
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีหย่าของคู่สมรสต่างชาติที่จดทะเบียนสมรสในสหราชอาณาจักรและใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ประเด็นสำคัญคือศาลไทยมีอำนาจวินิจฉัยหรือไม่เมื่อคู่ความมิใช่คนสัญชาติไทย โดยศาลฎีกาอ้างอิง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาตรา 24 ซึ่งกำหนดให้การหย่าขึ้นอยู่กับกฎหมายสัญชาติของคู่สมรส หากกฎหมายประเทศต้นสังกัดอนุญาต ศาลไทยจึงมีอำนาจวินิจฉัย พร้อมทั้งพิจารณาปัญหาค่าเลี้ยงดูที่ศาลล่างกำหนดให้ชำระจนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะสิทธิในการเลี้ยงดูสิ้นสุดเมื่อการสมรรสสิ้นสุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1461 และ 1501 ทำให้คำพิพากษานี้มีความสำคัญต่อแนวปฏิบัติของศาลในคดีครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับคู่สมรสต่างชาติ
ข้อเท็จจริงของคดี • โจทก์เป็นชาวไอร์แลนด์เหนือ จำเลยเป็นชาวสก๊อตแลนด์ จดทะเบียนสมรสในสหราชอาณาจักร • มีบุตรด้วยกัน 3 คน และเข้ามาทำงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 • ความสัมพันธ์สามีภริยามีปัญหาจนจำเลยส่งข้อความที่มีลักษณะเหยียดหยามโจทก์และบุพการี • โจทก์ยื่นฟ้องหย่าในประเทศไทย โดยอ้างว่าเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) • จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูทั้งตนเองและบุตร รวมปีละหลายล้านบาท
คำวินิจฉัยของศาล 1. อำนาจศาลไทย ศาลฎีกายืนยันว่า แม้คู่ความมิใช่คนไทย แต่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย มาตรา 24 หากกฎหมายของประเทศต้นสังกัด (ไอร์แลนด์เหนือและสก๊อตแลนด์) อนุญาตให้หย่าได้ ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาคดีหย่า 2. เหตุหย่า ศาลพิจารณาข้อความที่จำเลยส่งถึงโจทก์ว่าอาจเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) ที่บัญญัติถึงการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือเหยียดหยามอย่างร้ายแรง 3. ค่าเลี้ยงดูคู่สมรส ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลล่างที่ให้โจทก์จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่จำเลยจนกว่าจะสมรสใหม่ เห็นว่าต้องจ่ายเพียงจนกว่าสมรสจะสิ้นสุดลงเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคสอง และมาตรา 1501 4. ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกเหตุว่าประเด็นค่าเลี้ยงดูเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน (ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5), 247) จึงแก้คำพิพากษาให้ถูกต้อง
การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย • ขัดกันแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ: คดีนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล (Conflict of Laws) ศาลไทยต้องตรวจสอบว่ากฎหมายสัญชาติของคู่สมรสอนุญาตการหย่าหรือไม่ ก่อนใช้อำนาจ • เหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516: ศาลตีความคำว่า “หมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง” ให้ครอบคลุมพฤติกรรมทางข้อความสื่อสาร ไม่จำกัดเฉพาะต่อหน้า • สิทธิและหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดู: มาตรา 1461 และ 1501 เน้นว่าหน้าที่นี้สิ้นสุดเมื่อการสมรรสสิ้นสุด การกำหนด “จนกว่าจะสมรสใหม่” ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติ • ความสงบเรียบร้อย: ศาลฎีกาใช้หลักเรื่อง public order เพื่อแก้ไขคำพิพากษาศาลล่าง โดยถือว่าเรื่องค่าเลี้ยงดูเกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางสังคมและครอบครัว
IRAC Analysis Issue (ปัญหา): 1. ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาคดีหย่าของคู่สมรสต่างชาติหรือไม่ 2. จำเลยส่งข้อความเหยียดหยามเข้าข่ายเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) หรือไม่ 3. ค่าเลี้ยงดูที่โจทก์ต้องจ่ายให้จำเลยควรสิ้นสุดเมื่อใด Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ): • พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาตรา 24 • ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3), มาตรา 1461 วรรคสอง, มาตรา 1501 • ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5), มาตรา 247 Application (การปรับใช้กฎหมาย): • เนื่องจากกฎหมายของไอร์แลนด์เหนือและสก๊อตแลนด์อนุญาตให้หย่าได้ ศาลไทยจึงมีอำนาจ • ข้อความที่จำเลยส่งเข้าข่ายการเหยียดหยามซึ่งอาจเป็นเหตุหย่าตามมาตรา 1516 (3) • ค่าเลี้ยงดูต้องสิ้นสุดเมื่อการสมรสสิ้นสุด ไม่ใช่เมื่อจำเลยสมรสใหม่ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้อง Conclusion (ข้อสรุป): ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้โจทก์จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่จำเลยจนกว่าสมรสจะสิ้นสุดเท่านั้น และยืนยันว่า ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาคดีหย่าของคู่สมรสต่างชาติหากกฎหมายสัญชาติอนุญาต
