ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การฟ้องและเรียกค่าทดแทนคดีครอบครัว

 

 

 เพิ่มเพื่อนแชทกับทนายลีนนท์

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 การฟ้องเรียกค่าทดแทนคดีครอบครัว แสดงตนโดยเปิดเผยทำนองชู้สาว

"ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง: ภริยาชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายหรือเงื่อนไขอื่นใด"

ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง กำหนดให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยไม่กำหนดเงื่อนไขว่าภริยาต้องเสียหาย อยู่กินหรืออุปการะสามี หรือไม่มีคดีฟ้องหย่าอยู่ โจทก์จึงสามารถเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้.

 กฎหมายให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน หรือต้องไม่มีคดีฟ้องหย่ากันอยู่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ค่าทดแทนพิจารณาจากความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับเช่นสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย อาชีพรับราชการ มีเกียรติในวงสังคม สมรสกับสามีนาน 10 ปี มีบุตรด้วยกันเป็นต้น

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 

ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน หรือต้องไม่มีคดีฟ้องหย่ากันอยู่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุม โดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2530 มีบุตรด้วยกัน 1 คน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2538 จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม โจทก์ต้องจ่ายเงิน 40,000 บาท ให้แก่จำเลยเพื่อไม่ให้จำเลยร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจเอกประชุม และไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสิบตำรวจเอกประชุมต่อไป แต่เมื่อเดือนตุลาคม 2538 จำเลยกลับแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุมอีก ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าทดแทน 200,000 บาท และอีกเดือนละ2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเลิกความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม

จำเลยให้การว่า เมื่อปลายปี 2538 จำเลยได้เสียเป็นสามีภริยากับสิบตำรวจเอกประชุม โดยถูกสิบตำรวจเอกประชุมหลอกลวงว่ายังไม่มีภริยา และต่อมาโจทก์ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมยกย่องจำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง จำเลยไม่เคยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสิบตำรวจเอกประชุม โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมาสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง

 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

 จำเลยอุทธรณ์

  ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

 จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์และสิบตำรวจเอกประชุม  เป็นสามีภริยาโดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2530 ตามใบสำคัญการสมรสเอกสารหมาย จ.1 มีบุตรด้วยกัน 1 คนปลายปี 2538 จำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันที่ถนนพระยาตรังอำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี โดยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และมีบุตรด้วยกันคือเด็กชาย... คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่าจำเลยกับสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครทราบและไม่เคยออกงานสังคมกับสิบตำรวจเอกประชุมจำเลยจึงมิได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวนั้น เห็นว่า การที่จำเลยกับสิบตำรวจเอกประชุมพักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันในท้องที่ย่านชุมนุมชนโดยเปิดเผย และมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาจนมีบุตรด้วยกัน โดยบุตรก็ใช้นามสกุลของสิบตำรวจเอกประชุมด้วยนั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกงานสังคมร่วมกับสิบตำรวจเอกประชุมด้วยแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปคือ โจทก์ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์และพันตำรวจตรีพาชื่น  มาเบิกความเป็นพยานว่าโจทก์มิได้ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยโจทก์เคยไปหาจำเลยขอร้องให้ยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับสิบตำรวจเอกประชุมแต่จำเลยไม่ยอมยุติความสัมพันธ์ดังกล่าว โจทก์ยังเคยไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจเอกประชุมเกี่ยวกับเรื่องที่สิบตำรวจเอกประชุมมาได้จำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง จนสิบตำรวจเอกประชุมถูกเรียกมาว่ากล่าวตักเตือนและรับว่าจะปฏิบัติตามคำตักเตือน ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมมาเบิกความเป็นพยานว่าหลังจากโจทก์ทราบว่าจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากันแล้ว โจทก์ยินยอมให้จำเลยเป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุมอีกคนหนึ่ง โดยตกลงกันว่าให้อยู่กันคนละบ้านและอยู่กันคนละวันสลับกัน เห็นว่า ตามปกติภริยาย่อมต้องรักใคร่หวงแหนมิให้สามีไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นเว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอย่างยิ่ง โจทก์มีความรักและหวงแหนสิบตำรวจเอกประชุมผู้เป็นสามีถึงกับต้องย้ายจากจังหวัดนครศรีธรรมราชติดตามมาอยู่กับสิบตำรวจเอกประชุมที่จังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้ยังไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาสิบตำรวจเอกประชุมให้ว่ากล่าวตักเตือนสิบตำรวจเอกประชุมให้ยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยด้วย ไม่ปรากฏว่ามีเหตุผลหรือพฤติการณ์พิเศษอย่างใด ที่โจทก์มีความจำเป็นต้องยินยอมให้จำเลยมาเป็นภริยาของสิบตำรวจเอกประชุทอีกคนหนึ่ง จำเลยเองก็เบิกความตอบคำถามค้านทนายโจทก์ยอมรับว่า เมื่อต้นปี2539 สิบตำรวจเอกประชุมถูกย้ายไปอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอโป่งน้ำร้อนเพื่อไปอยู่กับโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้วิ่งเต้นให้ย้ายไป แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้สิบตำรวจเอกประชุมยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลย จึงน่าเชื่อว่าโจทก์มิได้ยินยอมให้สิบตำรวจเอกประชุมมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยแต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสิบตำรวจเอกประชุมในทำนองชู้สาวโดยโจทก์มิได้ยินยอมเช่นนี้ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

  ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายคือ ค่าทดแทนที่จำเลยต้องชดใช้ให้แก่โจทก์สูงเกินไปหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่า สิบตำรวจเอกประชุมมิได้แจ้งให้จำเลยทราบว่ามีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้ว จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรที่เกิดจากสิบตำรวจเอกประชุม 1 คน ทั้งมีรายได้เพียงจากการขายสลากกินแบ่งเท่านั้น ค่าทดแทนที่กำหนดให้จำเลยต้องชดใช้จำนวน 100,000 บาท จึงสูงเกินไป ขอให้ลดลงเหลือเพียง20,000 บาท นั้น เห็นว่า ค่าทดแทนที่ภริยาเรียกจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวนั้น พิจารณาจากความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับ พฤติการณ์แห่งคดีและสถานะของคู่สมรสเป็นหลัก โจทก์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบอาชีพรับราชการนับว่าเป็นผู้มีเกียรติฐานะในวงสังคม โจทก์กับสิบตำรวจเอกประชุมสมรสกันมานานถึง 10 ปี มีบุตรด้วยกัน 1 คนสถานะของครอบครัวมีความมั่นคงสมบูรณ์ ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท นับว่าเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน"

 พิพากษายืน

•  ค่าทดแทนชู้สาว ตามกฎหมายไทย

•  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง

•  สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย

•  การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น

•  คดีชู้สาวในศาลฎีกา

•  แสดงตนโดยเปิดเผย ความหมายทางกฎหมาย

•  กฎหมายปกป้องสถานภาพสมรส

•  ตัวอย่างคำพิพากษาเรื่องชู้สาว

คำพิพากษาศาลฎีกา (สรุปย่อ)

โจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสิบตำรวจเอกประชุม ฟ้องว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แม้โจทก์ได้จ่ายเงินให้จำเลยเพื่อให้ยุติความสัมพันธ์และไม่ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา แต่จำเลยยังคงแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีของโจทก์ โจทก์จึงเรียกค่าทดแทน 200,000 บาท และค่าชดเชยรายเดือน

คำให้การของจำเลย

จำเลยอ้างว่าถูกหลอกว่าโจทก์ไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสิบตำรวจเอกประชุม และภายหลังโจทก์ยินยอมให้จำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง โดยค่าทดแทนที่เรียกร้องสูงเกินควร

คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1

ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชำระค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

