข้อเท็จจริง เช่น จำเลยเป็นนายวงแชร์รวม 7 วง มีสมาชิกหลายคน การเล่นแชร์ตามระบบประมูล การล้มวงแชร์ และสิทธิการเป็นโจทก์ร่วม




การเล่นแชร์

การเล่นแชร์-สมาชิกวงแชร์เป็นนิติบุคคลได้
นายวงแชร์ - ตั้งแชร์เกินสามแสนบาท
การเลิกสัญญาเล่นแชร์-นายวงแชร์ต้องรับผิดชอบในการคืนเงิน
ออกเช็คเป็นประกันหนี้ค่าแชร์ การเล่นแชร์
ห้ามนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์เป็นโมฆะ
ฟ้องเช็คค่าเล่นแชร์ สั่งจ่ายเช็คชำระค่าแชร์
จัดให้มีการเล่นแชร์รวมกันทุกวงเกิน30คน