![](https://www.peesirilaw.com/images/column_1718776501/lawyer-under-800-129.jpg)
![](/images_profiles/heading2.jpg)
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า เป็นสามีภริยากันย่อมจะมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเป็นปกติธรรมดาของชีวิตคู่ สามีไม่ค่อยอยู่บ้านก็มิใช่เป็นการประพฤติเสื่อมเสีย และการที่สามีตบตีทำร้ายภริยาจนต้องไปแจ้งความดำเนินคดีแต่พนักงานสอบสวนได้ไกล่เกลี่ยก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งภริยาไม่ประสงค์จะดำเนินคดีเอง หลังจากนั้นทั้งสองยังทะเลาะกันและสามีพยายามจะทำร้ายร่างกายภริยา พฤติกรรมดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าสามีทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่ภริยาเดือดร้อนเกินควร ยังไม่เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้ โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยาย่อมจะมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเป็นปกติธรรมดาของชีวิตคู่ การที่จำเลยไม่ค่อยอยู่บ้านก็มิใช่เป็นการประพฤติเสื่อมเสีย และการที่จำเลยตบตีทำร้ายโจทก์จนโจทก์ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยแต่พนักงานสอบสวนได้ไกล่เกลี่ยก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลย หลังจากนั้นโจทก์จำเลยยังทะเลาะกันและจำเลยพยายามจะทำร้ายร่างกายโจทก์ พฤติกรรมดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่โจทก์เดือดร้อนเกินควร ยังไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (6) มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้ 1.the husband has given maintenance to or honored such other woman as his wife, or the wife has committed adultery, the other spouse may enter a claim for divorce; (2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่จำเลยเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ ทะเลาะวิวาทแล้วทำร้าย ข่มขู่ และพยายามทำร้ายร่างกายโจทก์บ่อยครั้งถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (6) และพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลย ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสามแต่เพียงผู้เดียว โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์เหตุฟ้องหย่าด้วยเหตุอื่นจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีประเด็นต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาแต่เพียงว่า จำเลยกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้หรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์เป็นพยานเบิกความว่า ก่อนคดีนี้โจทก์เคยฟ้องหย่าจำเลย เนื่องจากจำเลยไปติดพันหญิงอื่นและทำร้ายร่างกายโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้แจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยตามสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารหมาย จ.3 แต่ภายหลังจำเลยตกลงกลับมาอยู่เป็นครอบครัวกับโจทก์และจะไม่ประพฤติตัวเช่นเดิมอีก โจทก์จึงถอนฟ้อง หลังจากนั้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2548 จำเลยกลับมาอยู่บ้านไม่ถึง 10 วัน ทำให้โจทก์กับจำเลยมีปากเสียงกัน ต่อมาโจทก์กับจำเลยทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องขายไม้ยูคาลิปตัสในราคาที่จำเลยไม่พอใจและจำเลยใช้กำลังตบตีทำร้ายโจทก์ โจทก์จึงไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลย แต่พนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ยว่าหากจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์อีกยอมให้โจทก์ดำเนินคดีตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เอกสารหมาย จ.4 หลังจากนั้นโจทก์กับจำเลยทะเลาะกันด้วยสาเหตุจำเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน และพยายามทำร้ายร่างกายโจทก์ แต่มีผู้ห้ามปรามไว้ ซึ่งโจทก์ได้แจ้งความตามสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารหมาย จ.5 ปัจจุบันโจทก์ได้นำบุตรผู้เยาว์ทั้งสามไปอาศัยอยู่บ้านพี่ชาย เพราะจำเลยเคยขู่ว่าหากทะเลาะกันคราวต่อไปจะทำร้ายโจทก์ให้หนักขึ้น กับโจทก์มีนายอนุนผู้ใหญ่บ้านท้องที่มาเป็นพยาน แต่พยานไม่รู้เห็นเหตุการณ์เพียงแต่ทราบว่าจำเลยมีพฤติกรรมเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ เมื่อกลับบ้านจะมีเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายโจทก์เท่านั้น เห็นว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยา ย่อมจะต้องมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเป็นปกติธรรมดาของชีวิตคู่ การที่จำเลยไม่ค่อยอยู่บ้านก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยไปประพฤติเสื่อมเสียอะไร และการที่จำเลยตบตีทำร้ายโจทก์จนโจทก์ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลย แต่พนักงานสอบสวนได้ไกล่เกลี่ยเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งโจทก์ก็ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เอกสารหมาย จ.4 หลังจากนั้นโจทก์จำเลยก็ยังทะเลาะกันและจำเลยพยายามจะทำร้ายร่างกายโจทก์ พฤติกรรมดังกล่าวแล้วยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่โจทก์เดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ กรณียังไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (6) ที่โจทก์ฎีกาข้ออื่นอีกว่า ยังมีเหตุหย่าอื่นตามที่โจทก์ฟ้องก็เป็นเรื่องที่ยุติถึงที่สุดดังกล่าวแล้วข้างต้น และเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย” พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ |