
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง โดยพิจารณาจากพฤติการณ์ที่หญิงอื่นแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของโจทก์ แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพบกันเพื่อปรึกษาเรื่องงาน แต่ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุน และพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
สรุปข้อเท็จจริง • โจทก์และสามีจดทะเบียนสมรส และประกอบธุรกิจร่วมกัน มีจำเลยเป็นลูกจ้างตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป • สามีโจทก์ไปที่บ้านเช่าของจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง บางครั้งพักค้างคืน และมีกุญแจเข้าออกบ้านจำเลยได้เอง • จำเลยแต่งงานแล้ว และยินยอมให้สามีโจทก์เข้าออกบ้านยามวิกาล รวมทั้งออกไปทำงานพร้อมกันในบางครั้ง • พฤติการณ์นี้ทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว • โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทน 3,000,000 บาท ศาลชั้นต้นกำหนดให้ชำระ 1,500,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กลับให้ยกฟ้อง • ศาลฎีกาพิพากษาแก้ กำหนดค่าทดแทน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1. การนำสืบไม่เป็นนอกฟ้องนอกประเด็น การที่โจทก์นำสืบพฤติกรรมต่อเนื่องของจำเลยและสามี เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ฉันชู้สาว เป็นการขยายความประเด็นฟ้องให้ชัดเจน ไม่ขัดต่อข้อห้าม 2. องค์ประกอบมาตรา 1523 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเข้าข่าย “แสดงตนโดยเปิดเผย” ว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว 3. การประเมินค่าทดแทน ศาลพิจารณาพฤติการณ์ สถานะ และความสัมพันธ์ที่มีปัญหามาก่อน จึงปรับค่าทดแทนเหลือ 1,000,000 บาท
การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย • หลักเกณฑ์ตามมาตรา 1523 วรรคสอง ให้สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี • การตีความคำว่า “แสดงตนโดยเปิดเผย” ครอบคลุมถึงพฤติการณ์ที่บุคคลทั่วไปเมื่อพบเห็นสามารถเข้าใจได้ว่ามีความสัมพันธ์ดังกล่าว แม้ไม่มีหลักฐานทางเพศสัมพันธ์โดยตรง • น้ำหนักพยานหลักฐาน การพบกันยามวิกาล การค้างคืน การใช้กุญแจเข้าออกได้เอง และการออกจากบ้านพร้อมกัน เป็นหลักฐานแวดล้อมที่มีน้ำหนักเพียงพอ
ข้อคิดทางกฎหมาย 1. สิทธิเรียกค่าทดแทนตามมาตรา 1523 วรรคสอง ต้องพิสูจน์การ “แสดงตนโดยเปิดเผย” 2. พฤติการณ์แวดล้อมมีความสำคัญในการตีความ แม้ไม่มีหลักฐานตรง 3. ศาลจะพิจารณากำหนดค่าทดแทนตามความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานะและความเสียหายจริง
IRAC Analysis Issue (ประเด็นปัญหา) ภริยามีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นหรือไม่ เมื่อหญิงอื่นมีพฤติการณ์ให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี Rule (บทกฎหมายที่ใช้บังคับ) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง — “ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้” Application (การประยุกต์ใช้) จากพยานหลักฐาน พบว่าจำเลยอนุญาตให้สามีโจทก์เข้าออกบ้านยามวิกาล พักค้างคืน และออกไปทำงานพร้อมกัน พฤติการณ์ดังกล่าวเพียงพอให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว แม้จำเลยจะอ้างเหตุผลเรื่องงานแต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ศาลจึงเห็นว่าเข้าองค์ประกอบมาตรา 1523 วรรคสอง Conclusion (ข้อสรุป) จำเลยต้องชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
สรุปย่อภาษาอังกฤษ (English Summary)
The Supreme Court Judgment No. 964/2562 concerns a wife’s right under Section 1523 paragraph 2 of the Civil and Commercial Code to claim compensation from another woman who openly shows a relationship with her husband in an adulterous manner. The Court found sufficient circumstantial evidence—frequent late-night visits, overnight stays, and unrestricted access to the house—indicating such a relationship. The defendant was ordered to pay 1,000,000 THB plus interest.
