ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




หย่า แบ่งสินสมรส, อำนาจปกครองบุตร, & คุ้มครองดอกผล (ฎีกา 10361/2557)

คำพิพากษาศาลฎีกา 10361/2557, คดีหย่าแบ่งสินสมรส, คดีครอบครัวและอำนาจปกครองบุตร, ศาลสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว, ป.พ.พ. มาตรา 148 ดอกผลทรัพย์สิน, ค่าเลี้ยงดูบุตร, สิทธิในสินสมรส, การคุ้มครองสิทธิคู่สมรส, การบังคับแบ่งที่ดินสวนยาง, แนวทางวินิจฉัยคดีครอบครัว

   ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีครอบครัวที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลย ขอแบ่งสินสมรส และขอให้ศาลกำหนดค่าเลี้ยงดูบุตร รวมทั้งมีประเด็นสำคัญในการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณาเกี่ยวกับดอกผลของที่ดินพิพาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การสั่งให้จำเลยนำรายได้จากผลผลิตกึ่งหนึ่งมาวางศาล เป็นไปเพื่อคุ้มครองสิทธิในสินสมรสของคู่สมรสและไม่เกินกว่าคำขอในฟ้อง ถือเป็นการใช้มาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในการรักษาประโยชน์ของคู่ความ


ข้อเท็จจริงโดยสรุป

1. โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 ขอแบ่งสินสมรส (ที่ดินสวนยาง 60 ไร่ + ที่ดินสวนปาล์ม 15 ไร่ + รถยนต์ 1 คัน) และขอให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท

2. ขอให้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ 2 คนอยู่กับโจทก์ และกำหนดค่าเลี้ยงดูเดือนละ 5,000 บาทต่อคน

3. ศาลชั้นต้นพิพากษาตามฟ้อง ให้หย่า, แบ่งสินสมรสกึ่งหนึ่ง, ให้โจทก์ได้อำนาจปกครองบุตร, กำหนดค่าเลี้ยงดู, และให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหาย

4. ระหว่างอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีรายได้จากผลผลิต และนำรายได้กึ่งหนึ่งมาวางศาลทุกเดือน

5. จำเลยฎีกา อ้างว่าเป็นคำสั่งนอกประเด็น เกินกว่าคำขอในฟ้อง


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 เกี่ยวกับดอกผลทรัพย์สินพิพาทนั้นเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้คู่สมรสมีสิทธิได้รับดอกผลของสินสมรสร่วมกัน

หากไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โจทก์อาจเสียสิทธิในดอกผลสินสมรส จึงมีเหตุสมควรให้คุ้มครอง

คำสั่งดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการเกินกว่าคำขอหรือเป็นเรื่องนอกประเด็นตามที่จำเลยฎีกาอ้าง

พิพากษายืน คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบด้วยกฎหมาย


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. สิทธิในสินสมรสและดอกผล

o ตาม ป.พ.พ. มาตรา 148 คู่สมรสมีสิทธิได้รับดอกผลจากสินสมรสร่วมกัน

o แม้คดียังไม่ถึงที่สุด แต่การสั่งให้วางเงินรายได้กึ่งหนึ่งไว้กับศาลถือเป็นการคุ้มครองสิทธิ ไม่ใช่การตัดสินคดีล่วงหน้า

2. คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว

o ศาลอาจสั่งเพื่อป้องกันความเสียหายแก่คู่ความในอนาคต

o ไม่ถือว่าเป็นนอกประเด็น หากเกี่ยวพันโดยตรงกับสิทธิที่คู่ความฟ้องขอ

3. แนวทางการวินิจฉัยของศาลฎีกา

o ยืนยันหลักการว่าคู่สมรสมีสิทธิในสินสมรสร่วมกันตั้งแต่เริ่มฟ้อง

o การสั่งคุ้มครองเป็นกลไกป้องกันความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้หากคดีสิ้นสุด


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น):

การสั่งให้จำเลยนำรายได้จากผลผลิตของที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่งมาวางศาลระหว่างพิจารณา เป็นคำสั่งนอกประเด็นหรือเกินกว่าคำขอหรือไม่

Rule (หลักกฎหมาย):

ป.พ.พ. มาตรา 148: คู่สมรสมีสิทธิในดอกผลของสินสมรส

หลักการคุ้มครองชั่วคราว: ศาลสามารถสั่งเพื่อรักษาประโยชน์ของคู่ความได้

Application (การปรับใช้):

โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสกึ่งหนึ่ง รวมถึงสิทธิในดอกผล

หากไม่มีคำสั่งคุ้มครอง โจทก์อาจเสียหาย เพราะจำเลยได้รับผลผลิตฝ่ายเดียว

คำสั่งให้วางรายได้กึ่งหนึ่งไว้กับศาลจึงสอดคล้องกับสิทธิในสินสมรส

Conclusion (ข้อสรุป):

คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการเกินคำขอ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน


สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

สิทธิในสินสมรสไม่จำกัดเฉพาะตัวทรัพย์ แต่รวมถึงดอกผลที่เกิดขึ้นด้วย

ศาลมีอำนาจสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหายแก่คู่สมรส แม้คดียังไม่ถึงที่สุด

หลักการนี้ช่วยให้คู่สมรสที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเป็นธรรม


คดีหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลชี้สิทธิคู่สมรสครอบคลุมถึงดอกผลจากทรัพย์พิพาท ใช้มาตรา 148 คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี “ดอกผลของทรัพย์ ได้แก่ ดอกผลธรรมดาและดอกผลนิตินัย”

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10361/2557

โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากจำเลยที่ 1 และขอให้พิพากษาแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ และที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ 15 ไร่ แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว และศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตในที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์พิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งในที่สุดหากโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นสินสมรสได้ คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวจึงหาเกินกว่าคำขอในคำฟ้อง อันเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นไม่


คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาบังคับจำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสกึ่งหนึ่งแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทดแทน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่มีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้นายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ บุตรผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง คนละ 5,000 บาท ต่อเดือน จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ คือ นายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ แต่เพียงผู้เดียว ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักเลขที่ 139/2 หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กจ 9725 สุราษฎร์ธานี 1 คัน แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง หากจำเลยที่ 1 ไม่ยอมแบ่งหรือแบ่งไม่ได้ให้แจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีนำสินสมรสดังกล่าวออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินที่ได้แบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะค่าเลี้ยงดูนายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ บุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนละ 5,000 บาท ต่อเดือน และให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชำระแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว


ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว มีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

จำเลยที่ 1 ฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวให้แก่โจทก์ระหว่างการพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เสียหายและการยื่นคำขอของโจทก์เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษา ขอให้ศาลฎีกายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 8 นั้น เห็นว่า คดีนี้นอกจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้พิพากษาแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักเลขที่ 139/2 หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง เช่นนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตในที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งในที่สุดหากโจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนของสินสมรสเช่นกัน กรณีจึงอาจทำให้โจทก์เสียหายได้หากศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณา และหาใช่เป็นคำสั่งคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องอันเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

คำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราว



 

 จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เสียหายและการยื่นคำขอของโจทก์เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษา ขอให้ศาลฎีกายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 8 นั้น เห็นว่า คดีนี้นอกจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้พิพากษาแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักเลขที่ 139/2 หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง เช่นนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตในที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งในที่สุดหากโจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนของสินสมรสเช่นกัน กรณีจึงอาจทำให้โจทก์เสียหายได้หากศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณา และหาใช่เป็นคำสั่งคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องอันเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

สรุปเหตุ หย่า “ละทิ้งร้าง > สมัครใจแยกกันอยู่”มาตรา 1516, ป.พ.พ. มาตรา 1516(4/2),
หย่า ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4) vs (4/2)แยกกันอยู่, ละทิ้งร้าง, สมัครใจแยกกันอยู่, (ฎีกา 2345/2552)
ฟ้องหย่าเพราะภรรยาแจ้งความสามีไม่ได้ ศาลชี้สิทธิเลี้ยงดูยังมีอยู่(ฎีกา 2109/2567)
หย่าเพราะทรมานร่างกาย-จิตใจ (บังคับร่วมประเวณี)เหตุฟ้องหย่า (ฎีกา 8611/2557)
ฟ้องโมฆะ & หย่า / อายุความ / ค่าเลี้ยงชีพ แยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา 10770/2558)
คดีหย่า & ค่าทดแทน, สิทธิฟ้องหย่า, (มาตรา 1518, 1523)(ฎีกา 2473/2556)
คดีหย่า & อำนาจปกครองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดู, (ฎีกา 5535/2558)
โมฆะสมรส & สิทธิอำนาจปกครองบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร (ฎีกา 10442/2558)
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. ม.173, ฟ้องซ้ำ, (ฎีกา 8186/2551)
สิทธิครอบครองที่ดิน & เพิกถอนโฉนดออกโดยมิชอบ (ฎีกา 3169/2564)
ฟ้องหญิงอื่นเรียกค่าทดแทน (มาตรา 1523) (ฎีกา 4818/2551)
คดีหย่า & สิทธิฟ้องหย่า, อายุความคดีหย่า (การยินยอมและให้อภัย) (ฎีกา 3190/2549)
ค่าเลี้ยงดูบุตร & เพิกถอนโอนบ้าน, สัญญาหย่า, พินัยกรรม, (ฎีกา 6926/2560)
ฟ้องหย่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา, 2520/2549),
การหย่าโมฆะ & สิทธิในมรดกที่ดินพิพาท
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นเรื่องชู้สาว (ฎีกา 4261/2560)
กฎหมายฟ้องชู้ฉบับใหม่ 2568: สิทธิของคู่สมรสทุกเพศในการเรียกค่าทดแทนและฟ้องหย่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5259 - 5260/2561 : การรับฟังพยานบันทึกเสียง, สิทธิฟ้องหย่า, ค่าทดแทนชู้ และอำนาจปกครองบุตร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น เหตุชู้สาวต่อเนื่องไม่ขาดอายุความ
การหย่าโดยสมยอมเพื่อฉ้อโกงเจ้าหนี้ – วิเคราะห์กฎหมายครอบครัวและสิทธิของเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 สิทธิภริยาชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523
สิทธิฟ้องหย่าและอำนาจปกครองบุตร: ศาลฎีกาวินิจฉัยกรณีสามีขับไล่ภริยา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4104/2564
การเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรและการปรับค่าเลี้ยงดูตามสถานการณ์ใหม่ (ฎีกาที่ 1218/2567)
แบ่งสินสมรส, สินสมรสที่เป็นเงินตรา, แบ่งสินสมรสหลังหย่า สิทธิและหน้าที่, สินส่วนตัวกับสินสมรส
คดีฟ้องหย่าและการแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิการเรียกค่าเลี้ยงดูของโจทก์, การชำระค่าทดแทนในคดีแพ่ง, การบังคับคดีและสิทธิทายาทในมรดก
ข้อตกลงแบ่งค่าเช่าที่ดินในสัญญาหย่า
ฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต, คนไร้ความสามารถกับการหย่า, แบ่งทรัพย์สินหลังหย่าในกรณีคนวิกลจริต
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
สามีภริยาจะต้องมีการร่วมประเวณีกันบ้างแต่ต้องเกิดจากความยินยอม
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์
ไม่เกิดสิทธิฟ้องหย่าเพราะโจทก์มีพฤติกรรมนอกใจจำเลยยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
อายุความฟ้องหย่า, บันทึกข้อตกลงหย่า, หลักกฎหมายมาตรา 1515,
สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี , หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร
การฟ้องหย่าด้วยเหตุหมิ่นประมาท, สิทธิการฟ้องหย่าหมดอายุความ
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
เหตุฟ้องหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
ไม่ถือว่าจำเลยประพฤติชั่วทำให้โจทก์อับอายถูกเกลียดชังจนเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
ฟ้องหย่าอ้างว่าจำเลยดูหมิ่นโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง
การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่า
โจทก์ได้ให้อภัยจำเลยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไป
ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การละเมิดเกิดขึ้นต่อเนื่องอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดีไม่ขาดอายุความ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด
หนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงอื่น