

การฟ้องและเรียกค่าทดแทนคดีครอบครัว
ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ การฟ้องเรียกค่าทดแทนคดีครอบครัว แสดงตนโดยเปิดเผยทำนองชู้สาว "ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง: ภริยาชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายหรือเงื่อนไขอื่นใด" ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง กำหนดให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยไม่กำหนดเงื่อนไขว่าภริยาต้องเสียหาย อยู่กินหรืออุปการะสามี หรือไม่มีคดีฟ้องหย่าอยู่ โจทก์จึงสามารถเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้. กฎหมายให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน หรือต้องไม่มีคดีฟ้องหย่ากันอยู่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ค่าทดแทนพิจารณาจากความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับเช่นสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย อาชีพรับราชการ มีเกียรติในวงสังคม สมรสกับสามีนาน 10 ปี มีบุตรด้วยกันเป็นต้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน หรือต้องไม่มีคดีฟ้องหย่ากันอยู่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุม โดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2530 มีบุตรด้วยกัน 1 คน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2538 จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม โจทก์ต้องจ่ายเงิน 40,000 บาท ให้แก่จำเลยเพื่อไม่ให้จำเลยร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจเอกประชุม และไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสิบตำรวจเอกประชุมต่อไป แต่เมื่อเดือนตุลาคม 2538 จำเลยกลับแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุมอีก ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าทดแทน 200,000 บาท และอีกเดือนละ2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเลิกความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม จำเลยให้การว่า เมื่อปลายปี 2538 จำเลยได้เสียเป็นสามีภริยากับสิบตำรวจเอกประชุม โดยถูกสิบตำรวจเอกประชุมหลอกลวงว่ายังไม่มีภริยา และต่อมาโจทก์ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมยกย่องจำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง จำเลยไม่เคยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมาสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์และสิบตำรวจเอกประชุม เป็นสามีภริยาโดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2530 ตามใบสำคัญการสมรสเอกสารหมาย จ.1 มีบุตรด้วยกัน 1 คนปลายปี 2538 จำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันที่ถนนพระยาตรังอำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี โดยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และมีบุตรด้วยกันคือเด็กชาย... คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่าจำเลยกับสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครทราบและไม่เคยออกงานสังคมกับสิบตำรวจเอกประชุมจำเลยจึงมิได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวนั้น เห็นว่า การที่จำเลยกับสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันในท้องที่ย่านชุมนุมชนโดยเปิดเผย และมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาจนมีบุตรด้วยกัน โดยบุตรก็ใช้นามสกุลของสิบตำรวจเอกประชุมด้วยนั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกงานสังคมร่วมกับสิบตำรวจเอกประชุมด้วยแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปคือ โจทก์ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์และพันตำรวจตรีพาชื่น มาเบิกความเป็นพยานว่าโจทก์มิได้ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยโจทก์เคยไปหาจำเลยขอร้องให้ยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับสิบตำรวจเอกประชุมแต่จำเลยไม่ยอมยุติความสัมพันธ์ดังกล่าว โจทก์ยังเคยไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจเอกประชุมเกี่ยวกับเรื่องที่สิบตำรวจเอกประชุมมาได้จำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง จนสิบตำรวจเอกประชุมถูกเรียกมาว่ากล่าวตักเตือนและรับว่าจะปฏิบัติตามคำตักเตือน ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมมาเบิกความเป็นพยานว่าหลังจากโจทก์ทราบว่าจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากันแล้ว โจทก์ยินยอมให้จำเลยเป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุมอีกคนหนึ่ง โดยตกลงกันว่าให้อยู่กันคนละบ้านและอยู่กันคนละวันสลับกัน เห็นว่า ตามปกติภริยาย่อมต้องรักใคร่หวงแหนมิให้สามีไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นเว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอย่างยิ่ง