สรุปข้อคิดทางกฎหมาย 1. ศาลไทยสามารถวินิจฉัยคดีหย่าของคู่สมรสต่างชาติได้ หากกฎหมายสัญชาติของทั้งสองฝ่ายอนุญาต 2. เหตุหย่าตามมาตรา 1516 (3) ครอบคลุมการกระทำที่เป็นการเหยียดหยามร้ายแรง แม้เป็นเพียงข้อความ 3. ค่าอุปการะเลี้ยงดูต้องยึดตามบทบัญญัติของ ป.พ.พ. คือสิ้นสุดเมื่อการสมรสสิ้นสุด ไม่ใช่เมื่อฝ่ายหนึ่งสมรสใหม่ 4. หลัก “ความสงบเรียบร้อย” เป็นเหตุให้ศาลฎีกาเข้ามาแก้คำพิพากษาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและประโยชน์สาธารณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6499/2557 โจทก์จำเลยมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พ.ศ.2481 มาตรา 24 บัญญัติว่า "ศาลสยามจะไม่พิพากษาให้หย่ากัน เว้นแต่กฎหมายสัญชาติแห่งสามีภริยาทั้งสองฝ่ายยอมให้กระทำได้ เหตุหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า" เมื่อได้ความว่า กฎหมายสัญชาติของโจทก์และจำเลยอนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดจากกันได้ ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาเหตุหย่าตามคำฟ้องของโจทก์ต่อไปว่าเป็นเหตุตามกฎหมายแห่งท้องถิ่นที่ยื่นฟ้อง คือ เหตุหย่าที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่
ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่จำเลยนั้น เมื่อศาลมิได้มีคำพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันจะหมดไปเมื่อการสมรสสิ้นสุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคสอง และมาตรา 1501 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้โจทก์จ่ายเงินเพื่อการศึกษาและการครองชีพของบุตรผู้เยาว์เป็นรายปี ปีละ 1,500,000 บาท จนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยเป็นรายปี ปีละ 3,000,000 บาท จนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยในอัตรา 110,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องแย้ง (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่หรือจนกว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง และให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ให้แก่จำเลยในอัตรา 100,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ คำขออื่นตามฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์เป็นคนมีสัญชาติไอร์แลนด์เหนือ จำเลยเป็นคนมีสัญชาติสก๊อตแลนด์ โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย โดยจดทะเบียนสมรสกันที่โบสถ์เซนต์แมรี่แอนด์ ออล เซนต์ส ปีคอนสฟิลด์ บัคกิ้งแฮม สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2530 โจทก์กับจำเลยมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นางสาววิคตอเรีย อายุ 23 ปี นางสาวสเตฟานี่ อายุ 21 ปี และนายวิลเลี่ยม อายุ 17 ปี โจทก์จำเลยเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงขณะฟ้องคดีนี้ ตามกฎหมายของประเทศไอร์แลนด์เหนือและประเทศสก๊อตแลนด์ อนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดกันได้ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2553 ขณะที่โจทก์อยู่ในประเทศไทย ส่วนจำเลยอยู่ที่สหราชอาณาจักร โจทก์กับจำเลยได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์เคลื่อนที่โต้ตอบกัน มีข้อความว่า "You cold hearted bastard. Just like your father" แปลเป็นภาษาไทยว่า "คนไร้น้ำใจ คนสารเลว เหมือนพ่อแก ..."
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยส่งข้อความถึงโจทก์โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (3) หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พุทธศักราช 2481 มาตรา 24 บัญญัติว่า "ศาลสยามจะไม่พิพากษาให้หย่ากัน เว้นแต่กฎหมายสัญชาติแห่งสามีภริยาทั้งสองฝ่ายยอมให้กระทำได้ เหตุหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า" ดังนั้น เมื่อได้ความว่า กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์เหนือและประเทศสก๊อตแลนด์อันเป็นกฎหมายสัญชาติของโจทก์และจำเลยอนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดจากกันได้ ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาเหตุหย่าตามคำฟ้องของโจทก์ว่าเป็นเหตุตามกฎหมายแห่งท้องถิ่นที่ยื่นฟ้อง คือ เหตุหย่าที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ หากเข้าหลักเกณฑ์ศาลไทยมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่ากันได้
สำหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่จำเลยนั้น เมื่อศาลมิได้มีคำพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันจะหมดไปเมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 วรรคสอง และมาตรา 1501 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่ด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นและค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
![]() ![]() |