ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletคำพิพากษาศาลฎีกา
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

ทนายความโทร0859604258

ภาพจากซ้ายไปขวา ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ, ทนายความภคพล มหิทธาอภิญญา, ทนายความเอกชัย อาชาโชติธรรม, ทนายความอภิวัฒน์ สุวรรณ

-ปรึกษาทนายความ (นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ) โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2)  @peesirilaw  (3) 0859604258 เพิ่มเพื่อนด้วยหมายเลขโทรศัพท์

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

 QR CODE 

สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้- หมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรง     

ภริยากู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในคดีที่สามีถูกจับฐานพกอาวุธปืนและเพื่อใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างสามี ภริยาและบุตร การกระทำของภริยาไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอันจะเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ 

การที่จำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์และบุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึงนั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรง

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5161/2538 

 จำเลยกู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในคดีที่โจทก์ถูกจับฐานพกอาวุธปืนและเพื่อใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างโจทก์จำเลยและบุตรมิใช่เกิดขึ้นเพราะจำเลยนำไปเล่นสลากกินรวบดังที่โจทก์อ้างการกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2) การที่จำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์และบุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึงนั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรงเพราะเป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจการกระทำของจำเลยต่อโจทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์เป็นผู้ก่อขึ้นถือว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสามีภริยาทั่วไปไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(3) หลังจากทำทัณฑ์บนแล้วโจทก์ยังมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจำเลยจึงดุด่าและทำร้ายโจทก์อีกการกระทำของจำเลยมีสาเหตุจากการกระทำของโจทก์จึงยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดทัณฑ์บนที่ให้ไว้อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(8)

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่าโจทก์ จดทะเบียนสมรสกับจำเลยมีบุตร 1 คน เมื่อต้นปี 2534 จำเลยเริ่มประพฤติตนไม่สมควรโดยกู้เงินบุคคลอื่นหลายราย รวมเป็นเงิน 160,000 บาทแล้วไม่ชำระเจ้าหนี้ดังกล่าวทวงถามจากโจทก์ โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงต้องใช้หนี้ทั้งหมดแทนจำเลย นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2535จำเลยได้ฉีกทำลายเสื้อผ้าของโจทก์ใช้ข้าวของขว้างปาทำร้ายโจทก์กับหมิ่นประมาทโจทก์ และบุพการีของโจทก์ โจทก์ทนอยู่กินกับจำเลยไม่ได้ต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อน จำเลยก็ใส่ความว่า โจทก์ไปติดพันหญิงอื่น ครั้นโจทก์กลับบ้านจำเลยก็อาละวาด ด่าทอและใช้มีดขู่บังคับมิให้โจทก์ออกจากบ้าน โจทก์จึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2535 จำเลยได้ทำทัณฑ์บนต่อโจทก์ว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก แต่จำเลยก็ประพฤติผิดทัณฑ์บน ขอให้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ หากไม่ไปก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน

จำเลยให้การว่าเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2522 โจทก์ถูกจับกุมเรื่องมีอาวุธปืนและอ้างว่า ต้องเสียค่าใช้จ่าย 50,000 บาท ให้จำเลยหาเงินให้ด้วย จำเลยต้องไปกู้เงินจากบุคคลอื่น เสียดอกเบี้ยในอัตราสูงเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่โจทก์กลับเที่ยวเตร่ดื่มสุรา จำเลยต้องรับภาระอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรแต่เพียงผู้เดียว จึงต้องกู้เงินเพิ่มรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160,000 บาท  ครั้นประมาณเดือน มกราคม 2535 โจทก์ไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับ นางสาวอารีย์ เมื่อจำเลยทราบและห้ามปราม โจทก์ก็แสดงกิริยาเกรี้ยวกราดและไม่ยอมกลับบ้าน จำเลยไม่เคยทำร้ายหรือทรมานร่างกายหรือจิตใจโจทก์ , ไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์และบุพการีของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกา วินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับ จำเลย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2514   ตามใบสำคัญการสมรส เอกสารหมาย จ. 1 มี บุตรด้วยกัน 1 คน คือนางสาว ญ. ซึ่ง ขณะฟ้องมี อายุ 21 ปี โจทก์ รับราชการเป็นลูกจ้างประจำโครงการก่อสร้างทางชลประทาน ที่ 2 อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จำเลยรับราชการครู ที่จังหวัดชัยนาท ต่อมาโจทก์และจำเลยมีเรื่องทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายกัน

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยถือเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้แล้วหรือไม่ โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่าจำเลยประพฤติชั่ว โดยจำเลยกู้ยืมเงินคนอื่นหลาย คน เป็นจำนวนมาก รวมแล้วประมาณ 160,000 บาท โดยกู้มาเล่นสลากกินรวบแล้วไม่ชำระให้ จนผู้ให้กู้มาทวงจากโจทก์และโจทก์ต้องชำระแทนไปทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงถูกดูถูก เกลียดชัง และได้รับความเดือดร้อน เห็นว่าเหตุที่ จำเลยไปกู้เงินคนอื่นมา เช่น ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน เอกสารหมาย จ. 2 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2533 หมาย จ. 5   เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2534  และ หมาย จ. 7   เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2531 รวม 160,000 บาท นั้นล้วนแต่เป็นการกู้ยืม หลังจากวันที่ 10 ตุลาคม 2522 ซึ่งโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยตามเอกสาร หมาย ล. 1 ที่ โจทก์ถูกจับฐานพกอาวุธปืนและ ศาลพิพากษาลงโทษ ปรับ 2,000 บาท โดยในเอกสาร หมาย ล. 1   โจทก์ให้ จำเลยช่วยเรื่องการประกันตัวนั้น  จึงน่าเชื่อว่า จำเลยได้ไปกู้ยืมเงินคนอื่นมาเพื่อใช้จ่ายในคดีนี้ ซึ่งจำเลยได้เบิกความประกอบเอกสารหมาย ล. 1 ว่า จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้น จำนวน 58,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้ได้ยืมคนอื่น 30,000 บาท ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยมาและต่อมาโจทก์ได้ให้จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน เอกสารหมาย จ. 2, จ. 5 และ จ. 7 ไว้  นอกจากนั้นเมื่อ นางสาว ญ. เริ่มเรียนหนังสือสูงขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนสูงขึ้น จำเลยคงได้กู้ยืมเงินคนอื่นมาใช้จ่ายสำหรับการศึกษา ของนางสาว ญ. ด้วย ดังที่จำเลยได้ระบายความในใจให้ นายคนึง นาคเถื่อน ฟังในจดหมายเอกสารหมาย จ. 4  ลงวันที่ 30 เมษายน 2534 ว่าได้กู้เงินมาเพื่อให้บุตรเรียนหนังสือ และมีแต่จำเลยเป็นฝ่ายให้สามี  จำเลยไม่เคยได้รับอะไรจากสามี และในจดหมายเอกสาร หมาย จ. 8  ก็ระบุกู้ยืมเงินมาเพื่อการศึกษาของบุตรเป็นต้น หนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างโจทก์ จำเลย และบุตร มิใช่เกิดขึ้นเพราะจำเลยนำไปเล่นสลากกินรวบดังที่โจทก์กล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่ว(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2531)

