ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ฟ้องหย่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา, 2520/2549),

คำพิพากษาศาลฎีกา 2520/2549, คดีฟ้องหย่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี, วิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกาคดีครอบครัว, เหตุหย่าตามมาตรา 1516 (4/2), ตัวอย่างคดีหย่าในศาลฎีกา, แนววินิจฉัยฟ้องหย่าตามกฎหมายแพ่ง, สิทธิของคู่สมรสในการฟ้องหย่า, กฎหมายครอบครัวไทยกับเหตุหย่า, ฟ้องหย่าเพราะอยู่กินกับคนใหม่, ศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแพ่ง, วิเคราะห์กฎหมายครอบครัวและเหตุหย่า, การแยกกันอยู่เกินสามปีตามกฎหมาย

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีฟ้องหย่าระหว่างสามีภริยา โดยศาลวินิจฉัยว่าการที่คู่สมรสทั้งสองฝ่ายต่างแยกกันอยู่และมีคู่ครองใหม่ รวมเวลายาวนานถึง 25 ปี ถือเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขเกินสามปี ซึ่งเข้าข่ายเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4/2)


ข้อเท็จจริงของคดี

โจทก์และจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2508 มีบุตรด้วยกัน 3 คน

ปี 2517 โจทก์แยกออกจากบ้านไปอยู่กินกับหญิงอื่นและมีบุตรด้วยกัน

ปี 2519 จำเลยก็มีความสัมพันธ์กับชายอื่นและมีบุตร 1 คน

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกเลย รวมเวลานับถึงวันฟ้องคดีมากกว่า 25 ปี

โจทก์ฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุว่า ทั้งสองสมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีตามมาตรา 1516 (4/2)


ประเด็นข้อกฎหมาย

การที่ฝ่ายหนึ่งทิ้งร้างไปมีครอบครัวใหม่ และอีกฝ่ายก็มีคู่ครองใหม่เอง จะถือว่าเป็น “สมัครใจแยกกันอยู่” หรือไม่

การใช้เหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4/2) ว่าด้วยการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายละทิ้งจำเลยไปก่อน แต่จำเลยก็มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นและไม่ประสงค์จะกลับมาอยู่ร่วมกัน ขณะเดียวกันทั้งสองต่างอยู่แยกกันเป็นเวลายาวนานถึง 25 ปี ถือเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขเกินสามปี อันเป็นเหตุหย่าตามกฎหมาย

ศาลจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน


วิเคราะห์ทางกฎหมาย

1. การตีความ “สมัครใจแยกกันอยู่”

ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีคู่ครองใหม่และอยู่ห่างกันยาวนาน ไม่ได้แสดงเจตนาจะกลับไปใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

2. การใช้มาตรา 1516 (4/2)

กฎหมายบัญญัติว่า หากสามีภริยาแยกกันอยู่โดยสมัครใจเกิน 3 ปี สามารถฟ้องหย่าได้ ในกรณีนี้มีการแยกกันอยู่เกิน 25 ปี ถือว่าครบองค์ประกอบตามกฎหมาย

3. หลักการคุ้มครองความมั่นคงในชีวิตสมรส

กฎหมายครอบครัวไทยมุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข หากคู่สมรสไม่สามารถดำรงชีวิตเช่นนั้นได้ กฎหมายเปิดทางให้หย่าเพื่อยุติภาวะที่ไม่เป็นจริง


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น):

คู่สมรสที่แยกกันอยู่เป็นเวลานาน และต่างฝ่ายต่างมีคู่ครองใหม่ จะถือว่าเป็นการ “สมัครใจแยกกันอยู่” อันเป็นเหตุหย่าตามมาตรา 1516 (4/2) หรือไม่

Rule (หลักกฎหมาย):

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4/2) กำหนดว่า หากสามีภริยาแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันโดยปกติสุขและมีการแยกเกินสามปี ถือเป็นเหตุหย่าได้

Application (การประยุกต์ใช้):

แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายละทิ้งไปก่อน แต่จำเลยก็มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นและไม่ได้พยายามกลับมาอยู่ร่วมกัน พฤติการณ์ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าไม่ประสงค์จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีก ทั้งยังมีระยะเวลาการแยกกันอยู่ถึง 25 ปี ซึ่งเกินเงื่อนไขทางกฎหมาย

Conclusion (ข้อสรุป):

การแยกกันอยู่ดังกล่าวถือเป็นการ “สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี” ศาลจึงพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน


สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

เหตุหย่าตามมาตรา 1516 (4/2) เน้นพฤติการณ์ของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เพียงใครเป็นฝ่ายละทิ้งก่อน

หากคู่สมรสต่างฝ่ายต่างไม่ประสงค์จะกลับมาอยู่ร่วมกัน และเวลาผ่านไปเกิน 3 ปี ศาลถือว่าเป็นเหตุหย่าที่สมบูรณ์

แนววินิจฉัยนี้สะท้อนหลักการว่ากฎหมายให้ความสำคัญกับ “ความเป็นจริงของชีวิตสมรส” มากกว่าการกล่าวโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

 


English Summary 

The Supreme Court Decision No. 2520/2006 concerns a divorce case. The Court ruled that when spouses had been living apart for over 25 years, both having new partners, it constituted “voluntary separation” under Section 1516 (4/2) of the Civil and Commercial Code. Therefore, the husband’s divorce claim was valid.

สรุปคำแปลภาษาอังกฤษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2549 เกี่ยวข้องกับคดีฟ้องหย่า ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อคู่สมรสได้แยกกันอยู่นานกว่า 25 ปี และต่างฝ่ายต่างมีคู่ครองใหม่ ถือได้ว่าเป็น “การสมัครใจแยกกันอยู่” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4/2) ดังนั้น คำฟ้องหย่าของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย

🔹 15 คำศัพท์กฎหมายที่น่าสนใจ

1. divorce – การหย่า

2. case – คดี

3. Court – ศาล

4. ruled – มีคำวินิจฉัย / พิพากษา

5. spouses – คู่สมรส

6. living apart – แยกกันอยู่

7. over 25 years – เกิน 25 ปี (ระยะเวลาทางกฎหมาย)

8. partners – คู่ครอง / ผู้ที่อยู่กินฉันสามีภริยา

9. constituted – ถือเป็น / ก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย

10. voluntary – โดยสมัครใจ

11. separation – การแยกกันอยู่

12. under Section – ตามมาตรา (ของกฎหมาย)

13. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

14. claim – คำฟ้อง / สิทธิเรียกร้อง

15. valid – ชอบด้วยกฎหมาย / ใช้บังคับได้

คำศัพท์กฎหมายพร้อมความหมายภาษาอังกฤษ

1. divorce meaning – legal end of a marriage

2. case meaning – a legal dispute in court

3. Court meaning – place where legal cases are decided

4. ruled meaning – officially decided by a judge

5. spouses meaning – husband and wife in law

6. living apart meaning – not living together as a couple

7. over 25 years meaning – more than twenty-five years in time

8. partners meaning – people in a close relationship

9. constituted meaning – formed or considered as

10. voluntary meaning – done by free choice

11. separation meaning – living apart from one another

12. under Section meaning – according to a legal provision

13. Civil and Commercial Code meaning – main Thai law on family and contracts

14. claim meaning – a demand or request in law

 

15. valid meaning – legally acceptable or effective

ตัวอย่างการใช้ 15 คำศัพท์กฎหมายในประโยค

1. divorce – การหย่า

The couple decided to file for divorce after many years of conflict.

They had tried counseling, but nothing worked.

Literal: คู่สามีภริยาตัดสินใจยื่นฟ้องหย่าหลังจากมีความขัดแย้งกันมาหลายปี

พวกเขาเคยลองการปรึกษาครอบครัวแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ

Natural: สามีภรรยาตัดสินใจหย่ากัน เพราะทะเลาะกันมาตลอดหลายปี

เคยไปหานักปรึกษาครอบครัวแล้วก็ไม่ช่วยอะไรเลย


2. case – คดี

This case was brought before the judge last month.

It had been delayed for several years.

Literal: คดีนี้ถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาของผู้พิพากษาเมื่อเดือนที่แล้ว

ก่อนหน้านั้นถูกเลื่อนมาหลายปี

Natural: คดีนี้เพิ่งขึ้นศาลเมื่อเดือนก่อน

ก่อนหน้านี้เลื่อนมาหลายปีแล้ว


3. Court – ศาล

The Court listened carefully to both sides.