ประเด็นฎีกาและคำวินิจฉัยของศาลฎีกา

1.การแสดงตนโดยเปิดเผย

ศาลเห็นว่าจำเลยและสิบตำรวจเอกประชุมอยู่ร่วมกันในบ้านเดียวกันในชุมชน และมีบุตรร่วมกัน บุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ จึงถือว่าจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

2.การยินยอมของโจทก์

ศาลเชื่อว่าโจทก์ไม่ยินยอมให้สามีมีความสัมพันธ์กับจำเลย เนื่องจากโจทก์ได้พยายามติดตามและร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อให้สิบตำรวจเอกประชุมยุติความสัมพันธ์ดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงถือว่าฝ่าฝืนสิทธิของโจทก์ตามมาตรา 1523 วรรคสอง

3.ค่าทดแทนสูงเกินควรหรือไม่

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำนวน 100,000 บาทที่กำหนดนั้นเหมาะสม โดยพิจารณาจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับและสถานะทางสังคมของโจทก์ ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกา

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยชำระค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย.

หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง

มาตรา 1523 วรรคสอง ของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดว่า หากหญิงใดกระทำการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายที่มีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ภริยามีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงนั้นได้ โดยสิทธินี้เป็นการปกป้องสถานภาพสมรสและสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในสังคม

องค์ประกอบสำคัญของมาตรา 1523 วรรคสอง

การแสดงตนโดยเปิดเผย

การกระทำที่แสดงให้บุคคลทั่วไปเห็นว่า หญิงคนหนึ่งมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายที่มีภริยาอยู่ก่อนแล้ว เช่น การอยู่ร่วมบ้านในที่สาธารณะ การใช้ชีวิตฉันสามีภริยา หรือการแสดงความใกล้ชิดในลักษณะที่คนทั่วไปเห็นได้ชัด

ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงในงานสังคมหรือในที่สาธารณะขนาดใหญ่ การใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะเปิดเผยในชุมชนที่ผู้อื่นรับรู้ก็เพียงพอ

ชายต้องมีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย

ภริยาต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายกับชายที่มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น

ความเสียหายของภริยา

การกระทำของหญิงนั้นทำให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายเสียสิทธิในความเป็นภริยา เช่น สูญเสียศักดิ์ศรีในสังคม หรือเกิดความทุกข์ทางจิตใจ

สิทธิเรียกค่าทดแทน

ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่กระทำการดังกล่าว ซึ่งค่าทดแทนนี้คำนวณจากความเสียหายที่เกิดขึ้นและสถานะทางสังคมของคู่สมรส

ตัวอย่างการนำกฎหมายไปใช้ในกรณีนี้

ในบทความที่กล่าวถึงข้างต้น ศาลฎีกาพิจารณาว่า

การที่จำเลยอยู่ร่วมกับสิบตำรวจเอกประชุมในบ้านเดียวกัน โดยมีบุตรร่วมกัน และบุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย

โจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไม่ได้ยินยอมให้มีความสัมพันธ์ดังกล่าว และได้รับความเสียหายจากพฤติกรรมของจำเลย

ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยตามมาตรา 1523 วรรคสอง

วัตถุประสงค์ของกฎหมาย

กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องสถาบันครอบครัวและคุ้มครองสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ให้ถูกล่วงละเมิดจากบุคคลที่สาม อีกทั้งยังสะท้อนถึงคุณค่าทางศีลธรรมและความยุติธรรมในสังคม โดยกำหนดให้ผู้กระทำการที่ส่งผลเสียต่อครอบครัวต้องรับผิดชอบ.

หมายเหตุ: การเรียกค่าทดแทนต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีการกระทำตามองค์ประกอบของมาตรา 1523 วรรคสองอย่างครบถ้วน และต้องแสดงหลักฐานที่เพียงพอต่อศาล.

ค่าทดแทนชู้สาว ตามกฎหมายไทย

ในระบบกฎหมายไทย การคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รับการรับรองไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 โดยเฉพาะในวรรคสองที่ให้สิทธิภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีได้ ซึ่งบทบัญญัตินี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความยุติธรรมและปกป้องสถาบันครอบครัวให้มั่นคง

ความหมายของ "ค่าทดแทนชู้สาว"

ค่าทดแทนชู้สาว หมายถึง เงินชดเชยที่ภริยาชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องจากหญิงอื่นที่มีพฤติกรรมแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โดยค่าทดแทนดังกล่าวเป็นการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภริยาทั้งทางกาย จิตใจ และศักดิ์ศรีในสังคม

หลักกฎหมายตามมาตรา 1523 วรรคสอง

มาตรา 1523 วรรคสอง ระบุว่า ภริยาชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้ หากหญิงดังกล่าว:

1.แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของภริยา

2.การแสดงตนนั้นต้องชัดเจนจนบุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ได้ เช่น การอยู่ร่วมกันในลักษณะสามีภริยา หรือมีบุตรร่วมกัน

เงื่อนไขสำคัญ

•ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าภริยาได้รับความเสียหายทางกายหรือจิตใจ

•ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าภริยาอยู่กินหรืออุปการะเลี้ยงดูสามี

•ภริยาสามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ แม้จะมีคดีฟ้องหย่าอยู่ระหว่างพิจารณา

เหตุผลในการกำหนดกฎหมายนี้

บทบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ:

1.ปกป้องสถาบันครอบครัว: ลดพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การทำลายครอบครัวที่มีอยู่เดิม

2.คุ้มครองสิทธิภริยา: ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของหญิงอื่นที่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์

3.สร้างบทลงโทษทางสังคม: กำหนดภาระทางการเงินแก่ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ตัวอย่างคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง

ในหลายคำพิพากษาของศาลฎีกา ได้วินิจฉัยว่า การแสดงตนโดยเปิดเผย เช่น การอยู่ร่วมบ้านกันในที่ชุมชน การมีบุตรที่ใช้นามสกุลของสามี หรือการใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะสามีภริยา ถือเป็นพฤติการณ์ที่เพียงพอให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรากฏตัวในงานสังคมหรือที่สาธารณะ

ตัวอย่าง: คำพิพากษาศาลฎีกาที่ระบุว่าภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้ แม้ว่าหญิงนั้นจะอ้างว่าไม่ทราบว่าชายดังกล่าวมีภริยาแล้วก็ตาม เพราะการกระทำดังกล่าวยังถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยในสายตาของบุคคลทั่วไป

การคำนวณค่าทดแทน

ศาลจะพิจารณาจำนวนค่าทดแทนโดยคำนึงถึง:

1.ความเสียหายที่ภริยาพึงได้รับ เช่น ศักดิ์ศรีที่ถูกทำลาย ความทุกข์ทางจิตใจ

2.พฤติการณ์และสถานะของคู่กรณี เช่น ฐานะทางสังคม อาชีพ การศึกษา

3.ระยะเวลาความสัมพันธ์และพฤติกรรมของหญิงอื่น

ขั้นตอนการเรียกร้องค่าทดแทน

1.ยื่นฟ้องต่อศาล: ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถยื่นฟ้องหญิงอื่นต่อศาลแพ่ง

2.หลักฐานที่ต้องแสดง:

oหลักฐานการจดทะเบียนสมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย

oพยานหรือหลักฐานที่แสดงว่าหญิงอื่นมีความสัมพันธ์กับสามีในลักษณะฉันชู้สาว เช่น ภาพถ่าย หรือคำให้การของพยาน

ข้อควรระวังในการใช้สิทธิฟ้องร้อง

•การฟ้องร้องต้องมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน

•หากไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผย การเรียกร้องอาจไม่ได้รับการพิจารณา

สรุป

การเรียกร้องค่าทดแทนชู้สาวเป็นสิทธิที่กฎหมายไทยรับรองไว้เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย การใช้สิทธิดังกล่าวต้องมีหลักฐานที่เพียงพอและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ศาลพิจารณาและชดเชยความเสียหายอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวไม่เพียงส่งเสริมความยุติธรรมในระดับบุคคล แต่ยังสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ในครอบครัวในสังคมไทยโดยรวม.

สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย

ในระบบกฎหมายไทย ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้ที่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิตามกฎหมายที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของภริยา รวมถึงรักษาความยุติธรรมในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส สิทธิเหล่านี้ได้รับการบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อสร้างความสมดุลและความมั่นคงในชีวิตสมรสของประชาชนไทย

1. สิทธิในการใช้นามสกุล

ภายหลังการสมรส ภริยามีสิทธิเลือกที่จะใช้นามสกุลของสามี หรือคงใช้นามสกุลเดิมของตนเอง โดยสิทธินี้ได้รับการรับรองใน พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ซึ่งสอดคล้องกับหลักการความเท่าเทียมกันในชีวิตสมรส

2. สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วม

ทรัพย์สินสมรส หรือสินสมรสที่เกิดขึ้นระหว่างการสมรสจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของคู่สมรสตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวก่อนการสมรสยังคงเป็นของแต่ละฝ่ายโดยสมบูรณ์

3. สิทธิในการบริหารสินสมรส

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 คู่สมรสมีสิทธิร่วมกันในการบริหารจัดการสินสมรส เช่น การขายที่ดิน การทำสัญญาเงินกู้ หรือการจัดการทรัพย์สินสำคัญ อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย

4. สิทธิในการเรียกค่าทดแทนในกรณีชู้สาว

ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง สิทธินี้ช่วยปกป้องสถานภาพสมรสและศักดิ์ศรีของภริยาที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของบุคคลที่สาม

5. สิทธิในการรับการอุปการะเลี้ยงดู

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 สามีมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูภริยาตามความสามารถของตนและสถานะทางครอบครัว หากสามีไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นี้ ภริยาสามารถยื่นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนได้

6. สิทธิในกรณีการหย่า

ในกรณีที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิ:

•ได้รับส่วนแบ่งในสินสมรส: ตาม มาตรา 1533 คู่สมรสต้องแบ่งสินสมรสคนละครึ่ง

•เรียกค่าเลี้ยงชีพ: หากภริยาไม่สามารถเลี้ยงชีพตนเองได้ อาจเรียกค่าเลี้ยงชีพจากสามีภายหลังการหย่าตาม มาตรา 1526

•ดูแลบุตร: หากมีบุตรร่วมกัน ศาลจะพิจารณาให้สิทธิเลี้ยงดูบุตรโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบุตร

7. สิทธิในฐานะผู้รับมรดก

ในกรณีที่สามีเสียชีวิต ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมตาม มาตรา 1629 โดยได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินของสามีควบคู่กับทายาทอื่น เช่น บุตร หรือพ่อแม่ของผู้ตาย

8. สิทธิในการคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัว

ภริยามีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรงหรือการล่วงละเมิดทางร่างกายและจิตใจตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 โดยสามารถร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือหรือยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองได้

บทสรุป

สิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในระบบกฎหมายไทยถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องและคุ้มครองศักดิ์ศรีของผู้หญิงในชีวิตสมรส รวมถึงรักษาความมั่นคงในครอบครัวและความยุติธรรมในความสัมพันธ์ สิทธิเหล่านี้สะท้อนถึงความเท่าเทียมกันและความสำคัญของบทบาทภริยาในสังคมไทย การทราบสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายจะช่วยให้คู่สมรสสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนและรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างยั่งยืน.

แสดงตนโดยเปิดเผย ความหมายทางกฎหมาย

ในบริบทของกฎหมายไทย การแสดงตนโดยเปิดเผยมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและสิทธิของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย ประโยค "แสดงตนโดยเปิดเผย" ปรากฏเด่นชัดใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายในการเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว บทความนี้จะอธิบายความหมายและขอบเขตของคำว่า "แสดงตนโดยเปิดเผย" รวมถึงกรณีศึกษาและผลทางกฎหมาย

ความหมายของ "แสดงตนโดยเปิดเผย"

"แสดงตนโดยเปิดเผย" หมายถึง การกระทำที่บุคคลภายนอกหรือสาธารณชนสามารถรับรู้ได้ว่า มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวหรือสถานะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างบุคคลสองฝ่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีการประกาศหรือเปิดเผยในที่สาธารณะอย่างกว้างขวาง แต่เพียงพฤติการณ์ที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจความสัมพันธ์นั้นถือว่าเพียงพอ

ตัวอย่างการกระทำที่อาจถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย:

1.การอยู่ร่วมกันในบ้านเดียวกันในลักษณะสามีภริยา

2.การปรากฏตัวร่วมกันในชุมชนในลักษณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคู่สมรส

3.การมีบุตรร่วมกันและใช้นามสกุลของสามีฝ่ายภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย

เกณฑ์การพิจารณาในทางกฎหมาย

1.พฤติการณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ

oศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ทำให้บุคคลทั่วไปในชุมชนรับรู้ เช่น การใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะครอบครัว

2.ความสัมพันธ์ในลักษณะสามีภริยา

oแม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส การกระทำที่สื่อถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เช่น การอยู่ร่วมบ้าน หรือการเลี้ยงดูบุตรร่วมกัน ก็ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย

3.การรับรู้ของบุคคลทั่วไป

oการแสดงตนต้องมีลักษณะเปิดเผยจนบุคคลอื่นสามารถรับรู้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีการประกาศในวงกว้างหรือผ่านสื่อสาธารณะ

ผลทางกฎหมายของการแสดงตนโดยเปิดเผย

การแสดงตนโดยเปิดเผยส่งผลสำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในขอบเขตของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ดังนี้:

1.สิทธิของภริยาชอบด้วยกฎหมาย

oหากหญิงอื่นแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี ภริยาชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้ โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้น

2.การพิจารณาค่าทดแทน

oศาลจะพิจารณาความเสียหายและสถานะของคู่สมรส เช่น ศักดิ์ศรีในสังคม การศึกษา และอาชีพของโจทก์

3.บทลงโทษทางสังคม

oการแสดงตนโดยเปิดเผยอาจส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีของผู้ที่กระทำการดังกล่าว เนื่องจากสังคมมองว่าเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ตัวอย่างคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2567

oศาลตัดสินว่าการอยู่ร่วมบ้านในย่านชุมชนโดยเปิดเผย และการที่บุตรใช้นามสกุลของสามี ถือเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยในลักษณะฉันชู้สาว แม้ไม่มีการปรากฏตัวในงานสังคมก็ตาม

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2567

oการอยู่ร่วมกันในที่พักอาศัย และมีพฤติกรรมในลักษณะครอบครัว ถูกพิจารณาว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย แม้จะไม่ปรากฏต่อสาธารณะในวงกว้าง

ข้อควรระวังในการแสดงตนโดยเปิดเผย

1.ผลกระทบต่อกฎหมาย

oผู้ที่กระทำการดังกล่าวต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย

2.ผลกระทบทางสังคม

oการแสดงตนในลักษณะดังกล่าวอาจสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์ในชุมชนหรือวงสังคม

บทสรุป

"แสดงตนโดยเปิดเผย" เป็นพฤติการณ์ที่สำคัญในทางกฎหมาย ซึ่งถูกใช้พิจารณาในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและสิทธิของคู่สมรส คำนี้มีขอบเขตกว้างแต่พิจารณาโดยใช้เหตุผลและหลักฐานจากพฤติการณ์ในชีวิตจริง การกระทำที่เข้าข่ายการแสดงตนโดยเปิดเผยอาจนำไปสู่การฟ้องร้องและรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาความเคารพและศักดิ์ศรีของคู่สมรสในสังคมไทย