โจทก์ฎีกาในข้อที่ 2 ว่า จำเลยดุด่าเหยียดหยามหมิ่นประมาทโจทก์ และบุพการีของโจทก์ และจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์อย่างร้ายแรงโดยจำเลยฉีกเสื้อผ้าโจทก์  ด่าว่าโจทก์ และหมิ่นประมาทโจทก์และผู้บุพการีของโจทก์ต่อหน้าบุคคลอื่น ๆ และใช้กรรไกรทำร้ายโจทก์จนโจทก์ต้องหนีไปอยู่กับเพื่อนแล้วไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจไว้ตาม เอกสาร หมาย จ. 15  ถึง จ. 17   เห็นว่าที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เช่นนั้นก็เพราะจำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่น ดังปรากฏอยู่ใน เอกสาร หมาย ล. 2 และ ล. 3 นั้นซึ่งนางสาว ญ.ได้เบิกความว่าจำเลยโกรธโจทก์ เพราะโจทก์ไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นและที่โจทก์อ้างว่าจำเลยด่าโจทก์และ บุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึง โจทก์ก็ยอมรับว่า จำเลยด่าโจทก์เพราะหาว่าโจทก์ไปติดพันนางสาวอารีย์ หากถ้อยคำดังกล่าวเป็นความจริงก็ไม่เป็นการหมิ่นประมาท โจทก์ หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรง เพราะเป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจการกระทำของจำเลยต่อโจทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะฝ่ายโจทก์เป็นผู้ก่อขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสามีภริยาทั่วไป ไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นเหตุฟ้องหย่าได้

โจทก์ฎีกาในข้อสุดท้ายว่าจำเลยประพฤติผิดทัณฑ์บน เรื่องความประพฤติที่ทำให้ไว้ ตามบันทึกการแจ้งความเอกสารหมาย จ. 16 และ จ. 17   โดยหลังจากทำเอกสารหมาย จ. 16 และ จ. 17 แล้ว จำเลยยังทำการด่าทอ และทำร้ายโจทก์อยู่อีก เห็นว่าหลังจากที่มีการทำบันทึกการแจ้งความ ลงวันที่ 25 มีนาคม 2535 และ วันที่ 7 เมษายน 2535  ตามเอกสารหมาย จ. 16 และ จ. 17 ตามลำดับแล้วปรากฏว่า มีบันทึกข้อความในเอกสารหมาย ล. 3  ลงวันที่ 15 เมษายน 2535 ว่าฝ่ายหญิงที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์ จะเลิกประพฤติปฏิบัติไม่มีความสัมพันธ์กับโจทก์อีกโดยเอกสารนี้ โจทก์มิได้คัดค้านว่าไม่จริงอย่างไร จึงแสดงว่าหลังจากทำบันทึก เอกสารหมาย จ. 16 และ จ. 17 แล้ว โจทก์ก็ยังไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับผู้หญิงคนนั้นอยู่อีก จำเลยจึงได้ดุด่า และทำร้ายโจทก์อีก  การกระทำของจำเลยจึงมีสาเหตุมาจากการกระทำของโจทก์อีก เช่นกันการกระทำของจำเลยจึงยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดทัณฑ์บนที่ให้ไว้ ตามบันทึกเอกสาร หมาย จ. 16 และ จ. 17  การกระทำทั้งหมดของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างใน ฎีกา จึงยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(2) (3) และ (8) ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น "

พิพากษายืน

มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่าย ที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่น ประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุก เกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามี ภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกิน ควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของ ศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่าง ไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตาม สมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอา สภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความ ประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่าย หนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วม ประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
 

(ฟ้องหย่า--ประพฤติผิดทัณฑ์บน)

สำนักงานทนายความ โดย  ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ รับฟ้องคดีครอบครัว เช่น