สามีโจทก์เข้าออกบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง สามีโจทก์ยังมีกุญแจที่ใช้เปิดประตูเข้าออกบ้านจำเลยได้เอง แม้ในยามกลางดึกซึ่งเป็นเวลาที่จำเลยเข้านอนแล้วก็สามารถเข้าบ้านจำเลยโดยไม่ต้องรอให้จำเลยเปิดประตูบ้านให้ อันแสดงให้เห็นว่าจำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่าที่จะเป็นเพียงนายจ้างหรือลูกจ้างกันตามปกติธรรมดา โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้
คำฟ้องโจทก์ขอเรียกค่าทดแทนจากจำเลย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า "ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้" จากพฤติการณ์ที่สามีโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านเช่าของจำเลยในช่วงเวลากลางคืนบ่อยครั้ง โดยขับรถมาเองหรือมาพร้อมกับจำเลยก็ตาม บางครั้งก็นอนพักค้างคืนที่บ้านจำเลยและกลับออกมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น อีกทั้งสามีโจทก์ยังมีกุญแจที่ใช้เปิดประตูเข้าออกบ้านจำเลยได้เอง แม้ในยามกลางดึกซึ่งเป็นเวลาที่จำเลยเข้านอนแล้วก็สามารถเข้าบ้านจำเลยโดยไม่ต้องรอให้จำเลยเปิดประตูบ้านให้ อันแสดงให้เห็นว่าจำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่าที่จะเป็นเพียงนายจ้างหรือลูกจ้างกันตามปกติธรรมดา การที่จำเลยเป็นหญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว ยินยอมให้สามีโจทก์ซึ่งเป็นชายอื่นเข้าออกบ้านจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง รวมทั้งให้มานอนค้างคืนที่บ้านแล้วออกจากบ้านไปช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น โดยบางครั้งมีการแต่งกายออกไปทำงานพร้อมกัน ย่อมทำให้เพื่อนบ้านหรือบุคคลอื่นที่พบเห็นถึงพฤติกรรมระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์เข้าใจได้ว่า จำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน พฤติการณ์เช่นนี้เป็นการที่จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายต่อเกียรติยศ ชื่อเสียงทางธุรกิจ ความเดือดร้อนที่ครอบครัวต้องแตกแยก และความทุกข์ทรมานทางด้านจิตใจ เป็นเงิน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์กับนายชัชชมจดทะเบียนสมรสกัน เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2550 ระหว่างสมรสมีบุตรด้วยกัน 2 คน โจทก์กับนายชัชชมประกอบธุรกิจในนามบริษัทเอเชีย แปซิฟิค พาราวู้ด จำกัด มีจำเลยทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์นำสืบถึงการกระทำของจำเลยอันเป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามมิให้รับฟังหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายชัชชมสามีโจทก์โดยไปพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าของจำเลย ชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 โจทก์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนายชัชชม จึงให้นายวันชัยซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์ติดตามพฤติกรรมของนายชัชชม เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 นายวันชัยไปที่บ้านเช่าจำเลยและถ่ายรูปรถยนต์ของนายชัชชมขณะจอดอยู่ที่บ้านเช่าของจำเลย ช่วงเวลา 2 นาฬิกา ส่วนการที่โจทก์นำสืบว่า นายวันชัยติดตามพฤติกรรมของนายชัชชมกับจำเลยโดยไปเช่าบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเช่าของจำเลย จนนายวันชัยสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหว เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 วันที่ 27 สิงหาคม 2558 วันที่ 13 กันยายน 2558 วันที่ 7 ตุลาคม 2558 และวันที่ 8 ตุลาคม 2558 ในขณะที่นายชัชชมมาที่บ้านของจำเลยและพักค้างคืนด้วยนั้น เห็นว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบถึงพฤติกรรมที่สามีโจทก์ไปที่บ้านเช่าของจำเลยแล้วพักค้างคืนที่บ้าน ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2557 ตามฟ้อง โจทก์นำสืบโดยมีภาพถ่ายรถยนต์ของนายชัชชมขณะจอดอยู่หน้าบ้านเช่าของจำเลย เวลา 2 นาฬิกา ส่วนภาพเคลื่อนไหวที่นายวันชัยบันทึกไว้ขณะนายชัชชมมาที่บ้านของจำเลยแล้วพักค้างคืนนั้น เป็นการนำสืบถึงการติดตามพฤติกรรมของนายชัชชมและจำเลยอย่างต่อเนื่องทำให้ทราบถึงพฤติกรรมระหว่างจำเลยและนายชัชชม เช่นนี้ เป็นการนำสืบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์ให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น การนำสืบถึงพฤติกรรมของจำเลยและสามีโจทก์ที่มีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวต่อเนื่องดังกล่าว หาใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นที่จะต้องห้ามมิให้รับฟังดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยไม่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการต่อมาว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์หรือไม่ เห็นว่า กรณีตามคำฟ้องโจทก์ขอเรียกค่าทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า "ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้" จากพฤติการณ์ที่สามีโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านเช่าของจำเลยในช่วงเวลากลางคืนบ่อยครั้ง โดยขับรถมาเองหรือมาพร้อมกับจำเลยก็ตาม บางครั้งก็นอนพักค้างคืนที่บ้านจำเลยและกลับออกมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น อีกทั้งสามีโจทก์ยังมีกุญแจที่ใช้เปิดประตูเข้าออกบ้านจำเลยได้เอง แม้ในยามกลางดึกซึ่งเป็นเวลาที่จำเลยเข้านอนแล้วก็สามารถเข้าบ้านจำเลยโดยไม่ต้องรอให้จำเลยเปิดประตูบ้านให้ อันแสดงให้เห็นว่าจำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่าที่จะเป็นเพียงนายจ้างหรือลูกจ้างกันตามปกติธรรมดา แม้จำเลยจะนำสืบอ้างว่าที่สามีโจทก์ต้องมาพบจำเลยบ่อยครั้งในยามวิกาลเพื่อปรึกษาเรื่องงานเท่านั้น ก็เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานสนับสนุน จึงมีน้ำหนักน้อย น่าเชื่อว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองฉันชู้สาวกับสามีโจทก์จริง การที่จำเลยเป็นหญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว ยินยอมให้สามีโจทก์ซึ่งเป็นชายอื่นเข้าออกบ้านจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง รวมทั้งให้มานอนค้างคืนที่บ้านแล้วออกจากบ้านไปช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น โดยบางครั้งมีการแต่งกายออกไปทำงานพร้อมกัน ย่อมทำให้เพื่อนบ้านหรือบุคคลอื่นที่พบเห็นถึงพฤติกรรมระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์เข้าใจได้ว่า จำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน พฤติการณ์เช่นนี้เป็นการที่จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง แต่การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 1,500,000 บาท นั้น เห็นว่า เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี สถานะของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ที่ต่างมีปัญหาที่ไม่ลงรอยกันทั้งทางครอบครัวและทางธุรกิจจนแยกกันอยู่มานานหลายปีแล้ว จึงเห็นสมควร กำหนดค่าทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,000,000 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าทดแทนเป็นเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9
![]() |