โจทก์มีความรักและหวงแหนสิบตำรวจเอกประชุมผู้เป็นสามีถึงกับต้องย้ายจากจังหวัดนครศรีธรรมราชติดตามมาอยู่กับสิบตำรวจเอกประชุมที่จังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้ยังไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาสิบตำรวจเอกประชุมให้ว่ากล่าวตักเตือนสิบตำรวจเอกประชุมให้ยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยด้วย ไม่ปรากฏว่ามีเหตุผลหรือพฤติการณ์พิเศษอย่างใด ที่โจทก์มีความจำเป็นต้องยินยอมให้จำเลยมาเป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุทอีกคนหนึ่ง จำเลยเองก็เบิกความตอบคำถามค้านทนายโจทก์ยอมรับว่า เมื่อต้นปี2539 สิบตำรวจเอกประชุมถูกย้ายไปอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอโป่งน้ำร้อนเพื่อไปอยู่กับโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้วิ่งเต้นให้ย้ายไป แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้สิบตำรวจเอกประชุมยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลย จึงน่าเชื่อว่าโจทก์มิได้ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยแต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวโดยโจทก์มิได้ยินยอมเช่นนี้ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายคือ ค่าทดแทนที่จำเลยต้องชดใช้ให้แก่โจทก์สูงเกินไปหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่า สิบตำรวจเอกประชุมมิได้แจ้งให้จำเลยทราบว่ามีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้ว จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรที่เกิดจากสิบตำรวจเอกประชุม 1 คน ทั้งมีรายได้เพียงจากการขายสลากกินแบ่งเท่านั้น ค่าทดแทนที่กำหนดให้จำเลยต้องชดใช้จำนวน 100,000 บาท จึงสูงเกินไป ขอให้ลดลงเหลือเพียง20,000 บาท นั้น เห็นว่า ค่าทดแทนที่ภริยาเรียกจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวนั้น พิจารณาจากความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับ พฤติการณ์แห่งคดีและสถานะของคู่สมรสเป็นหลัก โจทก์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบอาชีพรับราชการนับว่าเป็นผู้มีเกียรติฐานะในวงสังคม โจทก์กับสิบตำรวจเอกประชุมสมรสกันมานานถึง 10 ปี มีบุตรด้วยกัน 1 คนสถานะของครอบครัวมีความมั่นคงสมบูรณ์ ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท นับว่าเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน" พิพากษายืน • ค่าทดแทนชู้สาว ตามกฎหมายไทย • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง • สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย • การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น • คดีชู้สาวในศาลฎีกา • แสดงตนโดยเปิดเผย ความหมายทางกฎหมาย • กฎหมายปกป้องสถานภาพสมรส • ตัวอย่างคำพิพากษาเรื่องชู้สาว คำพิพากษาศาลฎีกา (สรุปย่อ) โจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสิบตำรวจเอกประชุม ฟ้องว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แม้โจทก์ได้จ่ายเงินให้จำเลยเพื่อให้ยุติความสัมพันธ์และไม่ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา แต่จำเลยยังคงแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีของโจทก์ โจทก์จึงเรียกค่าทดแทน 200,000 บาท และค่าชดเชยรายเดือน คำให้การของจำเลย จำเลยอ้างว่าถูกหลอกว่าโจทก์ไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสิบตำรวจเอกประชุม และภายหลังโจทก์ยินยอมให้จำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง โดยค่าทดแทนที่เรียกร้องสูงเกินควร คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชำระค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ประเด็นฎีกาและคำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1.การแสดงตนโดยเปิดเผย ศาลเห็นว่าจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมอยู่ร่วมกันในบ้านเดียวกันในชุมชน และมีบุตรร่วมกัน บุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ จึงถือว่าจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น 2.การยินยอมของโจทก์ ศาลเชื่อว่าโจทก์ไม่ยินยอมให้สามีมีความสัมพันธ์กับจำเลย เนื่องจากโจทก์ได้พยายามติดตามและร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อให้สิบตำรวจเอกประชุมยุติความสัมพันธ์ดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงถือว่าฝ่าฝืนสิทธิของโจทก์ตามมาตรา 1523 วรรคสอง 3.ค่าทดแทนสูงเกินควรหรือไม่ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำนวน 100,000 บาทที่กำหนดนั้นเหมาะสม โดยพิจารณาจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับและสถานะทางสังคมของโจทก์ ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยชำระค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย. หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง มาตรา 1523 วรรคสอง ของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดว่า หากหญิงใดกระทำการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายที่มีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ภริยามีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงนั้นได้ โดยสิทธินี้เป็นการปกป้องสถานภาพสมรสและสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในสังคม องค์ประกอบสำคัญของมาตรา 1523 วรรคสอง การแสดงตนโดยเปิดเผย การกระทำที่แสดงให้บุคคลทั่วไปเห็นว่า หญิงคนหนึ่งมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายที่มีภริยาอยู่ก่อนแล้ว เช่น การอยู่ร่วมบ้านในที่สาธารณะ การใช้ชีวิตฉันสามีภริยา หรือการแสดงความใกล้ชิดในลักษณะที่คนทั่วไปเห็นได้ชัด ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงในงานสังคมหรือในที่สาธารณะขนาดใหญ่ การใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะเปิดเผยในชุมชนที่ผู้อื่นรับรู้ก็เพียงพอ ชายต้องมีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ภริยาต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายกับชายที่มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ความเสียหายของภริยา การกระทำของหญิงนั้นทำให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายเสียสิทธิในความเป็นภริยา เช่น สูญเสียศักดิ์ศรีในสังคม หรือเกิดความทุกข์ทางจิตใจ สิทธิเรียกค่าทดแทน ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่กระทำการดังกล่าว ซึ่งค่าทดแทนนี้คำนวณจากความเสียหายที่เกิดขึ้นและสถานะทางสังคมของคู่สมรส ตัวอย่างการนำกฎหมายไปใช้ในกรณีนี้ ในบทความที่กล่าวถึงข้างต้น ศาลฎีกาพิจารณาว่า การที่จำเลยอยู่ร่วมกับสิบตำรวจเอกประชุมในบ้านเดียวกัน โดยมีบุตรร่วมกัน และบุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย โจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไม่ได้ยินยอมให้มีความสัมพันธ์ดังกล่าว และได้รับความเสียหายจากพฤติกรรมของจำเลย ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยตามมาตรา 1523 วรรคสอง วัตถุประสงค์ของกฎหมาย กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องสถาบันครอบครัวและคุ้มครองสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ให้ถูกล่วงละเมิดจากบุคคลที่สาม อีกทั้งยังสะท้อนถึงคุณค่าทางศีลธรรมและความยุติธรรมในสังคม โดยกำหนดให้ผู้กระทำการที่ส่งผลเสียต่อครอบครัวต้องรับผิดชอบ. หมายเหตุ: การเรียกค่าทดแทนต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีการกระทำตามองค์ประกอบของมาตรา 1523 วรรคสองอย่างครบถ้วน และต้องแสดงหลักฐานที่เพียงพอต่อศาล. ค่าทดแทนชู้สาว ตามกฎหมายไทย ในระบบกฎหมายไทย การคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รับการรับรองไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 โดยเฉพาะในวรรคสองที่ให้สิทธิภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีได้ ซึ่งบทบัญญัตินี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความยุติธรรมและปกป้องสถาบันครอบครัวให้มั่นคง ความหมายของ "ค่าทดแทนชู้สาว" ค่าทดแทนชู้สาว หมายถึง เงินชดเชยที่ภริยาชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องจากหญิงอื่นที่มีพฤติกรรมแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยค่าทดแทนดังกล่าวเป็นการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภริยาทั้งทางกาย จิตใจ และศักดิ์ศรีในสังคม หลักกฎหมายตามมาตรา 1523 วรรคสอง มาตรา 1523 วรรคสอง ระบุว่า ภริยาชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้ หากหญิงดังกล่าว: 1.แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของภริยา 2.การแสดงตนนั้นต้องชัดเจนจนบุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ได้ เช่น การอยู่ร่วมกันในลักษณะสามีภริยา หรือมีบุตรร่วมกัน เงื่อนไขสำคัญ •ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าภริยาได้รับความเสียหายทางกายหรือจิตใจ •ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าภริยาอยู่กินหรืออุปการะเลี้ยงดูสามี •ภริยาสามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ แม้จะมีคดีฟ้องหย่าอยู่ระหว่างพิจารณา เหตุผลในการกำหนดกฎหมายนี้ บทบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ: 1.ปกป้องสถาบันครอบครัว: ลดพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การทำลายครอบครัวที่มีอยู่เดิม 2.คุ้มครองสิทธิภริยา: ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของหญิงอื่นที่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ 3.