แสดงตนโดยเปิดเผยทำนองชู้สาว

หมายเหตุ

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 บรรพเดิม บัญญัติว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันโดยภริยามีชู้สามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากภริยาและชู้ ดังนี้ จะเห็นได้ว่าเดิมกฎหมายให้สิทธิสามีซึ่งศาลพิพากษาให้หย่าโดยภริยามีชู้เท่านั้นเรียกค่าทดแทนจากภริยาหรือชู้ส่วนภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากสามีหรือหญิงอื่นที่สามีไปยกย่องไม่ได้ ภายหลังมีการใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพใหม่ซึ่งบัญญัติให้ภริยามีสิทธิเท่าเทียมสามี ทั้งเป็นการสอดคล้องกับมาตรา 1516(1) อันเป็นเหตุหย่าโดยสามียกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หรือภริยามีชู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่หมายเหตุฉบับนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิของโจทก์ใน ฐานะภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง และวรรคสาม ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์จำเลยว่าการที่ จำเลยพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับสามีโจทก์ในท้องที่ย่านชุมชน มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา กันจนมีบุตรด้วยกันโดยให้บุตรใช้นามสกุลของสามีโจทก์ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวแล้ว ผู้บันทึก จึงเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกา เนื่องจากการเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น ที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่ามีสัมพันธ์กับสามีในทางชู้สาวต้องอาศัยพฤติการณ์ การกระทำของหญิงอื่นมาเป็นหลักวินิจฉัยทั้งการแสดงออกโดยเปิดเผยน่าจะต้อง มองในภาพกว้าง ๆ ว่าพฤติการณ์ของหญิงอื่นนั้นทำให้บุคคลอื่นทั่วไปรู้ได้ว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโดยไม่น่าจะจำกัดสิทธิแต่เพียงการออกสังคมด้วยกันจนกระทั่งถึงการแนะนำตัวให้คนในสังคมรับรู้ว่ามีสัมพันธ์กับสามี ดังนี้ การที่ศาลฎีกา ใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยน่าจะเป็นการใช้ดุลพินิจอย่างกว้าง ทั้งยัง เป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพราะหากมีบุคคลอื่นมีความสัมพันธ์ระหว่าง สามีภริยาย่อมทำให้สถาบันครอบครัวกระทบกระเทือนและเกิดปัญหาสังคมตามมา

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1)  เดิมนั้น  ภริยาจะฟ้องหย่าในกรณีที่สามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นได้นั้นจะต้องถึงขั้นอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา แต่ขณะนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้มีการแก้ไข เหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516(1) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน  คือ “สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือ  มีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้”   และแก้ไขมาตรา 1523

ฟ้องเรียกค่าทดแทนโดยไม่ต้องฟ้องหย่า

โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ... โจทก์สืบทราบว่าจำเลยกับนาย__มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน โดยนัดหมายไปด้วย ...การแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว (ต่อหน้าพนักงานโรงแรม) โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทน ...

สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนมีความสัมพันธ์โดยเปิดเผยเท่านั้น

 แต่การกระทำที่จำเลยกับสามีโจทก์ อยู่ด้วยกันตามลำพังในโรงแรมชานเมือง มีลักษณะเป็นการลักลอบและพยายามปกปิดการกระทำ ให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยและสามีโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลย 

การดักฟังโทรศัพท์ของสามี มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์

การที่ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนองชู้สาวได้ ก็เฉพาะแต่หญิงนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนอง ชู้สาว สำหรับบทสนทนาที่โจทก์อ้างว่าได้จากการดักฟังโทรศัพท์ของนาย ว. มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ อันเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

กฎหมายให้สิทธิแก่ภริยาชอบด้วยกฎหมายที่จะเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวโดยมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใดหรือจะต้องเป็นภริยาที่อยู่กินกับสามีและอุปการะเลี้ยงดูกัน

 

เรียกค่าทดแทนจากชู้ claim compensation from adulterer การดักฟังโทรศัพท์ของสามี มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์

 เรียกค่าทดแทนจากชู้ claim compensation from adulterer การดักฟังโทรศัพท์ของสามี มิใช่จำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

คดีฟ้องหย่าและการแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิการเรียกค่าเลี้ยงดูของโจทก์, การชำระค่าทดแทนในคดีแพ่ง, การบังคับคดีและสิทธิทายาทในมรดก
เรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น(เมียน้อย), ยกย่องผู้อื่นฉันภริยา
ข้อตกลงแบ่งค่าเช่าที่ดินในสัญญาหย่า
ฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต, คนไร้ความสามารถกับการหย่า, แบ่งทรัพย์สินหลังหย่าในกรณีคนวิกลจริต
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลัง
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
การหย่าโดยความยินยอม, บันทึกเป็นหนังสือประสงค์หย่าขาด
สามีภริยาจะต้องมีการร่วมประเวณีกันบ้างแต่ต้องเกิดจากความยินยอม
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์
ไม่เกิดสิทธิฟ้องหย่าเพราะโจทก์มีพฤติกรรมนอกใจจำเลยยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
แบ่งสินสมรส, สินสมรสที่เป็นเงินตรา, แบ่งสินสมรสหลังหย่า สิทธิและหน้าที่, สินส่วนตัวกับสินสมรส
อายุความฟ้องหย่า, บันทึกข้อตกลงหย่า, หลักกฎหมายมาตรา 1515,
สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี , หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร
การฟ้องหย่าด้วยเหตุหมิ่นประมาท, สิทธิการฟ้องหย่าหมดอายุความ
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
เหตุฟ้องหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
ไม่ถือว่าจำเลยประพฤติชั่วทำให้โจทก์อับอายถูกเกลียดชังจนเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
ฟ้องหย่าอ้างว่าจำเลยดูหมิ่นโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง
การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่า
โจทก์ได้ให้อภัยจำเลยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไป
ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การละเมิดเกิดขึ้นต่อเนื่องอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดีไม่ขาดอายุความ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
จงใจละทิ้งร้างไปเกินหนึ่งปี
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด
สามีโจทก์เข้าออกบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด
หนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงอื่น
ฟ้องหย่าอ้างแยกกันอยู่เกินสามปีต้องเพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข
เหตุฟ้องหย่าอ้างว่าใช้วาจาไม่สุภาพและทะเลาะโดยไม่มีเหตุผล
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพหลังการหย่า
สิทธิฟ้องหย่าของโจทก์หมดไปโจทก์ให้ความยินยอมและรู้เห็นเป็นใจ
คำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวเกี่ยวด้วยดอกผลของสินสมรส
แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดได้
จดทะเบียนสมรสโดยต่างไม่ได้ยินยอมเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริง
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
ฟ้องหย่าคดีอยู่ระหว่างฎีกาฟ้องคดีใหม่เป็นฟ้องซ้อน
สำนักงานการปฏิรูปฯ (ส.ป.ก.)ขอออกโฉนดโดยมิชอบ
พักโรงแรมห้องเดียวกับสามี ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงชู้โดยไม่ต้องฟ้องหย่า
โจทก์ไม่ทราบแน่ชัดเรื่องชู้สาวจึงไม่เป็นการยินยอมและให้อภัยของโจทก์
บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าว่าให้ที่ดินตกเป็นของบุตรเมื่อตายไม่ใช่พินัยกรรม
คดีฟ้องหย่าฟ้องชู้สาวไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังแผ่นบันทึกเสียงที่แอบบันทึกไว้
สมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้
การจดทะเบียนหย่าด้วยการแสดงเจตนาลวง
จดทะเบียนหย่าแล้วก็ฟ้องเรียกค่าทดแทนชู้สาวได้
ขับไล่โจทก์ออกจากบ้านเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง