ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




เพิกถอนขายทอดตลาด & ไม่รับฎีกา, วางเงินประกัน, (ฎีกา ครพ.1072/2567)

คำพิพากษาศาลฎีกา ครพ.1072/2567, คำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ม.295 ป.วิ.พ., การวางเงินประกันในการเพิกถอนขายทอดตลาด, ไม่ชำระเงินประกัน 1 ล้านบาทตามคำสั่งศาล, ผลของการไม่วางเงินประกันต่อคำร้อง, ศาลไม่รับฎีกาในคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้า, การซื้อทรัพย์ขายทอดตลาดไม่ชำระเงินครบ, บังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ, สิทธิของผู้ซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด, คดีสวมสิทธิเจ้าหนี้, ขยายเวลาชำระเงินค่าสินทรัพย์, ผลทางกฎหมายของการทิ้งคำร้อง, บทวิเคราะห์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง, คำสั่งศาลเป็นที่สุดไม่อาจฎีกา

   ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสอง โดยศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายจำนวน 1,000,000 บาท หากไม่วางให้ถือว่าทิ้งคำร้อง เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินตามกำหนด ศาลชั้นต้นจำหน่ายคำร้องออกจากสารบบ ศาลอุทธรณ์ยืนคำสั่ง และเมื่อผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งตาม มาตรา 295 วรรคห้า ซึ่งกฎหมายกำหนดให้คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุด จึงไม่รับฎีกา แสดงหลักสำคัญว่าผู้ร้องต้องปฏิบัติตามคำสั่งวางเงินประกันอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นคำร้องย่อมถูกยกเลิกโดยเด็ดขาด

ข้อเท็จจริงและคำวินิจฉัยแบบขยาย

คดีนี้เกิดจากการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์นำที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด ผู้ร้องเข้าซื้อทรัพย์โดยวางเงินมัดจำ 2,500,000 บาท และต้องชำระยอดเงินที่เหลือ 17,120,000 บาท ภายในกำหนดเวลา จากนั้นผู้ร้องขอขยายเวลาชำระเงินหลายครั้งจนคดีถึงที่สุด

ต่อมา ก่อนครบกำหนดผ่อนผันสุดท้าย ผู้ร้องยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาด อ้างว่าเนื้อที่ดินรังวัดจริงขาดไปเกิน 5% และขอคืนเงินมัดจำ ศาลเห็นว่าการยื่นคำร้องอาจเป็นการประวิงคดี โจทก์จึงขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหาย

ศาลชั้นต้นใช้ ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคห้า สั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกัน 1,000,000 บาท ภายใน 15 วัน และกำหนดว่านัดไต่สวน หากไม่วางเงินถือว่าทิ้งคำร้อง

ผู้ร้องไม่วางเงิน และไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ เสมือนเป็นการยกคำร้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งให้วางเงินประกันตามมาตรา 295 วรรคห้า กำหนดชัดว่า เป็นที่สุด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขออนุญาตฎีกา จึงมีคำสั่งยกคำร้องและไม่รับฎีกา

ประเด็นสำคัญที่สุดของคดีนี้อยู่ที่การใช้กฎหมาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคห้า ซึ่งเป็นหัวใจหลักของข้อพิพาท ศาลฎีกายืนยันหลักว่า:

เมื่อศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันตาม ม.295 วรรคห้า และผู้ร้องไม่ปฏิบัติตาม คำร้องเพิกถอนขายทอดตลาดเป็นอันทิ้ง และคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุด ไม่อาจฎีกาได้

✅ มาตราที่ใช้เป็นแกนหลักในคดีนี้

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคห้า

กำหนดให้ศาลสามารถสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกัน และหากไม่วางภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และคำสั่งในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด

✅ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของคดีนี้ 

1) มาตรา 295 วรรคห้า ป.วิ.พ.

