ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คดีหย่า & อำนาจปกครองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดู, (ฎีกา 5535/2558)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5535/2558, คดีหย่าและสิทธิเลี้ยงดูบุตร, การกำหนดอำนาจปกครองบุตรโดยศาล, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่อเดือน, คดีครอบครัวและเยาวชน, พฤติการณ์ที่เข้าลักษณะยกย่องฉันภริยา, วิเคราะห์กฎหมายครอบครัว ป.พ.พ., แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องการหย่า, สิทธิในการใช้อำนาจปกครองตามมาตรา 1520, การตีความมาตรา 1522 ป.พ.พ., แนวปฏิบัติคดีครอบครัว, สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดา

    ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ 

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีหย่าที่มีข้อพิพาทเรื่องการยกย่องฉันภริยาและการกำหนดอำนาจปกครองบุตร ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 แสดงถึงการยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (1) อันเป็นเหตุหย่า อีกทั้งแม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตร แต่ศาลยังมีอำนาจกำหนดให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร โดยอ้างอิงตามมาตรา 1520 และ 1522 ซึ่งสะท้อนหลักการคุ้มครองประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ในคดีครอบครัว


เนื้อหาแบบสรุปข้อเท็จจริงและคำวินิจฉัย

1. ข้อเท็จจริงของคดี

โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 2 คน อายุ 12 และ 7 ปี

โจทก์ฟ้องหย่า โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยา และเรียกร้องให้ตนเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสอง พร้อมค่าอุปการะเลี้ยงดูคนละ 6,000 บาทต่อเดือน รวมถึงค่าทดแทนความเสียหาย

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้หย่า กำหนดให้โจทก์มีอำนาจปกครองบุตร และให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเลี้ยงดูบุตรคนละ 4,000 บาทต่อเดือน

จำเลยทั้งสองฎีกา

2. ประเด็นข้อกฎหมาย

พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 เข้าข่ายการยกย่องฉันภริยาหรือไม่ (มาตรา 1516 (1))

ศาลมีอำนาจกำหนดอำนาจปกครองบุตรได้หรือไม่ แม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องนี้ (มาตรา 1520 และ 1522)

ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่กำหนดเหมาะสมหรือไม่

3. คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

เหตุหย่า: ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ เช่น การอยู่ค้างคืน แลกเปลี่ยนรถ ใช้ชีวิตร่วมกันและเปิดคลินิกร่วม ถือเป็นการยกย่องฉันภริยาเพียงพอให้เป็นเหตุหย่าตามกฎหมาย

อำนาจปกครองบุตร: แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบ ศาลยังคงมีอำนาจวินิจฉัยโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กตามมาตรา 1520 วรรคสอง และ 1522 วรรคสอง จึงกำหนดให้โจทก์ใช้อำนาจปกครอง

ค่าเลี้ยงดู: ศาลพิจารณาตามความสามารถของจำเลยที่ 1 และความจำเป็นของเด็ก กำหนดที่ 4,000 บาทต่อเดือนต่อคน เห็นว่าเหมาะสม


วิเคราะห์ทางกฎหมาย (Legal Analysis)

มาตรา 1516 (1) ป.พ.พ. กำหนดเหตุฟ้องหย่าเมื่อคู่สมรสฝ่ายใด “ยกย่องผู้อื่นฉันภริยา” ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์แม้ไม่มีหลักฐานการร่วมประเวณี แต่หากแสดงออกต่อสาธารณะอย่างเปิดเผยก็เพียงพอที่จะถือว่าเข้าลักษณะนี้

มาตรา 1520 และ 1522 ป.พ.พ. ให้อำนาจศาลตัดสินชี้ขาดเรื่องการใช้อำนาจปกครองและค่าเลี้ยงดู แม้ไม่มีการร้องขอโดยตรง เพื่อตอบสนองประโยชน์สูงสุดของบุตร

แนวคำพิพากษานี้ยืนยันหลักการว่า “ศาลสามารถแทรกแซงเพื่อคุ้มครองเด็กได้” ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายเยาวชนและครอบครัว


IRAC Framework

Issue:

1. การกระทำของจำเลยที่ 1 เข้าข่าย “ยกย่องผู้อื่นฉันภริยา” ตามมาตรา 1516 (1) หรือไม่

2. ศาลมีอำนาจกำหนดอำนาจปกครองบุตรและค่าเลี้ยงดู แม้ไม่มีการนำสืบหรือไม่

Rule:

ป.พ.พ. มาตรา 1516 (1): การยกย่องผู้อื่นฉันภริยาเป็นเหตุหย่า

ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคสอง: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยการใช้อำนาจปกครองบุตร

ป.พ.พ. มาตรา 1522 วรรคสอง: ศาลกำหนดค่าเลี้ยงดูได้ตามความสามารถและความจำเป็น

Application:

พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 (อยู่ร่วมกับจำเลยที่ 2, แลกเปลี่ยนรถ, เปิดธุรกิจร่วมกัน) เป็นการแสดงออกที่สาธารณะรับรู้ ถือว่าการยกย่องฉันภริยาเป็นจริง

แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบ แต่เด็กอยู่กับโจทก์ตลอด และเหตุหย่าเกิดจากความผิดของจำเลยที่ 1 ศาลจึงชอบที่จะกำหนดให้โจทก์ใช้อำนาจปกครอง

ค่าเลี้ยงดู 4,000 บาทต่อเดือนต่อคน สอดคล้องกับฐานะทางเศรษฐกิจของจำเลยและความจำเป็นของเด็ก

Conclusion:

ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้โจทก์หย่ากับจำเลยที่ 1 โจทก์มีอำนาจปกครองบุตรทั้งสองเพียงผู้เดียว และให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 4,000 บาทต่อคน


ข้อคิดทางกฎหมาย

พฤติการณ์ที่เข้าลักษณะ “ยกย่องฉันภริยา” ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานการร่วมประเวณี แต่หากแสดงออกต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องก็ถือว่าเข้าข่าย

ศาลมีอำนาจวินิจฉัยอำนาจปกครองบุตรและค่าเลี้ยงดู แม้คู่ความจะไม่ร้องขอ เพื่อคุ้มครองประโยชน์สูงสุดของเด็ก

คดีนี้ตอกย้ำหลักการคุ้มครองครอบครัว โดยเฉพาะสิทธิของบุตรที่ศาลต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5535/2558

ในคดีหย่า แม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใดและอีกฝ่ายจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคสองและมาตรา 1522 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่า ผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์มาตลอดตั้งแต่จำเลยที่ 1 เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปและเหตุหย่าเกิดจากความผิดของจำเลยที่ 1 ประกอบกับจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ให้การหรือสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสองและให้จำเลยที่ 1ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์คนละ 4,000 บาท ต่อเดือน จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะจึงชอบแล้ว


โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 6,000 บาท ต่อคน นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าบุตรแต่ละคนจะบรรลุนิติภาวะ และให้จำเลยทั้งสองชำระค่าทดแทนเป็นเงิน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง


ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิง ฟ. และเด็กหญิง พ. บุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรคนละ 4,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าบุตรแต่ละคนจะบรรลุนิติภาวะ (เด็กหญิง ฟ. เกิดวันที่ 26 กันยายน 2543 และเด็กหญิง พ. เกิดวันที่ 17 ตุลาคม 2548) ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าทดแทนเป็นเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์


ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่เสียเกินมา 1,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกันรวม 2 คน คือเด็กหญิง ฟ. อายุ 12 ปี และเด็กหญิง พ. อายุ 7 ปี


มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยาอันเป็นเหตุฟ้องหย่าหรือไม่ เห็นว่า โจทก์นำนาง บ. ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านของจำเลยที่ 2 มาเบิกความว่า ตั้งแต่กลางปี 2555 จนถึงวันที่เบิกความ เห็นจำเลยที่ 1 พักอาศัยค้างคืนที่บ้านจำเลยที่ 2 โจทก์นำนาย ค. ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านของจำเลยที่ 2 มาเบิกความว่า พบเห็นจำเลยที่ 1 มาประมาณ 2 ปี แต่ที่พบเห็นเป็นประจำว่ามาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของจำเลยที่ 2 ประมาณหนึ่งปีครึ่ง โจทก์นำนาย ป. ซึ่งมีบ้านอยู่คนละฝั่งถนนกับบ้านของจำเลยที่ 2 มาเบิกความว่า เคยเห็นจำเลยที่ 1 มาที่บ้านจำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะนอนพักค้างคืนหรืออาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวหรือไม่ แต่เห็นรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จอดค้างคืนที่บ้านหลังดังกล่าว ทั้งนาง บ. นาย ท. และนาย ป. เป็นเพื่อนบ้านของจำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อนและไม่เคยรู้จักกับโจทก์ น่าเชื่อว่าพยานทั้งสามเบิกความไปตามความจริงที่พบเห็น ซึ่งเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยทั้งสอง ข้อเท็จจริงรับฟังว่า จำเลยที่ 1 ไปนอนค้างคืนที่บ้านของจำเลยที่ 2 นำรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไปจอดไว้ภายในบ้านของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองแลกเปลี่ยนรถยนต์กันใช้ เดือนละ 6 ถึง 7 ครั้ง ช่วยเหลือกันในด้านธุรกิจและออกงานสังคมร่วมกัน แม้โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองร่วมประเวณีกัน และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 แนะนำบุคคลอื่นให้รู้จักจำเลยที่ 2 ในฐานะภริยา แต่การที่จำเลยทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย จำเลยที่ 1 มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของจำเลยที่ 2 อยู่ด้วยกันในเวลากลางคืนและแลกเปลี่ยนรถยนต์กันใช้ ช่วยเหลือกันในด้านธุรกิจเปิดคลินิกตรวจรักษาโรคร่วมกันที่บ้านของจำเลยที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า " ป. การพยาบาลและการผดุงครรภ์" เป็นการแสดงออกว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว เอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ต่อกันซึ่งถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยา อันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (1) ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น


มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครอง ศาลมีอำนาจกำหนดให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ฝ่ายเดียวหรือไม่ และค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้นสูงเกินไปหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด และอีกฝ่ายจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคสอง และมาตรา 1522 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่า ผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์มาตลอดตั้งแต่จำเลยที่ 1 เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป และเหตุหย่าเกิดจากความผิดของจำเลยที่ 1 ประกอบกับจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ให้การหรือสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสองจึงชอบแล้ว ส่วนปัญหาเรื่องจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น เมื่อคำนึงถึงความสามารถของจำเลยที่ 1 ในการช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งมีอายุ 12 ปีเศษ และ 7 ปีเศษ (ขณะฟ้อง) จนกว่าผู้เยาว์ทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูคนละ 4,000 บาท นับว่าเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

 



ในคดีฟ้องหย่ากันนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใดและอีกฝ่ายจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ ตามข้อเท็จจริงคดีนี้คือผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์มาตลอด เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ ศาลให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์จึงชอบแล้ว

พิพากษากลับ ให้โจทก์หย่ากับจำเลยที่ 1 และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง คือ เด็กชาย น. และเด็กชาย อ. แต่ผู้เดียว ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนละ 3,000 บาทต่อเดือน จนกว่าบุตรแต่ละคนจะบรรลุนิติภาวะ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 150,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 9,000 บาท คำขออื่นให้ยก




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

ฟ้องหย่าเพราะภรรยาแจ้งความสามีไม่ได้ ศาลชี้สิทธิเลี้ยงดูยังมีอยู่(ฎีกา 2109/2567)
หย่าเพราะทรมานร่างกาย-จิตใจ (บังคับร่วมประเวณี)เหตุฟ้องหย่า (ฎีกา 8611/2557)
ฟ้องโมฆะ & หย่า / อายุความ / ค่าเลี้ยงชีพ แยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา 10770/2558)
คดีหย่า & ค่าทดแทน, สิทธิฟ้องหย่า, (มาตรา 1518, 1523)(ฎีกา 2473/2556)
หย่า แบ่งสินสมรส, อำนาจปกครองบุตร, & คุ้มครองดอกผล (ฎีกา 10361/2557)
โมฆะสมรส & สิทธิอำนาจปกครองบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร (ฎีกา 10442/2558)
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. ม.173, ฟ้องซ้ำ, (ฎีกา 8186/2551)
สิทธิครอบครองที่ดิน & เพิกถอนโฉนดออกโดยมิชอบ (ฎีกา 3169/2564)
ฟ้องหญิงอื่นเรียกค่าทดแทน (มาตรา 1523) (ฎีกา 4818/2551)
คดีหย่า & สิทธิฟ้องหย่า, อายุความคดีหย่า (การยินยอมและให้อภัย) (ฎีกา 3190/2549)
ค่าเลี้ยงดูบุตร & เพิกถอนโอนบ้าน, สัญญาหย่า, พินัยกรรม, (ฎีกา 6926/2560)
ฟ้องหย่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา, 2520/2549),
การหย่าโมฆะ & สิทธิในมรดกที่ดินพิพาท
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นเรื่องชู้สาว (ฎีกา 4261/2560)
กฎหมายฟ้องชู้ฉบับใหม่ 2568: สิทธิของคู่สมรสทุกเพศในการเรียกค่าทดแทนและฟ้องหย่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5259 - 5260/2561 : การรับฟังพยานบันทึกเสียง, สิทธิฟ้องหย่า, ค่าทดแทนชู้ และอำนาจปกครองบุตร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น เหตุชู้สาวต่อเนื่องไม่ขาดอายุความ
การหย่าโดยสมยอมเพื่อฉ้อโกงเจ้าหนี้ – วิเคราะห์กฎหมายครอบครัวและสิทธิของเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 สิทธิภริยาชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523
สิทธิฟ้องหย่าและอำนาจปกครองบุตร: ศาลฎีกาวินิจฉัยกรณีสามีขับไล่ภริยา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4104/2564
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2567: การเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรและการปรับค่าเลี้ยงดูตามสถานการณ์ใหม่
แบ่งสินสมรส, สินสมรสที่เป็นเงินตรา, แบ่งสินสมรสหลังหย่า สิทธิและหน้าที่, สินส่วนตัวกับสินสมรส
คดีฟ้องหย่าและการแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิการเรียกค่าเลี้ยงดูของโจทก์, การชำระค่าทดแทนในคดีแพ่ง, การบังคับคดีและสิทธิทายาทในมรดก
ข้อตกลงแบ่งค่าเช่าที่ดินในสัญญาหย่า
ฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต, คนไร้ความสามารถกับการหย่า, แบ่งทรัพย์สินหลังหย่าในกรณีคนวิกลจริต
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
สามีภริยาจะต้องมีการร่วมประเวณีกันบ้างแต่ต้องเกิดจากความยินยอม
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์
ไม่เกิดสิทธิฟ้องหย่าเพราะโจทก์มีพฤติกรรมนอกใจจำเลยยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
อายุความฟ้องหย่า, บันทึกข้อตกลงหย่า, หลักกฎหมายมาตรา 1515,
สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี , หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร
การฟ้องหย่าด้วยเหตุหมิ่นประมาท, สิทธิการฟ้องหย่าหมดอายุความ
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
เหตุฟ้องหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
ไม่ถือว่าจำเลยประพฤติชั่วทำให้โจทก์อับอายถูกเกลียดชังจนเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
ฟ้องหย่าอ้างว่าจำเลยดูหมิ่นโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง
การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่า
โจทก์ได้ให้อภัยจำเลยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไป
ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การละเมิดเกิดขึ้นต่อเนื่องอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดีไม่ขาดอายุความ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
จงใจละทิ้งร้างไปเกินหนึ่งปี
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด
หนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงอื่น
ฟ้องหย่าอ้างแยกกันอยู่เกินสามปีต้องเพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข