
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258
-ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th
-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line :
(1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont
-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE

การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
การฟ้องหย่า ถ้าโจทก์ถึงแก่ความตายย่อมมีผลทำให้การสมรสสิ้นสุดลงเพราะความตายของโจทก์ซึ่งเป็นคู่สมรส การที่บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ก็ไม่มีประโยชน์ในการชี้ขาดตัดสินคดีหย่า และประเด็นแบ่งสินสมรสอีกต่อไป อีกทั้ง ลักษณะคดีเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ ทายาทไม่อาจรับมรดกความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12569/2547
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์สินถึงแก่กรรมในระหว่างการพิจารณา การถึงแก่กรรมของคู่สมรสย่อมทำให้การสมรสสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1501 และต้อง
แบ่งทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่มีชีวิตอยู่นับแต่เวลาที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายตามมาตรา 1625 ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาตามฟ้องโจทก์ต่อไป ศาลล่างยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์และจำหน่ายคดี จึงเป็นการชอบ
มาตรา 1501 การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน
มาตรา 1625 ถ้าผู้ตายเป็นผู้สมรสแล้ว การคิดส่วนแบ่งและการปันทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นให้เป็นไปดั่งนี้
(1) ในเรื่องส่วนแบ่งในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการหย่าโดยยินยอมทั้งสองฝ่าย อันมีบทบัญญัติเพิ่มเติมให้บริบูรณ์ในมาตรา 1637 และ 1638 และโดยเฉพาะต้องอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 1513 ถึง 1517 แห่งประมวลกฎหมายนี้ แต่การคิดส่วนแบ่งนั้นมีผลตั้งแต่วันที่การสมรสได้สิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น
(2) ในเรื่องส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งบรรพนี้ นอกจากมาตรา 1637 และ 1638
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า โจทก์เป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ต่อมาจำเลยจดทะเบียนสมรสกับนางจินดาอันเป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อน ระหว่างอยู่ด้วยกันฉันสามีภริยามีทรัพย์สินเป็นที่ดินพร้อมบ้าน 2 ชั้น ขอบังคับให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่จดทะเบียนหย่าให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและแบ่งสินสมรส โดยวิธีการขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดให้หักค่าใช้จ่ายแล้วแบ่งคนละครึ่ง
ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในชั้นยื่นคำให้การ โจทก์ถึงแก่ความตายผู้ร้องอ้างว่าเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยโดยเป็นทายาทของโจทก์ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า โจทก์ถึงแก่ความตาย ลักษณะคดีเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ ทายาทไม่อาจรับมรดกความได้ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ไม่มีค่าขึ้นศาลให้คืนเนื่องจากศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์สินถึงแก่กรรมในระหว่างการพิจารณาการถึงแก่กรรมของคู่สมรสย่อมทำให้การสมรสสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1501 และต้องแบ่งทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่มีชีวิตอยู่นับแต่เวลาที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายตามมาตรา 1625 ฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาตามฟ้องโจทก์ต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องและจำหน่ายคดีนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเกี่ยวกับคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และศาลอุทธรณ์ มิได้แก้ไข ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
( เกรียงชัย จึงจตุรพิธ - วิรัช ลิ้มวิชัย - วสันต์ ตรีสุวรรณ )
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง - นางสาวจรีรัตน์ โรจนาจิณ
ศาลอุทธรณ์ - นายวิชชา ชินวงษ์พราห์ม