Each lawyer presented strong arguments.

Literal: ศาลรับฟังทั้งสองฝ่ายอย่างตั้งใจ

ทนายแต่ละฝ่ายต่างยกเหตุผลที่หนักแน่นมานำเสนอ

Natural: ศาลฟังสองฝ่ายอย่างละเอียด

ทนายแต่ละคนก็สู้คดีเต็มที่


4. ruled – มีคำวินิจฉัย / พิพากษา

The judge ruled that the contract was invalid.

This decision surprised many people in the courtroom.

Literal: ผู้พิพากษามีคำวินิจฉัยว่าสัญญานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำวินิจฉัยนี้ทำให้หลายคนในห้องพิจารณาประหลาดใจ

Natural: ศาลตัดสินว่าสัญญานี้เป็นโมฆะ

หลายคนในห้องถึงกับงงไปเลย


5. spouses – คู่สมรส

The law gives equal rights to both spouses.

This means each has the same power in family matters.

Literal: กฎหมายให้สิทธิเท่าเทียมแก่คู่สมรสทั้งสองฝ่าย

ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่มีอำนาจเท่ากันในเรื่องครอบครัว

Natural: กฎหมายให้สิทธิเท่ากันทั้งผัวและเมีย

ตัดสินเรื่องครอบครัวต้องเสมอภาคกัน


6. living apart – แยกกันอยู่

The couple had been living apart for more than five years.

They rarely even spoke to each other.

Literal: คู่สามีภริยาได้แยกกันอยู่นานกว่าห้าปีแล้ว

พวกเขาแทบไม่ได้พูดคุยกันเลย

Natural: ผัวเมียคู่นี้อยู่แยกกันเกินห้าปี

แทบไม่คุยกันด้วยซ้ำ


7. over 25 years – เกิน 25 ปี

They had lived apart for over 25 years before filing for divorce.

Their children were already grown and had families of their own.

Literal: พวกเขาแยกกันอยู่นานเกิน 25 ปีก่อนจะยื่นฟ้องหย่า

บุตรของพวกเขาก็โตหมดและมีครอบครัวของตัวเองแล้ว

Natural: อยู่ห่างกันเกิน 25 ปีก่อนจะหย่า

ลูก ๆ โตหมดจนมีครอบครัวเองแล้ว


8. partners – คู่ครอง

Both of them had new partners during the separation.

They lived separate lives happily.

Literal: ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีคู่ครองใหม่ในช่วงที่แยกกันอยู่

พวกเขาต่างใช้ชีวิตแยกกันอย่างมีความสุข

Natural: ทั้งคู่มีแฟนใหม่กันหมดตอนแยกกัน

ต่างคนต่างก็อยู่ของตัวเองสบายใจ


9. constituted – ถือเป็น / ก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย

Their long separation constituted grounds for divorce.

The court relied on the Civil and Commercial Code.

Literal: การแยกกันอยู่นานของพวกเขาถือเป็นเหตุหย่า

ศาลอ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

Natural: การอยู่ห่างกันนาน ๆ นี่เองกลายเป็นเหตุหย่า

ศาลใช้กฎหมายแพ่งพาณิชย์เป็นหลัก


10. voluntary – โดยสมัครใจ

The spouses had been separated voluntarily.

Neither of them tried to reconcile.

Literal: คู่สมรสได้แยกกันอยู่โดยสมัครใจ

ไม่มีฝ่ายใดพยายามกลับมาคืนดี

Natural: ผัวเมียยอมแยกกันอยู่เอง

ไม่มีใครคิดจะกลับมาคืนดีเลย


11. separation – การแยกกันอยู่

The separation lasted more than two decades.

Their families had accepted the situation.

Literal: การแยกกันอยู่กินนั้นยาวนานกว่าสองทศวรรษ

ครอบครัวของพวกเขาก็ยอมรับสภาพดังกล่าว

Natural: การอยู่แยกกันกินเวลาสองสิบกว่าปี

ญาติ ๆ ก็ยอมรับไปตามนั้น


12. under Section – ตามมาตรา

The claim was filed under Section 1516 of the law.

This section deals with grounds for divorce.

Literal: คำฟ้องถูกยื่นตามมาตรา 1516 ของกฎหมาย

มาตรานี้ว่าด้วยเหตุแห่งการหย่า

Natural: ฟ้องตามกฎหมายมาตรา 1516

เป็นมาตราที่พูดถึงเหตุหย่านั่นเอง


13. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

The judge cited the Civil and Commercial Code in his decision.

It is the main law governing family matters in Thailand.

Literal: ผู้พิพากษาอ้างถึงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในการวินิจฉัย

ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้ควบคุมเรื่องครอบครัวในประเทศไทย

Natural: ศาลอ้างประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ตอนตัดสิน

นี่คือกฎหมายหลักเรื่องครอบครัวของไทย


14. claim – คำฟ้อง / สิทธิเรียกร้อง

The husband’s claim was accepted by the court.

He had clear legal grounds.

Literal: คำฟ้องของสามีได้รับการยอมรับโดยศาล

เขามีเหตุทางกฎหมายที่ชัดเจน

Natural: ศาลรับฟ้องที่สามียื่น

เพราะมีเหตุทางกฎหมายชัดเจน


15. valid – ชอบด้วยกฎหมาย / ใช้บังคับได้

The court confirmed the divorce claim was valid.

This gave the husband the right to end the marriage.

Literal: ศาลยืนยันว่าคำฟ้องหย่าชอบด้วยกฎหมาย

ซึ่งทำให้สามีมีสิทธิยุติการสมรสได้

Natural: ศาลบอกว่าฟ้องหย่านี้ใช้ได้จริง

ทำให้สามีมีสิทธิเลิกการแต่งงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2549

แม้ในปี 2517 โจทก์เป็นฝ่ายละทิ้งร้างจำเลยโดยออกจากบ้านที่โจทก์จำเลยเคยอยู่กินด้วยกันไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนาง ม. ก็ตาม แต่ในปี 2519 จำเลยก็มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนาย ส. จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์อีกต่อไปเช่นเดียวกัน และระหว่างที่แยกกันอยู่ไม่ปรากฏว่าโจทก์กลับไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยอีก ฝ่ายจำเลยซึ่งทราบดีว่าโจทก์พักอาศัยอยู่ที่ใดก็มิได้สนใจหรือหาทางที่จะอยู่ร่วมกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อไป พฤติการณ์ของโจทก์จำเลยที่ต่างคนต่างอยู่เป็นเวลานานถึง 25 ปีนั้น ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี อันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4/2) โจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้ 

สามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีคนใหม่ยังไม่จดทะเบียนหย่า, สมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้เกินสามปี


 สามีภริยาจดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน 3 คน สามีทิ้งร้างไปมีภรรยาคนใหม่ อีก 2 ปีภริยาก็ไปมีสามีใหม่และมีบุตรด้วยกัน 1 คน สามีภริยาทั้งสองต่างคนต่างอยู่นับถึงวันฟ้องคดีเป็นเวลา 25 ปี สามีฟ้องศาลขอให้หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน อ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้ ภริยาต่อสู้ว่าการที่สามีทิ้งร้างไปมีภรรยาใหม่สามารถอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีได้หรือไม่? ศาลฎีกาบอกว่าการที่ภริยาทราบว่าสามีพักอยู่ที่ไหนแต่ไม่สนใจหาทางกลับไปอยู่ร่วมกันแสดงว่าภริยาก็ไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอีกจึงถือว่าสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี


📌 กฎหมายที่ศาลใช้ •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4/2) กำหนดว่า คู่สมรสสามารถหย่าขาดจากกันได้ หาก สมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข และแยกกันอยู่เกินสามปี 1.สมัครใจแยกกันอยู่ oศาลพิจารณาว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีคู่ครองใหม่ และไม่ได้พยายามกลับมาอยู่กินด้วยกันอีก จึงถือว่าเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่ 2.ระยะเวลาการแยกกันอยู่เกินสามปี oคดีนี้ทั้งคู่แยกกันอยู่นานถึง 25 ปี ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้มาก จึงครบองค์ประกอบตามมาตรา 1516 (4/2) 3.เหตุหย่าตามกฎหมาย oการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้ ถือเป็น “เหตุหย่า” ตามที่กฎหมายกำหนดโดยชัดเจน 4.สิทธิฟ้องหย่า oฝ่ายโจทก์มีสิทธิใช้เหตุนี้ในการฟ้องหย่า และศาลเห็นว่ามีมูลทางกฎหมายเพียงพอที่จะรับฟ้อง 5.แนววินิจฉัยของศาลฎีกา oแม้โจทก์จะเป็นฝ่ายละทิ้งจำเลยไปก่อน แต่เมื่อจำเลยก็มีคู่ครองใหม่และไม่กลับมาอยู่กินด้วยกัน ศาลถือว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับสภาพการแยกกันอยู่ จึงเข้าหลักเหตุหย่า 👉 สรุปสั้น ๆ: ศาลฎีกาใช้ มาตรา 1516 (4/2) ป.พ.พ. เป็นหลัก และย้ำว่าการแยกกันอยู่โดยสมัครใจเกินสามปี แม้ต่างฝ่ายจะมีความผิดพลาดในอดีต แต่หากไม่กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ถือเป็น เหตุหย่าโดยสมบูรณ์

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2549

แม้ในปี 2517 โจทก์เป็นฝ่ายละทิ้งร้างจำเลยโดยออกจากบ้านที่โจทก์จำเลยเคยอยู่กินด้วยกันไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนาง ม. ก็ตาม แต่ในปี 2519 จำเลยก็มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนาย ส. จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์อีกต่อไปเช่นเดียวกัน และระหว่างที่แยกกันอยู่ไม่ปรากฏว่าโจทก์กลับไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยอีก ฝ่ายจำเลยซึ่งทราบดีว่าโจทก์พักอาศัยอยู่ที่ใดก็มิได้สนใจหรือหาทางที่จะอยู่ร่วมกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อไป พฤติการณ์ของโจทก์จำเลยที่ต่างคนต่างอยู่เป็นเวลานานถึง 25 ปีนั้น ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี อันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4/2) โจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนการหย่าให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2508 ตามสำเนาทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย จ.1 เดิมอยู่กินด้วยกันที่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน ประมาณปี 2517 โจทก์แยกออกจากบ้านไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนางมณีไม่ทราบชื่อสกุลจนมีบุตรด้วยกัน 3 คน ต่อมาปี 2519 จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายสุรพันธ์ และมีบุตรด้วยกัน 1 คน โจทก์และจำเลยต่างคนต่างอยู่นับถึงวันฟ้องเป็นเวลานาน 25 ปีแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า กรณีมีเหตุหย่าเนื่องจากโจทก์จำเลยสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีหรือไม่ เห็นว่า แม้ในปี 2517 โจทก์เป็นฝ่ายละทิ้งร้างจำเลยโดยออกจากบ้านที่โจทก์จำเลยเคยอยู่กินด้วยกันไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนางมณีก็ตาม แต่ในปี 2519 จำเลยก็มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายสุรพันธ์จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์อีกต่อไปเช่นเดียวกัน และระหว่างที่แยกกันอยู่ ไม่ปรากฏว่าโจทก์กลับไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยอีก ฝ่ายจำเลยซึ่งทราบดีว่าโจทก์พักอาศัยอยู่ที่ใดก็มิได้สนใจหรือหาทางที่จะอยู่ร่วมกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อไป พฤติการณ์ของโจทก์จำเลยที่ต่างคนต่างอยู่เป็นเวลานานถึง 25 ปีนั้นถือได้ว่า โจทก์และจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4/2) โจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน



 




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

สรุปเหตุ หย่า “ละทิ้งร้าง > สมัครใจแยกกันอยู่”มาตรา 1516, ป.พ.พ. มาตรา 1516(4/2), article
หย่า ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4) vs (4/2)แยกกันอยู่, ละทิ้งร้าง, สมัครใจแยกกันอยู่, (ฎีกา 2345/2552) article
ฟ้องหย่าเพราะภรรยาแจ้งความสามีไม่ได้ ศาลชี้สิทธิเลี้ยงดูยังมีอยู่(ฎีกา 2109/2567)
หย่าเพราะทรมานร่างกาย-จิตใจ (บังคับร่วมประเวณี)เหตุฟ้องหย่า (ฎีกา 8611/2557)
ฟ้องโมฆะ & หย่า / อายุความ / ค่าเลี้ยงชีพ แยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา 10770/2558)
คดีหย่า & ค่าทดแทน, สิทธิฟ้องหย่า, (มาตรา 1518, 1523)(ฎีกา 2473/2556)
หย่า แบ่งสินสมรส, อำนาจปกครองบุตร, & คุ้มครองดอกผล (ฎีกา 10361/2557)
คดีหย่า & อำนาจปกครองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดู, (ฎีกา 5535/2558)
โมฆะสมรส & สิทธิอำนาจปกครองบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร (ฎีกา 10442/2558)
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. ม.173, ฟ้องซ้ำ, (ฎีกา 8186/2551)
สิทธิครอบครองที่ดิน & เพิกถอนโฉนดออกโดยมิชอบ (ฎีกา 3169/2564)
ฟ้องหญิงอื่นเรียกค่าทดแทน (มาตรา 1523) (ฎีกา 4818/2551)
คดีหย่า & สิทธิฟ้องหย่า, อายุความคดีหย่า (การยินยอมและให้อภัย) (ฎีกา 3190/2549)
ค่าเลี้ยงดูบุตร & เพิกถอนโอนบ้าน, สัญญาหย่า, พินัยกรรม, (ฎีกา 6926/2560)
การหย่าโมฆะ & สิทธิในมรดกที่ดินพิพาท
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นเรื่องชู้สาว (ฎีกา 4261/2560)
กฎหมายฟ้องชู้ฉบับใหม่ 2568: สิทธิของคู่สมรสทุกเพศในการเรียกค่าทดแทนและฟ้องหย่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5259 - 5260/2561 : การรับฟังพยานบันทึกเสียง, สิทธิฟ้องหย่า, ค่าทดแทนชู้ และอำนาจปกครองบุตร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น เหตุชู้สาวต่อเนื่องไม่ขาดอายุความ
การหย่าโดยสมยอมเพื่อฉ้อโกงเจ้าหนี้ – วิเคราะห์กฎหมายครอบครัวและสิทธิของเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 สิทธิภริยาชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523
สิทธิฟ้องหย่าและอำนาจปกครองบุตร: ศาลฎีกาวินิจฉัยกรณีสามีขับไล่ภริยา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4104/2564
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2567: การเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรและการปรับค่าเลี้ยงดูตามสถานการณ์ใหม่
แบ่งสินสมรส, สินสมรสที่เป็นเงินตรา, แบ่งสินสมรสหลังหย่า สิทธิและหน้าที่, สินส่วนตัวกับสินสมรส
คดีฟ้องหย่าและการแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิการเรียกค่าเลี้ยงดูของโจทก์, การชำระค่าทดแทนในคดีแพ่ง, การบังคับคดีและสิทธิทายาทในมรดก
ข้อตกลงแบ่งค่าเช่าที่ดินในสัญญาหย่า
ฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต, คนไร้ความสามารถกับการหย่า, แบ่งทรัพย์สินหลังหย่าในกรณีคนวิกลจริต
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
สามีภริยาจะต้องมีการร่วมประเวณีกันบ้างแต่ต้องเกิดจากความยินยอม
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์
ไม่เกิดสิทธิฟ้องหย่าเพราะโจทก์มีพฤติกรรมนอกใจจำเลยยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
อายุความฟ้องหย่า, บันทึกข้อตกลงหย่า, หลักกฎหมายมาตรา 1515,
สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี , หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร
การฟ้องหย่าด้วยเหตุหมิ่นประมาท, สิทธิการฟ้องหย่าหมดอายุความ
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
เหตุฟ้องหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
ไม่ถือว่าจำเลยประพฤติชั่วทำให้โจทก์อับอายถูกเกลียดชังจนเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
ฟ้องหย่าอ้างว่าจำเลยดูหมิ่นโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง
การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่า
โจทก์ได้ให้อภัยจำเลยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไป
ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การละเมิดเกิดขึ้นต่อเนื่องอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดีไม่ขาดอายุความ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด article
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด article
หนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงอื่น article