ฟ้องหย่าโดยความยินยอม  

ฟ้องหย่าตามบันทึกข้อตกลง

ฟ้องหย่าให้โจทก์แต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง

ฟ้องหย่าให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร

ฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงชีพ

ฟ้องหย่าเรียกคืนของหมั้น

ฟ้องหย่าแบ่งสินสมรส

ฟ้องหย่าอ้างเหตุอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่น

ฟ้องหย่าอ้างเหตุเป็นชู้หรือมีชู้

ฟ้องหย่าอ้างเหตุร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ

บริการของ สำนักงานกฎหมายพีศิริ ทนายความ
สำนักงานกฎหมายพีศิริทนายความ ก่อตั้งโดย ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ  รับว่าความคดีแพ่ง คดีอาญา คดีผู้บริโภคและคดีอื่นๆ ทุกคดี รับเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย รับเป็นทนายความแก้ต่างต่อสู้คดี ข้อตกลง ตลอดจนข้อสัญญาต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจ ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ยื่นคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดก ฟ้องเรียกเงินผิดสัญญากู้ยืมเงิน ผิดสัญญาจ้างทำของ  ฟ้องหย่า ฟ้องเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในคดีครอบครัว ฟ้องเรียกบุตรคืน ฟ้องถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์ ฟ้องหย่าและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคู่สมรส ฟ้องหย่าและเรียกค่าเลี้ยงชีพ ฟ้องขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว ฟ้องให้จดทะเบียนรับรองบุตร ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ฟ้องขอให้ศาลมีว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ฟ้องขอเปลี่ยนอำนาจปกครองบุตร ฟ้องให้คู่หย่าปฏิบัติตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์สินตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า  ฟ้องเรียกค่าทดแทนผิดสัญญาหมั้นเรียกสินสอดคืน ฟ้องบอกเลิกสัญญาหมั้นเรียกของหมั้นคืน ฟ้องคู่สมรสขอแยกกันอยู่ชั่วคราว ฟ้องขอให้จดทะเบียนใส่ชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนละครึ่ง ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตแทนการให้ความยินยอมขายที่ดินสินสมรส ฟ้องขอเพิกถอนการให้ที่ดินสินสมรส  ฟ้องขอใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินสินสมรส  ฟ้องขอใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในบัญชีธนาคาร  ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อน   ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ฟ้องบิดาขอให้รับเด็กเป็นบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูรวมมาด้วย  ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรเพื่อรับบำเหน็จตกทอดจากทางราชการ  ฟ้องไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากเป็นหมันไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้  ฟ้องคดีขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม  ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแทนการให้ความยินยอมของมารดาในการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม  ยื่นคำร้องขอตั้งผู้ปกครอง  ขอให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองเด็ก  คดีขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ติดต่อทนายความได้เลย ฟ้องหย่าคิดถึงทนายความลีนนท์ ติดต่อทนายความลีนนท์ ได้ที่หมายเลข 0859604258

 

*ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความลีนนท์ พงษฺ์ศิริสุวรรณ  โทร. 0859604258    สำนักงานพีศิริ ทนายความ

 




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี
สามีโจทก์เข้าออกบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง
คำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวเกี่ยวด้วยดอกผลของสินสมรส
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด
สามีบังคับภริยาให้ยอมร่วมประเวณีโดยใช้มีดขู่ฆ่าอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพหลังการหย่า
สิทธิฟ้องหย่าของโจทก์หมดไปโจทก์ให้ความยินยอมและรู้เห็นเป็นใจ
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
ฟ้องหย่าคดีอยู่ระหว่างฎีกาฟ้องคดีใหม่เป็นฟ้องซ้อน
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
แยกกันอยู่เกินสามปีต้องเพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
พฤติการณ์อย่างไรเรียกว่ายกย่องเมียน้อยฉันภริยา
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
การจดทะเบียนหย่าด้วยการแสดงเจตนาลวง
จงใจละทิ้งร้างไปเกินหนึ่งปี
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าขอแบ่งสินสมรส การจัดการสินสมรสที่เป็นเงินตรา(เงินสด)
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
เรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น(เมียน้อย), ยกย่องผู้อื่นฉันภริยา
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลัง
การหย่าโดยความยินยอม, บันทึกเป็นหนังสือประสงค์หย่าขาด
การฟ้องและเรียกค่าทดแทนคดีครอบครัว โทร0859604258 article
จดทะเบียนหย่าแล้วก็ฟ้องเรียกค่าทดแทนชู้สาวได้
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
การสมรส, การหมั้น, ผิดสัญญาหมั้น, เรียกคืนสินสอดของหมั้น
อำนาจปกครองบุตร
การบอกล้างสัญญาระหว่างสมรส แบ่งสินสมรส
จดทะเบียนรับรองบุตร บิดานอกสมรส-ขอรับเด็กเป็นบุตร
อายุความฟ้องร้องคดี
บิดา มารดา กับ บุตร