สร้างบทลงโทษทางสังคม: กำหนดภาระทางการเงินแก่ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตัวอย่างคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง ในหลายคำพิพากษาของศาลฎีกา ได้วินิจฉัยว่า การแสดงตนโดยเปิดเผย เช่น การอยู่ร่วมบ้านกันในที่ชุมชน การมีบุตรที่ใช้นามสกุลของสามี หรือการใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะสามีภริยา ถือเป็นพฤติการณ์ที่เพียงพอให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรากฏตัวในงานสังคมหรือที่สาธารณะ ตัวอย่าง: คำพิพากษาศาลฎีกาที่ระบุว่าภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้ แม้ว่าหญิงนั้นจะอ้างว่าไม่ทราบว่าชายดังกล่าวมีภริยาแล้วก็ตาม เพราะการกระทำดังกล่าวยังถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยในสายตาของบุคคลทั่วไป การคำนวณค่าทดแทน ศาลจะพิจารณาจำนวนค่าทดแทนโดยคำนึงถึง: 1.ความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับ เช่น ศักดิ์ศรีที่ถูกทำลาย ความทุกข์ทางจิตใจ 2.พฤติการณ์และสถานะของคู่กรณี เช่น ฐานะทางสังคม อาชีพ การศึกษา 3.ระยะเวลาความสัมพันธ์และพฤติกรรมของหญิงอื่น ขั้นตอนการเรียกร้องค่าทดแทน 1.ยื่นฟ้องต่อศาล: ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถยื่นฟ้องหญิงอื่นต่อศาลแพ่ง 2.หลักฐานที่ต้องแสดง: oหลักฐานการจดทะเบียนสมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย oพยานหรือหลักฐานที่แสดงว่าหญิงอื่นมีความสัมพันธ์กับสามีในลักษณะฉันชู้สาว เช่น ภาพถ่าย หรือคำให้การของพยาน ข้อควรระวังในการใช้สิทธิฟ้องร้อง •การฟ้องร้องต้องมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน •หากไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผย การเรียกร้องอาจไม่ได้รับการพิจารณา สรุป การเรียกร้องค่าทดแทนชู้สาวเป็นสิทธิที่กฎหมายไทยรับรองไว้เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย การใช้สิทธิดังกล่าวต้องมีหลักฐานที่เพียงพอและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ศาลพิจารณาและชดเชยความเสียหายอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวไม่เพียงส่งเสริมความยุติธรรมในระดับบุคคล แต่ยังสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ในครอบครัวในสังคมไทยโดยรวม. สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ในระบบกฎหมายไทย ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้ที่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิตามกฎหมายที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของภริยา รวมถึงรักษาความยุติธรรมในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส สิทธิเหล่านี้ได้รับการบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อสร้างความสมดุลและความมั่นคงในชีวิตสมรสของประชาชนไทย 1. สิทธิในการใช้นามสกุล ภายหลังการสมรส ภริยามีสิทธิเลือกที่จะใช้นามสกุลของสามี หรือคงใช้นามสกุลเดิมของตนเอง โดยสิทธินี้ได้รับการรับรองใน พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ซึ่งสอดคล้องกับหลักการความเท่าเทียมกันในชีวิตสมรส 2. สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วม ทรัพย์สินสมรส หรือสินสมรสที่เกิดขึ้นระหว่างการสมรสจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของคู่สมรสตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวก่อนการสมรสยังคงเป็นของแต่ละฝ่ายโดยสมบูรณ์ 3. สิทธิในการบริหารสินสมรส ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 คู่สมรสมีสิทธิร่วมกันในการบริหารจัดการสินสมรส เช่น การขายที่ดิน การทำสัญญาเงินกู้ หรือการจัดการทรัพย์สินสำคัญ อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย 4. สิทธิในการเรียกค่าทดแทนในกรณีชู้สาว ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง สิทธินี้ช่วยปกป้องสถานภาพสมรสและศักดิ์ศรีของภริยาที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของบุคคลที่สาม 5. สิทธิในการรับการอุปการะเลี้ยงดู ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 สามีมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูภริยาตามความสามารถของตนและสถานะทางครอบครัว หากสามีไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นี้ ภริยาสามารถยื่นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนได้ 6. สิทธิในกรณีการหย่า ในกรณีที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิ: •ได้รับส่วนแบ่งในสินสมรส: ตาม มาตรา 1533 คู่สมรสต้องแบ่งสินสมรสคนละครึ่ง •เรียกค่าเลี้ยงชีพ: หากภริยาไม่สามารถเลี้ยงชีพตนเองได้ อาจเรียกค่าเลี้ยงชีพจากสามีภายหลังการหย่าตาม มาตรา 1526 •ดูแลบุตร: หากมีบุตรร่วมกัน ศาลจะพิจารณาให้สิทธิเลี้ยงดูบุตรโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบุตร 7. สิทธิในฐานะผู้รับมรดก ในกรณีที่สามีเสียชีวิต ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมตาม มาตรา 1629 โดยได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินของสามีควบคู่กับทายาทอื่น เช่น บุตร หรือพ่อแม่ของผู้ตาย 8. สิทธิในการคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัว ภริยามีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรงหรือการล่วงละเมิดทางร่างกายและจิตใจตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 โดยสามารถร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือหรือยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองได้ บทสรุป สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในระบบกฎหมายไทยถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องและคุ้มครองศักดิ์ศรีของผู้หญิงในชีวิตสมรส รวมถึงรักษาความมั่นคงในครอบครัวและความยุติธรรมในความสัมพันธ์ สิทธิเหล่านี้สะท้อนถึงความเท่าเทียมกันและความสำคัญของบทบาทภริยาในสังคมไทย การทราบสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายจะช่วยให้คู่สมรสสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนและรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างยั่งยืน. แสดงตนโดยเปิดเผย ความหมายทางกฎหมาย ในบริบทของกฎหมายไทย การแสดงตนโดยเปิดเผยมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและสิทธิของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย ประโยค "แสดงตนโดยเปิดเผย" ปรากฏเด่นชัดใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในการเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว บทความนี้จะอธิบายความหมายและขอบเขตของคำว่า "แสดงตนโดยเปิดเผย" รวมถึงกรณีศึกษาและผลทางกฎหมาย ความหมายของ "แสดงตนโดยเปิดเผย" "แสดงตนโดยเปิดเผย" หมายถึง การกระทำที่บุคคลภายนอกหรือสาธารณชนสามารถรับรู้ได้ว่า มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวหรือสถานะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างบุคคลสองฝ่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีการประกาศหรือเปิดเผยในที่สาธารณะอย่างกว้างขวาง แต่เพียงพฤติการณ์ที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจความสัมพันธ์นั้นถือว่าเพียงพอ ตัวอย่างการกระทำที่อาจถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย: 1.การอยู่ร่วมกันในบ้านเดียวกันในลักษณะสามีภริยา 2.การปรากฏตัวร่วมกันในชุมชนในลักษณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคู่สมรส 3.การมีบุตรร่วมกันและใช้นามสกุลของสามีฝ่ายภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย เกณฑ์การพิจารณาในทางกฎหมาย 1.พฤติการณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ oศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ทำให้บุคคลทั่วไปในชุมชนรับรู้ เช่น การใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะครอบครัว 2.ความสัมพันธ์ในลักษณะสามีภริยา oแม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส การกระทำที่สื่อถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เช่น การอยู่ร่วมบ้าน หรือการเลี้ยงดูบุตรร่วมกัน ก็ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย 3.การรับรู้ของบุคคลทั่วไป oการแสดงตนต้องมีลักษณะเปิดเผยจนบุคคลอื่นสามารถรับรู้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีการประกาศในวงกว้างหรือผ่านสื่อสาธารณะ ผลทางกฎหมายของการแสดงตนโดยเปิดเผย การแสดงตนโดยเปิดเผยส่งผลสำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในขอบเขตของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ดังนี้: 1.สิทธิของภริยาชอบด้วยกฎหมาย oหากหญิงอื่นแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี ภริยาชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้ โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้น 2.การพิจารณาค่าทดแทน oศาลจะพิจารณาความเสียหายและสถานะของคู่สมรส เช่น ศักดิ์ศรีในสังคม การศึกษา และอาชีพของโจทก์ 3.บทลงโทษทางสังคม oการแสดงตนโดยเปิดเผยอาจส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีของผู้ที่กระทำการดังกล่าว เนื่องจากสังคมมองว่าเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตัวอย่างคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง 1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2567 oศาลตัดสินว่าการอยู่ร่วมบ้านในย่านชุมชนโดยเปิดเผย และการที่บุตรใช้นามสกุลของสามี ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยในลักษณะฉันชู้สาว แม้ไม่มีการปรากฏตัวในงานสังคมก็ตาม 2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2567 oการอยู่ร่วมกันในที่พักอาศัย และมีพฤติกรรมในลักษณะครอบครัว ถูกพิจารณาว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย แม้จะไม่ปรากฏต่อสาธารณะในวงกว้าง ข้อควรระวังในการแสดงตนโดยเปิดเผย 1.ผลกระทบต่อกฎหมาย oผู้ที่กระทำการดังกล่าวต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย 2.ผลกระทบทางสังคม oการแสดงตนในลักษณะดังกล่าวอาจสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์ในชุมชนหรือวงสังคม บทสรุป "แสดงตนโดยเปิดเผย" เป็นพฤติการณ์ที่สำคัญในทางกฎหมาย ซึ่งถูกใช้พิจารณาในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและสิทธิของคู่สมรส คำนี้มีขอบเขตกว้างแต่พิจารณาโดยใช้เหตุผลและหลักฐานจากพฤติการณ์ในชีวิตจริง การกระทำที่เข้าข่ายการแสดงตนโดยเปิดเผยอาจนำไปสู่การฟ้องร้องและรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาความเคารพและศักดิ์ศรีของคู่สมรสในสังคมไทย แสดงตนโดยเปิดเผยทำนองชู้สาว หมายเหตุ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 บรรพเดิม บัญญัติว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันโดยภริยามีชู้สามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากภริยาและชู้ ดังนี้ จะเห็นได้ว่าเดิมกฎหมายให้สิทธิสามีซึ่งศาลพิพากษาให้หย่าโดยภริยามีชู้เท่านั้นเรียกค่าทดแทนจากภริยาหรือชู้ส่วนภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากสามีหรือหญิงอื่นที่สามีไปยกย่องไม่ได้ ภายหลังมีการใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพใหม่ซึ่งบัญญัติให้ภริยามีสิทธิเท่าเทียมสามี ทั้งเป็นการสอดคล้องกับมาตรา 1516(1) อันเป็นเหตุหย่าโดยสามียกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หรือภริยามีชู้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่หมายเหตุฉบับนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิของโจทก์ใน ฐานะภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง และวรรคสาม ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์จำเลยว่าการที่ จำเลยพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับสามีโจทก์ในท้องที่ย่านชุมชน มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา กันจนมีบุตรด้วยกันโดยให้บุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวแล้ว ผู้บันทึก จึงเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกา เนื่องจากการเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น ที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่ามีสัมพันธ์กับสามีในทางชู้สาวต้องอาศัยพฤติการณ์ การกระทำของหญิงอื่นมาเป็นหลักวินิจฉัยทั้งการแสดงออกโดยเปิดเผยน่าจะต้อง มองในภาพกว้าง ๆ ว่าพฤติการณ์ของหญิงอื่นนั้นทำให้บุคคลอื่นทั่วไปรู้ได้ว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโดยไม่น่าจะจำกัดสิทธิแต่เพียงการออกสังคมด้วยกันจนกระทั่งถึงการแนะนำตัวให้คนในสังคมรับรู้ว่ามีสัมพันธ์กับสามี ดังนี้ การที่ศาลฎีกา ใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยน่าจะเป็นการใช้ดุลพินิจอย่างกว้าง ทั้งยัง เป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพราะหากมีบุคคลอื่นมีความสัมพันธ์ระหว่าง สามีภริยาย่อมทำให้สถาบันครอบครัวกระทบกระเทือนและเกิดปัญหาสังคมตามมา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1) เดิมนั้น ภริยาจะฟ้องหย่าในกรณีที่สามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นได้นั้นจะต้องถึงขั้นอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา แต่ขณะนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้มีการแก้ไข เหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516(1) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน คือ “สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือ มีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้” และแก้ไขมาตรา 1523 ฟ้องเรียกค่าทดแทนโดยไม่ต้องฟ้องหย่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ... โจทก์สืบทราบว่าจำเลยกับนาย__มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน โดยนัดหมายไปด้วย ...การแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว (ต่อหน้าพนักงานโรงแรม) โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทน ... สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนมีความสัมพันธ์โดยเปิดเผยเท่านั้น แต่การกระทำที่จำเลยกับสามีโจทก์ อยู่ด้วยกันตามลำพังในโรงแรมชานเมือง มีลักษณะเป็นการลักลอบและพยายามปกปิดการกระทำ ให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยและสามีโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลย การดักฟังโทรศัพท์ของสามี มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ การที่ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนองชู้สาวได้ ก็เฉพาะแต่หญิงนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนอง ชู้สาว สำหรับบทสนทนาที่โจทก์อ้างว่าได้จากการดักฟังโทรศัพท์ของนาย ว. มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ อันเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ พิพากษายกฟ้อง กฎหมายให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน
เรียกค่าทดแทนจากชู้ claim compensation from adulterer การดักฟังโทรศัพท์ของสามี มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ |