ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




โมฆะสมรส & สิทธิอำนาจปกครองบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร (ฎีกา 10442/2558)

คำพิพากษาศาลฎีกา 10442/2558 โมฆะสมรส, คำพิพากษาฎีกาสิทธิอำนาจปกครองบุตร, วิเคราะห์กฎหมายครอบครัว ศาลฎีกา, โมฆะสมรส ป.พ.พ. มาตรา 1458 และ 1496, ฎีกาฟ้องหย่าและสิทธิเลี้ยงดูบุตร, บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายมาตรา 1536, บทวิเคราะห์คดีครอบครัว, สิทธิเลี้ยงดูและปกครองบุตรโดยศาลฎีกา, คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องสมรสไม่ชอบด้วยกฎหมาย, แนวปฏิบัติศาลฎีกาคดีครอบครัว

    ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการสมรสที่เป็นโมฆะเนื่องจากไม่มีเจตนาอยู่กินฉันสามีภริยา แม้โจทก์และจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเพื่อให้จำเลยตั้งครรภ์บุตรโดยการผสมเทียม แต่ศาลวินิจฉัยว่าการสมรสดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 และ 1496 อย่างไรก็ดี บุตรที่เกิดขึ้นระหว่างการสมรสยังถือว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1536 ศาลจึงกำหนดให้ทั้งคู่มีสิทธิอำนาจปกครองร่วม แต่ให้อำนาจปกครองในส่วนการกำหนดที่อยู่เป็นของจำเลยเพียงฝ่ายเดียว


ข้อเท็จจริงของคดี

โจทก์และจำเลยตกลงว่าจ้างกันเพื่อให้จำเลยตั้งครรภ์บุตร โดยใช้วิธีการผสมเทียม

ทั้งคู่ไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอบางละมุง แต่ไม่มีความประสงค์อยู่กินฉันสามีภริยา

ต่อมาจำเลยตั้งครรภ์และคลอดเด็กชาย ม. โดยโจทก์เป็นผู้ตั้งชื่อและโอนเงินค่าใช้จ่ายให้ในระหว่างตั้งครรภ์

ภายหลังจำเลยเลี้ยงดูบุตรเองโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโจทก์ และมีการฟ้องร้องเพื่อสิทธิการปกครอง


ประเด็นข้อกฎหมาย

1. การสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่

2. บุตรที่เกิดจากการสมรสดังกล่าวมีสถานะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

3. สิทธิอำนาจปกครองบุตรควรตกแก่ฝ่ายใด


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ประเด็นการสมรส: ศาลเห็นว่าการสมรสเป็นการปราศจากความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยา เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 และ 1496

สถานะบุตร: แม้การสมรสเป็นโมฆะ แต่บุตรคลอดก่อนศาลพิพากษา จึงถือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และจำเลย ตามมาตรา 1536

สิทธิอำนาจปกครองบุตร: ศาลให้ทั้งสองมีอำนาจปกครองร่วมกัน แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูมาตลอดและไม่มีพฤติการณ์เสียหาย ศาลจึงให้อำนาจปกครองในส่วนการกำหนดที่อยู่แก่จำเลยฝ่ายเดียว


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. โมฆะสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 และ 1496

กฎหมายกำหนดให้การสมรสต้องมีความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยา หากขาดเจตนานี้ แม้มีการจดทะเบียนก็ถือว่าเป็นโมฆะโดยศาลสามารถวินิจฉัยได้

2. สถานะบุตรตามมาตรา 1536

แม้การสมรสถูกพิพากษาเป็นโมฆะ แต่บุตรที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำพิพากษายังได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย

3. สิทธิอำนาจปกครองบุตร

การกำหนดสิทธิเลี้ยงดูและปกครอง ศาลพิจารณาตามสภาพความเป็นจริงและประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ไม่ได้ยึดเพียงสถานะทางกฎหมายของบิดามารดา


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น):

การสมรสที่เกิดจากการว่าจ้างเพื่อให้ตั้งครรภ์บุตรโดยผสมเทียม ถือเป็นการสมรสที่ชอบด้วยกฎหมายหรือโมฆะ และบุตรที่เกิดขึ้นมีสถานะทางกฎหมายอย่างไร

Rule (กฎหมาย):

ป.พ.พ. มาตรา 1458: การสมรสต้องมีความยินยอมอยู่กินฉันสามีภริยา

ป.พ.พ. มาตรา 1496: หากขาดเงื่อนไขดังกล่าว การสมรสเป็นโมฆะ ศาลมีอำนาจวินิจฉัย

ป.พ.พ. มาตรา 1536: บุตรที่เกิดก่อนการพิพากษาโมฆะสมรส ถือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย

ป.พ.พ. มาตรา 1499/1, 1567: การใช้อำนาจปกครองบุตรต้องพิจารณาตามประโยชน์ของผู้เยาว์

Application (การปรับใช้):

ข้อเท็จจริงชี้ว่าฝ่ายคู่สมรสไม่มีเจตนาอยู่กินฉันสามีภริยา การสมรสจึงเป็นโมฆะตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี บุตรที่เกิดขึ้นยังถือเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเพราะเกิดขึ้นก่อนการพิพากษา

เมื่อจำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรเพียงฝ่ายเดียวและไม่มีพฤติการณ์เสียหาย ศาลจึงให้อำนาจปกครองในส่วนที่อยู่แก่จำเลย

Conclusion (ข้อสรุป):

การสมรสเป็นโมฆะ แต่บุตรยังคงสถานะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลให้ทั้งสองฝ่ายปกครองร่วมกัน แต่ให้อำนาจปกครองด้านที่อยู่แก่จำเลยเพียงฝ่ายเดียว


ข้อคิดทางกฎหมาย

คำพิพากษานี้สะท้อนหลักการว่า แม้การสมรสจะเป็นโมฆะเนื่องจากไม่มีเจตนาอยู่กินฉันสามีภริยา แต่สิทธิของบุตรยังคงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ขณะเดียวกัน ศาลยังยืนยันอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องโมฆะสมรส แม้ไม่มีการร้องขอตรงก็ตาม หากเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย


การสมรสที่เกิดจากการว่าจ้างให้ตั้งครรภ์ไม่ถือเป็นสมรสแท้จริง ศาลจึงตัดสินว่าเป็นโมฆะ แต่บุตรที่เกิดขึ้นยังคงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลกำหนดให้พ่อแม่ปกครองร่วมกัน โดยให้แม่มีสิทธิในการกำหนดที่อยู่ของเด็กเพียงฝ่ายเดียว

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10442/2558

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย ม. จำเลยให้การว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้จดทะเบียนสมรส และใช้วิทยาการทางการแพทย์โดยการผสมเชื้ออสุจิเพื่อตั้งครรภ์เด็กชาย ม. ให้โจทก์ โดยไม่เคยได้ใช้ชีวิตดังสามีภริยาเลย เมื่อเด็กชาย ม. คลอด โจทก์ไม่ส่งเงินมาให้ ไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่กลับขู่ให้ส่งมอบบุตรให้ ขอให้ยกฟ้อง ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทด้วยว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่โดยให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจดทะเบียนที่ปราศจากความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอย่างแท้จริง เนื่องจากโจทก์กับจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเพราะโจทก์ตกลงว่าจ้างจำเลยให้ตั้งครรภ์บุตรให้แก่โจทก์ด้วยวิธีการผสมเทียม โดยต่างไม่ยินยอมเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริงและไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา จึงเป็นการสมรสที่ผิดเงื่อนไขตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 ซึ่งมีผลให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าการสมรสเป็นโมฆะ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคสองแล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะได้ กรณีไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142


แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ แต่เมื่อบุตรผู้เยาว์คลอดระหว่างที่ศาลยังไม่ได้มีการพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ผู้เยาว์จึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1536 วรรคสอง

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน และให้เด็กชาย ม. อยู่ในความปกครองและอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และให้จำเลยผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่สำนักงานทะเบียนอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 เป็นโมฆะ ให้แจ้งนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรส กับให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชาย ม. ผู้เยาว์ แต่เพียงผู้เดียว ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ และที่พิพากษาให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชาย ม. แต่เพียงผู้เดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 โจทก์เดินทางมาประเทศไทยเพื่อตกลงว่าจ้างจำเลยให้ตั้งครรภ์บุตรให้แก่โจทก์ด้วยวิธีการผสมเทียมโดยการติดต่อผ่านทางนายพิเศษ หรือบ๊อบบี้ ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยโดยต่างไม่ได้ยินยอมเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริงและไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา ในวันเดียวกับที่มีการจดทะเบียนสมรสโจทก์กับจำเลยไปโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา เพื่อรับการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์กับแพทย์หญิงสุชาดา และมีการเก็บน้ำเชื้ออสุจิของโจทก์ไว้ ก่อนที่โจทก์เดินทางกลับไปประเทศกรีซในวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 จากนั้นจำเลยเข้าไปรับการรักษาจากแพทย์จนกระทั่งจำเลยตั้งครรภ์ผู้เยาว์ซึ่งระหว่างที่จำเลยตั้งครรภ์โจทก์โอนเงินค่าใช้จ่ายให้แก่จำเลยทุกเดือน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 จำเลยคลอดผู้เยาว์ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์และโจทก์เป็นผู้ตั้งชื่อผู้เยาว์ว่าเด็กชาย ม. ต่อมาโจทก์กับจำเลยมีการติดต่อกันเพื่อดำเนินการให้จำเลยกับบุตรผู้เยาว์เดินทางไปประเทศกรีซ แต่เนื่องจากโจทก์ปฏิเสธที่จะโอนเงินให้แก่จำเลยก่อนออกเดินทาง 150,000 บาท และอีก 150,000 บาท เมื่อจำเลยกับผู้เยาว์เดินทางไปถึงซึ่งจำเลยอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าจ้างในการตั้งครรภ์ให้แก่โจทก์ จำเลยจึงไม่เดินทางไปประเทศกรีซและขาดการติดต่อกับโจทก์เป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยจำเลยพาผู้เยาว์ไปอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นและทำงานอยู่กับพี่สาว ซึ่งพี่สาวและพี่เขยของจำเลยได้ช่วยอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ด้วย ส่วนโจทก์หลังจากเดินทางกลับไปประเทศกรีซแล้ว ไม่เคยเดินทางกลับมาประเทศไทยจนกระทั่งเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้


คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะเป็นการพิพากษาเกินคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า การจดทะเบียนสมรสของโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่ โดยให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าวไว้ จนได้ข้อเท็จจริงอันรับฟังได้เป็นยุติว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจดทะเบียนที่ปราศจากความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอย่างแท้จริง เป็นการสมรสที่ผิดเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1458 ซึ่งมีผลให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะและขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีและกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 วรรคสอง แล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะได้ กรณีไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น


คดีมีปัญหาให้วินิจฉัยต่อไปเกี่ยวกับสถานะความเป็นบุตรของผู้เยาว์และอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ เห็นว่า แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ แต่เมื่อบุตรผู้เยาว์คลอดระหว่างที่ศาลยังไม่ได้มีการพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ผู้เยาว์จึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 วรรคสอง ในส่วนของอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์นั้น แม้โจทก์กับจำเลยในฐานะเป็นบิดามารดาของผู้เยาว์เป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ร่วมกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เพียงคนเดียวมาตั้งแต่ผู้เยาว์เกิด ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์เสียหายใด ๆ ต่อสวัสดิภาพและอนาคตของผู้เยาว์ ส่วนโจทก์ไม่เคยกลับมาประเทศไทยและไม่เคยดูแลผู้เยาว์อย่างใกล้ชิด ดังนั้น ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ในส่วนของอำนาจปกครองในการกำหนดที่อยู่ของผู้เยาว์ แต่เพียงผู้เดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1499/1 และ 1567

พิพากษากลับว่า การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ให้แจ้งนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรส กับให้โจทก์กับจำเลยมีอำนาจปกครองเด็กชาย .ม ผู้เยาว์ร่วมกัน แต่ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองในการกำหนดที่อยู่ของผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

 

พิพากษาให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย ม. จำเลยให้การว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้จดทะเบียนสมรส และใช้วิทยาการทางการแพทย์โดยการผสมเชื้ออสุจิเพื่อตั้งครรภ์เด็กชาย ม. ให้โจทก์ โดยไม่เคยได้ใช้ชีวิตดังสามีภริยาเลย เมื่อเด็กชาย ม. คลอด โจทก์ไม่ส่งเงินมาให้ ไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่กลับขู่ให้ส่งมอบบุตรให้ ขอให้ยกฟ้อง ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทด้วยว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่โดยให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจดทะเบียนที่ปราศจากความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอย่างแท้จริง เนื่องจากโจทก์กับจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเพราะโจทก์ตกลงว่าจ้างจำเลยให้ตั้งครรภ์บุตรให้แก่โจทก์ด้วยวิธีการผสมเทียม โดยต่างไม่ยินยอมเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริงและไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา จึงเป็นการสมรสที่ผิดเงื่อนไขตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 ซึ่งมีผลให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าการสมรสเป็นโมฆะ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคสองแล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะได้ กรณีไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142




การสิ้นสุดแห่งการสมรส

สรุปเหตุ หย่า “ละทิ้งร้าง > สมัครใจแยกกันอยู่”มาตรา 1516, ป.พ.พ. มาตรา 1516(4/2),
หย่า ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4) vs (4/2)แยกกันอยู่, ละทิ้งร้าง, สมัครใจแยกกันอยู่, (ฎีกา 2345/2552)
ฟ้องหย่าเพราะภรรยาแจ้งความสามีไม่ได้ ศาลชี้สิทธิเลี้ยงดูยังมีอยู่(ฎีกา 2109/2567)
หย่าเพราะทรมานร่างกาย-จิตใจ (บังคับร่วมประเวณี)เหตุฟ้องหย่า (ฎีกา 8611/2557)
ฟ้องโมฆะ & หย่า / อายุความ / ค่าเลี้ยงชีพ แยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา 10770/2558)
คดีหย่า & ค่าทดแทน, สิทธิฟ้องหย่า, (มาตรา 1518, 1523)(ฎีกา 2473/2556)
หย่า แบ่งสินสมรส, อำนาจปกครองบุตร, & คุ้มครองดอกผล (ฎีกา 10361/2557)
คดีหย่า & อำนาจปกครองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดู, (ฎีกา 5535/2558)
ความหมายว่า"ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าจะสมรสใหม่และจนกว่าการสมรสสิ้นสุดลง"
คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. ม.173, ฟ้องซ้ำ, (ฎีกา 8186/2551)
สิทธิครอบครองที่ดิน & เพิกถอนโฉนดออกโดยมิชอบ (ฎีกา 3169/2564)
ฟ้องหญิงอื่นเรียกค่าทดแทน (มาตรา 1523) (ฎีกา 4818/2551)
คดีหย่า & สิทธิฟ้องหย่า, อายุความคดีหย่า (การยินยอมและให้อภัย) (ฎีกา 3190/2549)
ค่าเลี้ยงดูบุตร & เพิกถอนโอนบ้าน, สัญญาหย่า, พินัยกรรม, (ฎีกา 6926/2560)
ฟ้องหย่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี, (ฎีกา, 2520/2549),
การหย่าโมฆะ & สิทธิในมรดกที่ดินพิพาท
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นเรื่องชู้สาว (ฎีกา 4261/2560)
กฎหมายฟ้องชู้ฉบับใหม่ 2568: สิทธิของคู่สมรสทุกเพศในการเรียกค่าทดแทนและฟ้องหย่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5259 - 5260/2561 : การรับฟังพยานบันทึกเสียง, สิทธิฟ้องหย่า, ค่าทดแทนชู้ และอำนาจปกครองบุตร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
สิทธิภริยาเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น เหตุชู้สาวต่อเนื่องไม่ขาดอายุความ
การหย่าโดยสมยอมเพื่อฉ้อโกงเจ้าหนี้ – วิเคราะห์กฎหมายครอบครัวและสิทธิของเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2548 สิทธิภริยาชอบด้วยกฎหมายเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523
สิทธิฟ้องหย่าและอำนาจปกครองบุตร: ศาลฎีกาวินิจฉัยกรณีสามีขับไล่ภริยา – คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4104/2564
การเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรและการปรับค่าเลี้ยงดูตามสถานการณ์ใหม่ (ฎีกาที่ 1218/2567)
แบ่งสินสมรส, สินสมรสที่เป็นเงินตรา, แบ่งสินสมรสหลังหย่า สิทธิและหน้าที่, สินส่วนตัวกับสินสมรส
คดีฟ้องหย่าและการแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิการเรียกค่าเลี้ยงดูของโจทก์, การชำระค่าทดแทนในคดีแพ่ง, การบังคับคดีและสิทธิทายาทในมรดก
ข้อตกลงแบ่งค่าเช่าที่ดินในสัญญาหย่า
ฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต, คนไร้ความสามารถกับการหย่า, แบ่งทรัพย์สินหลังหย่าในกรณีคนวิกลจริต
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำอย่างไร?, หนังสือหย่า
สามีภริยาจะต้องมีการร่วมประเวณีกันบ้างแต่ต้องเกิดจากความยินยอม
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์
ไม่เกิดสิทธิฟ้องหย่าเพราะโจทก์มีพฤติกรรมนอกใจจำเลยยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี เหตุฟ้องหย่า
การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง
อายุความฟ้องหย่า, บันทึกข้อตกลงหย่า, หลักกฎหมายมาตรา 1515,
สิทธิฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดูอันจะอยู่ในอายุความ 5 ปี , หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร
การฟ้องหย่าด้วยเหตุหมิ่นประมาท, สิทธิการฟ้องหย่าหมดอายุความ
นำตำรวจจับกุมภริยา หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
จงใจละทิ้งร้างภริยาไปเกินหนึ่งปีฟ้องหย่าได้, สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา
การจงใจทิ้งร้างไปเกินกว่า 1 ปีต้องในลักษณะที่ไม่หวนกลับไปหาคู่สมรสอีก
ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
สิทธิฟ้องหย่าระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีเว้นแต่เหตุฟ้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ สิทธิเรียกร้องกำหนดอายุความ 5 ปี
เหตุฟ้องหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า
สามีฟ้องหย่า,จงใจละทิ้งร้าง,เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ, อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา
สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ต้องเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขด้วย
แยกกันอยู่เพราะสามีรับราชการที่อื่น, ไม่ถือว่าเป็นการแยกกันอยู่โดยความสมัครใจ
ทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายยังไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
แยกกันอยู่เพราะสามียกย่องหญิงอื่น, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
ฟ้องหย่าจงใจละทิ้งร้างเรียกสินสอดทองหมั้นคืน
สามีหรือภริยาประพฤติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้
พี่น้องของผู้ตายขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
อำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสเพราะสำคัญผิดตัว
ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก-ได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ฟ้องหย่าได้
สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่ออีกฝ่ายให้อภัยแล้ว
สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
ไม่อาจร่วมประเวณีได้ ต้องการฟ้องหย่า
แยกกันอยู่หรือจงใจละทิ้งร้าง? -อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็มีลักษณะแบบต่างคนต่างอยู่
กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
ไม่ถือว่าจำเลยประพฤติชั่วทำให้โจทก์อับอายถูกเกลียดชังจนเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนชู้สาวนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผย
เหตุแห่งการฟ้องหย่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงขอให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพได้
ฟ้องซ้ำ ค่าอุปการะเลี้ยงดู หนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด
การแบ่งสินสมรสและกรรมสิทธิ์รวม
หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามสามีหรือบุพการี
สัญญาระหว่างสมรสให้ทรัพย์สินของสามีตกเป็นของภริยาห้ามบอกล้าง
ขอเพิกถอนทะเบียนสมรสซ้อน สมรสซ้อนโดยไม่สุจริต
ทะเบียนสมรส ลงชื่อฝ่ายชายคนเดียว, เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องหย่าอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่
ทำร้ายร่างกายถ้าเป็นการร้ายแรงฟ้องหย่าได้, ศาลปรับหนึ่งพันไม่เป็นการร้ายแรง
ฟ้องหย่าอ้างว่าจำเลยดูหมิ่นโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง
การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่า
โจทก์ได้ให้อภัยจำเลยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไป
ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง
เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน, การทำร้ายคู่สมรส
เหตุฟ้องหย่า เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง
ความสมบูรณ์ของการสมรส, ฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ
การละเมิดเกิดขึ้นต่อเนื่องอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดีไม่ขาดอายุความ
การฟ้องหย่าและหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี ไม่ฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าอ้างสิทธิที่จะเลือกคู่ครองตามรัฐธรรมนูญ
รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้,อายุความ
ฟ้องหย่าได้ที่ศาลใด
การหย่าโดยคำพิพากษาจะมีผลต่อเมื่อเวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด
หนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงอื่น