

ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดในคดีก่อนนำมาฟ้องใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ 160,000 บาท ยังค้างชำระอยู่อีก 90,000 บาท ศาลไม่พิพากษาให้ เนื่องจากหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ภายหลังจากหนี้ส่วนที่เหลือถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ชำระเงิน 90,000 บาท แก่โจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ เพราะโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 159/2546 ของศาลชั้นต้นโดยอ้างใบสำคัญการหย่าและบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าในคดีนี้เป็นหลักแห่งข้อหา โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยเต็มตามสัญญา ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้ว โจทก์นำคดีมาฟ้องโดยอ้างสัญญาท้ายทะเบียนการหย่าอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 102,093.75 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของ ต้นเงิน 90,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 กรกฎาคม 2547) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,500 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ เห็นว่า แม้ในคดีเดิมคือคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 159/2546 ของศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดในค่าอุปการะเลี้ยงดูมาทั้งหมดโดยอาศัยสัญญาตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ลงวันที่ 3 มีนาคม 2542 อ้างเหตุว่าจำเลยผิดนัดสัญญาไม่ผ่อนชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ครบถ้วนครบตามข้อตกลงในสัญญา แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบางส่วนเฉพาะงวดหนี้ที่ถึงกำหนดชำระตามสัญญาดังกล่าว ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาเมื่อหนี้ส่วนที่เหลือถึงกำหนดชำระจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูตามสัญญาดังกล่าวอีกจึงเกิดมูลหนี้ใหม่แม้จะโดยสาเหตุจำเลยผิดนัดเหมือนกันกับในคดีเดิม ทั้งการที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยอาศัยสัญญาตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่าและอ้างเหตุจำเลยผิดนัดผิดสัญญาเช่นเดิม แต่ก็เป็นเพราะจำเลยไม่ผ่อนชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูตามสัญญาในยอดหนี้ส่วนที่เหลือ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่ายอดหนี้ในคดีเดิมและคดีนี้เป็นหนี้คนละจำนวนกัน เมื่อขณะโจทก์ฟ้องคดีเดิมจำเลยยังมิได้ผิดนัดผิดสัญญาในยอดหนี้คงค้างที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยในคดีนี้เพราะเป็นหนี้ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ดังกล่าว และศาลชั้นต้นในคดีเดิมยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นหรือเนื้อหาแห่งคดีในส่วนยอดหนี้ดังกล่าว ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้มิใช่ประเด็นข้อพิพาทที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับในคดีเดิม การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น” พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าระหว่างโจทก์จำเลยระบุว่าจำเลยยอมจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง 300,000 บาท ชำระในวันหย่า 50,000 บาท คงเหลือ 250,000 บาท ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจะครบ จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกเลย โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ 160,000 บาท ยังค้างชำระอยู่อีก 90,000 บาท ศาลไม่พิพากษาให้ เนื่องจากหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ภายหลังจากหนี้ส่วนที่เหลือถึงกำหนด จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ชำระเงิน 90,000 บาท แก่โจทก์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ป.วิ.พ.) มาตรา 148 คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้ คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัย เหตุอย่างเดียวกันเว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
|