หัวใจของคดีนี้ เพราะเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลสั่งวางเงินประกัน และกำหนดผลชัดเจนว่าถ้าไม่วางเงิน ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และไม่อาจฎีกาได้ เป็น “กลไกกันประวิงคดี”

2) วางเงินประกัน (Security Deposit Requirement)

ผู้ร้องถูกสั่งให้วางเงิน 1,000,000 บาท เพื่อคุ้มครองความเสียหายของฝ่ายคัดค้านตามกฎหมายบังคับคดี หากไม่วางเงินตามกำหนด คำร้องสิ้นผลทันที

3) ทิ้งคำร้อง (Deemed Abandonment of Petition)

เนื่องจากผู้ร้องไม่วางเงินและไม่มาศาล ศาลจึงถือว่าทิ้งคำร้อง โดยไม่ต้องพิจารณาเนื้อหาคดีต่อไป เป็นผลทางกระบวนวิธีที่เด็ดขาด

4) คำสั่งเป็นที่สุด (Final Order / Non-Appealable)

มาตรา 295 วรรคห้า ระบุชัดเจนว่า “คำสั่งเป็นที่สุด” จึง ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้

หลักนี้ปิดช่องการฟ้องซ้ำ/ยืดคดีโดยไม่จำเป็น

5) เพิกถอนการขายทอดตลาด (Cancellation of Foreclosure Sale)

คำร้องต้นเรื่องคือการขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดิน โดยอ้างเหตุเนื้อที่ดินไม่ตรงเอกสาร แต่สิทธิร้องสูญไปเพราะไม่ทำตามคำสั่งเงินประกัน ไม่ใช่เพราะเหตุร้องไม่มีมูล

✅ สรุปแก่นคดีแบบสั้นที่สุด

คดีนี้เน้นหลักการสำคัญว่า หากยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ม.295 ป.วิ.พ. และศาลสั่งให้วางเงินประกัน แต่ผู้ร้องไม่ปฏิบัติ คำร้องถือว่าทิ้ง และคำสั่งศาลเป็นที่สุด ไม่อาจฎีกาได้ แม้เหตุร้องจะอ้างสิทธิที่ดินไม่ตรงตามรังวัดก็ตาม

วิเคราะห์ประเด็นกฎหมายสำคัญ

1. มาตรา 295 ป.วิ.พ. วรรคสองและวรรคห้า

ใช้กับการร้องเพิกถอนการขายทอดตลาด เพื่อป้องกันการประวิงคดี ศาลอาจสั่งให้วางเงินประกันเพื่อคุ้มครองฝ่ายคัดค้าน

2. การไม่วางเงินประกัน = ทิ้งคำร้องโดยเด็ดขาด

หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งวางเงินภายในกำหนด คำร้องถูกยกเลิกทันทีและศาลไม่มีอำนาจพิจารณาต่อ

3. คำสั่ง “เป็นที่สุด” ตามกฎหมาย ไม่อาจฎีกาได้

เป็นหลักเฉพาะกรณีที่กฎหมายมุ่งป้องกันไม่ให้กระบวนการบังคับคดีถูกขัดขวาง

สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

ผู้ยื่นคำร้องเพิกถอนขายทอดตลาดต้องเคารพคำสั่งศาลเรื่องเงินประกัน

หากไม่วางเงินหรือไม่มาตามนัด ศาลมีอำนาจจำหน่ายคำร้องทันที

คำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้าเป็นที่สุด ไม่สามารถฎีกาได้

เพื่อป้องกันการประวิงคดีและคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ในกระบวนการบังคับคดี

IRAC (Issue – Rule – Application – Conclusion) แบบขยาย

Issue (ประเด็น)

ผู้ร้องซึ่งยื่นคำร้องเพิกถอนขายทอดตลาด แต่ไม่วางเงินประกันตามคำสั่งศาล มีสิทธิฎีกาคำสั่งจำหน่ายคำร้องจากสารบบหรือไม่

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ)

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 295 วรรคห้า

ศาลอาจสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกัน หากไม่วางภายในกำหนดให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และคำสั่งที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด

Application (การประยุกต์ใช้)

ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงิน 1,000,000 บาทเพื่อประกันความเสียหาย แต่ผู้ร้องไม่วางเงินและไม่มาศาล จึงถือว่าทิ้งคำร้อง และคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดตามกฎหมาย ไม่สามารถฎีกาได้

Conclusion (ข้อสรุป)

ศาลฎีกายกคำร้องและไม่รับฎีกา เพราะคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้าเป็นที่สุด ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกา

สรุปย่อคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ครพ.1072/2567 เป็นคดีเกี่ยวกับการยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินในกระบวนการบังคับคดี โดยผู้ร้องเป็นผู้ที่ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ภายหลังเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับเนื้อที่ดินจริงที่รังวัดพบว่าขาดจากเอกสารรับรอง ทำให้ผู้ร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดและขอคืนเงินมัดจำ

อย่างไรก็ตาม โจทก์คัดค้านและขอให้ศาลบังคับให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหาย ศาลใช้ดุลพินิจตามมาตรา 295 วรรคห้า ป.วิ.พ. สั่งให้วางเงินจำนวน 1,000,000 บาท ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง และกำหนดนัดไต่สวน

ผู้ร้องไม่วางเงินและไม่มาศาล ศาลจึงจำหน่ายคำร้องออกจากสารบบ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน และเมื่อผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาแผนกคำสั่งฯ วินิจฉัยว่าคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้า “เป็นที่สุด” ไม่อาจฎีกาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา

แนวคำพิพากษานี้เป็นหลักสำคัญในทางบังคับคดีและวิธีพิจารณาความแพ่งว่า การยื่นคำร้องเพื่อคัดค้านการบังคับคดีจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเงินประกันของศาลอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นคำร้องย่อมสิ้นผล และไม่อาจนำเรื่องเข้าสู่ชั้นฎีกาได้ ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ป้องกันการถ่วงเวลาและคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวคำถาม - ธงคำตอบ

✅ ประเด็นที่ 1

❓ คำถาม

ในคดีบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอบังคับคดียึดและขายทอดตลาดทรัพย์ ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ทอดตลาดและได้ขอขยายระยะเวลาชำระเงินหลายครั้ง ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด อ้างว่าเมื่อรังวัดแล้วเนื้อที่ดินขาดเกินกว่า 5% และขอคืนเงินมัดจำ โดยโจทก์คัดค้านและขอให้ศาลสั่งวางเงินประกัน ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงิน 1,000,000 บาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคห้า มิเช่นนั้นให้ถือว่าทิ้งคำร้อง ผู้ร้องไม่วางเงินและไม่มาศาลในวันไต่สวน ศาลชั้นต้นจึงจำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกา คำถามคือ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันตามกฎหมายหรือไม่ และเมื่อผู้ร้องไม่วางเงิน ศาลชั้นต้นจำหน่ายคำร้องเป็นที่สุดแล้ว ผู้ร้องมีสิทธฎีกาหรือไม่

✅ ธงคำตอบ

ในคดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องเพิกถอนขายทอดตลาดอ้างเหตุจำนองที่ดินรังวัดแล้วเนื้อที่ขาด และขอคืนเงินมัดจำ ศาลอาจเห็นว่าคำร้องอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ฝ่ายคัดค้านและมีลักษณะเป็นการประวิงคดี โจทก์จึงร้องขอให้ผู้ร้องวางเงินประกัน

การเพิกถอนการขายทอดตลาดอยู่ในบังคับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสอง และศาลมีอำนาจสั่งให้วางเงินประกันตาม มาตรา 295 วรรคห้า ซึ่งบัญญัติชัดว่า

“หากไม่วางเงินภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และคำสั่งตามวรรคนี้ให้เป็นที่สุด”

มาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการประวิงคดี และคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ในกระบวนการบังคับคดี

เมื่อผู้ร้อง ไม่วางเงินตามคำสั่งศาล และไม่มาศาลในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่ง จำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ ซึ่งถือเป็นการ “ยกคำร้องโดยผลของกฎหมาย” ไม่ใช่เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าเหตุร้องไม่มีมูล แต่เพราะผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

เมื่อคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้า กฎหมายกำหนดให้ เป็นที่สุด ผู้ร้องจึง ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาจึง ไม่รับฎีกา และยกคำร้องของผู้ร้องโดยชอบ

✅ ประเด็นที่ 2

❓ คำถาม

ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ขายทอดตลาดและวางเงินมัดจำไว้ ต่อมาผู้ร้องขอขยายเวลาในการชำระเงินหลายครั้งจนคดีถึงที่สุด และเมื่อทราบผลรังวัดว่าที่ดินมีเนื้อที่ขาดจึงยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด และขอคืนเงินมัดจำ ศาลสั่งให้วางเงินประกันภายในกำหนดเพื่อประกันความเสียหายแก่ฝ่ายคัดค้าน ผู้ร้องยื่นขอขยายเวลาวางเงินแต่ยังไม่วางเงินภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงจำหน่ายคำร้อง ต่อมาผู้ร้องฎีกาอ้างสิทธิในฐานะผู้ซื้อทรัพย์ว่าควรได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย คำถามคือ ผู้ร้องจะอ้างสิทธิได้เพียงใด และศาลฎีกาจะรับฟังฎีกาหรือไม่เพราะเหตุใด

✅ ธงคำตอบ

แม้ผู้ร้องจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดและวางเงินมัดจำไว้ รวมถึงมีเหตุอ้างว่าที่ดินมีเนื้อที่ขาด ซึ่งตามหลักทั่วไปผู้ซื้อมีสิทธิร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ (ป.วิ.พ. ม.295 วรรคสอง) แต่สิทธิในการร้องต่อศาลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและกระบวนวิธีที่กฎหมายกำหนด

ในกรณีนี้ ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันตาม ป.วิ.พ. ม.295 วรรคห้า เพื่อคุ้มครองไม่ให้เจ้าหนี้เสียหายและเพื่อป้องกันการประวิงคดี ผู้ร้องแม้ยื่นขอขยายเวลา แต่ก็ ไม่วางเงินตามคำสั่งศาล จึงต้องมีผลตามบทบัญญัติว่าถือว่า ทิ้งคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความโดยชอบ

สิทธิของผู้ร้องที่จะขอรับเงินมัดจำคืนหรือคัดค้านกระบวนการขายทอดตลาดจึง สิ้นสุดลงเพราะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในขั้นตอนสำคัญ ไม่ใช่เพราะเหตุร้องไม่มีมูลทางข้อเท็จจริง

เมื่อคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้า ซึ่งบัญญัติว่า “ให้เป็นที่สุด” ผู้ร้องจึง ไม่มีสิทธฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่รับฎีกา และยกคำร้องของผู้ร้องตามกฎหมาย

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสอง  (อำนาจศาลสั่งเพิกถอน/แก้ไขการบังคับคดี และผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง) “ในกรณีที่คำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดีบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องเพิกถอนหรือแก้ไขคำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งดังกล่าวนั้น เมื่อศาลเห็นสมควรไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง หรือเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาล หรือเมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน หรือมีคำสั่งอย่างใดตามที่ศาลเห็นสมควร”  วรรคห้า  (อำนาจศาลสั่งให้วางประกัน และผลของคำสั่ง—ให้เป็นที่สุด) “ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดคำร้อง ศาลจะมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ก็ได้ และจะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ร้องหาประกันหรือวางเงินประกันก็ได้ ต่อไปจะสั่งคืนหรือยกเลิกประกันนั้นก็ได้ คำสั่งของศาลที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด”


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ครพ. 1072/2567

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นคำร้องที่ยื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 295 วรรคสอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงิน 1,000,000 บาท เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนซึ่งถือเป็นการสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคห้า เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันตามคำสั่งศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ อันถือได้ว่าเป็นการยกคำร้อง ซึ่งมาตรา 295 วรรคห้าตอนท้าย ได้บัญญัติว่าคำสั่งของศาลที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจขออนุญาตฎีกาได้

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองเป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 791, 792 และ 1149 ออกขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2550 บริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาวันที่ 5 มกราคม 2560 ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคา 19,620,000 บาท โดยผู้ร้องได้วางเงินมัดจำไว้ 2,500,000 บาท และสัญญาว่าจะนำเงินที่ค้างชำระ 17,120,000 บาท มาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วัน และขอขยายระยะเวลาชำระเงินครั้งที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาต ระหว่างนั้นมีนายสมจิตร ร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด ผู้ร้องขอรับเงินมัดจำคืนคงเหลือไว้เพียงร้อยละ 55 ของราคาที่ซื้อทรัพย์ได้ และขอขยายเวลาชำระเงินครั้งที่ 2 ถึงคดีถึงที่สุดเมื่อคดีถึงที่สุด ผู้ร้องได้ขอขยายเวลาชำระเงินส่วนที่เหลือครั้งที่ 3 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาตถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2564 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด อ้างเหตุว่ารังวัดที่ดินแล้วเนื้อที่ดินขาดหายไปมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ของเนื้อที่ดินตามหนังสือประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และขอรับเงินมัดจำคืน

โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อประวิงคดีขอให้วางเงินหรือหาประกันต่อศาล

ศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายเป็นเงิน 1,000,000 บาท ภายใน 15 วัน หากไม่วางภายในกำหนดให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 21 เมษายน 2565 เวลา 13.30 นาฬิกา

วันที่ 29 มีนาคม 2565 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินประกันไปเป็นเวลา 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาตไปจนถึงวันนัดวันที่ 21 เมษายน 2565 เวลา 14 นาฬิกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องไม่ร้องขอเลื่อนคดีและไม่ได้วางเงินประกันความเสียหาย ถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2566

ศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกาวินิจฉันว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นคำร้องที่ยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงิน 1,000,000 บาท เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนซึ่งถือเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคห้า เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันตามคำสั่งศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ อันถือได้ว่าเป็นการยกคำร้อง ซึ่งมาตรา 295 วรรคห้าตอนท้าย ได้บัญญัติว่าคำสั่งของศาลที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจขออนุญาตฎีกาได้

จึงมีคำสั่งยกคำร้อง และไม่รับฎีกาของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจึงไม่มีค่าขึ้นศาลที่จะคืนให้ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

หลักกฎหมาย

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสอง

ในกรณีที่คำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดีบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องเพิกถอนหรือแก้ไขคำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งดังกล่าวนั้น เมื่อศาลเห็นสมควรไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง หรือเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาล หรือเมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำบังคับ หมายบังคับคดี หรือคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน หรือมีคำสั่งอย่างใดตามที่ศาลเห็นสมควร

มาตรา 295 วรรคห้า

ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดคำร้อง ศาลจะมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ก็ได้ และจะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ร้องหาประกันหรือวางเงินประกันก็ได้ ต่อไปจะสั่งคืนหรือยกเลิกประกันนั้นก็ได้ คำสั่งของศาลที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด

✅ ขยายหลักกฎหมายสำคัญของ มาตรา 295

1) มาตรา 295 เป็น “กลไกควบคุมกระบวนการบังคับคดี”

ใช้แก้ไขหรือเพิกถอนการบังคับคดีที่ บกพร่อง ผิดกฎหมาย หรือไม่เป็นธรรม

ไม่ว่าความผิดพลาดจะเกิดจาก:

ศาล

เจ้าพนักงานบังคับคดี

ความคลาดเคลื่อนด้านเอกสาร/คำสั่ง

2) สิทธิของผู้ร้อง

ผู้มีสิทธิร้องได้ ได้แก่

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา

ลูกหนี้ตามคำพิพากษา

บุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสีย

3) กรอบเวลา

ต้องยื่นก่อนบังคับคดีเสร็จสิ้น

แต่ต้องไม่ช้ากว่า 15 วันนับแต่รู้เหตุ

4) ศาลกำหนดเงื่อนไขได้

เช่น

งดการบังคับคดีไว้ก่อน

ให้ผู้ร้องวางเงินประกัน

5) หากไม่วางเงินตามคำสั่ง → ถือว่าทิ้งคำร้อง

มาตรา 295 วรรคห้า = กลไกกันประวิงคดี

คำสั่งเป็นที่สุด → ห้ามฎีกา

เป็นบทกฎหมายที่มีลักษณะ “Fast Track” ป้องกันผู้ร้องยื่นเพื่อถ่วงเวลา

✅ สรุปกฎหมายอย่างเข้าใจง่าย

“ถ้าผู้ร้องขอเพิกถอน/แก้ไขการบังคับคดีตาม ม.295 และศาลสั่งให้วางเงินประกันเพื่อกันประวิงคดี ผู้ร้องต้องวางเงินตามกำหนด หากไม่ทำ คำร้องถือว่าสละสิทธิทันทีและห้ามฎีกาต่อ”

✅ ขยายฎีกา ครพ.1072/2567 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ครพ. 1072/2567 เป็นกรณีที่ผู้ร้องในชั้นบังคับคดีเป็นผู้ซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด ซึ่งได้ชำระเงินมัดจำแล้วและขอขยายเวลาการชำระค่าทรัพย์หลายครั้ง ต่อมาผู้ร้องพบว่าที่ดินที่ซื้อมีเนื้อที่จริงขาดจากในเอกสารมากกว่า 5% จึงยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดและขอคืนเงินมัดจำ โดยอ้างเหตุว่าการขายทอดตลาดนั้นผิดไปจากสภาพทรัพย์จริง

ฝ่ายเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้คัดค้านคำร้องดังกล่าวและขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกัน เนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อประวิงคดี เมื่อศาลพิจารณาแล้วจึงอาศัยอำนาจตาม มาตรา 295 วรรคห้า มีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันจำนวน 1,000,000 บาทภายในกำหนด หากไม่วางให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และนัดไต่สวนคำร้อง

ผู้ร้องกลับไม่ปฏิบัติตาม ไม่วางเงินตามคำสั่ง ไม่แจ้งเหตุ และไม่มาศาลในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นจึงสั่ง จำหน่ายคำร้องออกจากสารบบความ ถือเสมือนคำร้องถูก “ยกโดยผลของกฎหมาย” เพราะผู้ร้องละเลยหน้าที่ตามคำสั่งศาล

ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งที่ออกตาม ม.295 วรรคห้าเป็น “ที่สุด” ตามตัวบทกฎหมาย จึง ไม่รับฎีกา และยกคำร้องของผู้ร้องทั้งหมด

คำพิพากษานี้ตอกย้ำว่า การใช้สิทธิขอเพิกถอนขายทอดตลาดต้องกระทำด้วยสุจริตและปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด หากไม่วางเงินประกันตามที่สั่ง ผู้ร้องจะเสียสิทธิทันที และไม่อาจยื้อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาได้

✅ เชื่อมโยงกับฎีกาที่ 2759/2564 

คดีฎีกาที่ 2759/2564 ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด เนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีเร่งขายทอดตลาดโดยไม่รอแถลงของโจทก์ ทั้งที่มีเงื่อนไขงดการขายทอดตลาดกำหนดไว้ก่อนแล้ว การกระทำดังกล่าวถือเป็นการบังคับคดีที่ผิดขั้นตอนและฝ่าฝืนระเบียบการบังคับคดี ศาลจึงวินิจฉัยให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามมาตรา 295 วรรคสอง

ทั้งสองคดีสะท้อนหลักเดียวกัน คือ ศาลใช้มาตรา 295 เพื่อควบคุมการบังคับคดีให้เป็นธรรม ตรวจสอบความบกพร่องในกระบวนการบังคับคดี และป้องกันความเสียหายแก่คู่ความหรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ผลของคดีแตกต่างกัน ดังนี้

• ฎีกาที่ 2759/2564: เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการผิดขั้นตอน ไม่รอแถลงโจทก์ ศาลจึงเพิกถอนการขายทอดตลาด อาศัยมาตรา 295 วรรคสอง

• คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ครพ. 1072/2567: ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่วางเงินประกันตามที่กำหนด ทำให้ถือว่าทิ้งคำร้องตามผลของกฎหมาย และเนื่องจากเป็นคำสั่งตามมาตรา 295 วรรคห้า จึงเป็นที่สุด ไม่อาจฎีกาได้

สรุปความแตกต่างของทั้งสองคดี

• เหตุแห่งการพิจารณา:

– ฎีกา 2759/2564: ความผิดพลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี

– ครพ. 1072/2567: ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องวางเงินประกัน

• ผลที่ตามมา:

– ฎีกา 2759/2564: เพิกถอนการขายทอดตลาด

– ครพ. 1072/2567: คำร้องตกไป และไม่รับฎีกา

• บทกฎหมายที่ใช้:

– ฎีกา 2759/2564: มาตรา 295 วรรคสอง

– ครพ. 1072/2567: มาตรา 295 วรรคห้า

✅ สรุป

ถ้าการบังคับคดีผิดระเบียบ ใช้ ม.295 วรรคสอง ขอเพิกถอนได้ แต่ถ้าศาลสั่งวางเงินประกันเพื่อกันประวิงคดีแล้วไม่ทำ → ม.295 วรรคห้า คำร้องตกไปทันทีและฎีกาไม่ได้ 




การบังคับคดีตามคำพิพากษา

คดีซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 และการบังคับคดี (ฎีกา 1279/2568)
สิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิไม่อยู่ในบังคับคดี ม.301(5) ป.วิ.พ. (ฎีกา 900/2568)
คดีเพิกถอนการขายทอดตลาด & สิทธิครอบครอง, สิทธิในที่ดินพิพาท (ฎีกา 2564/2567)
สิทธิของเจ้าหนี้ & การขัดกันของคำพิพากษา, บังคับคดี, ทรัพยสิทธิ, (ฎีกา 674/2566)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5357/2567: การตีความสถานะ “บริวารของจำเลย” และอำนาจพิเศษในการครอบครอง article
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5437/2567: สิทธิหักส่วนได้ใช้แทนของเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง และการเพิกถอนการขายทอด
บทบาทและอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดี และกระบวนการบังคับคดีตามกฎหมายไทย
คำพิพากษาศาลฎีกา 367/2568: บ้านบนที่ดินรกร้าง ยึดขายชำระหนี้ได้หรือไม่?
สินส่วนตัว vs สินสมรส & บังคับคดี, ยึดทรัพย์, การปล่อยทรัพย์, (ฎีกา 372/2567)
จดทะเบียนหย่าหลีกเลี่ยงบังคับคดี โมฆะกรรมเจ้าหนี้ไม่อาจฟ้อง (ฎีกา 1241/2567)
จำเลยมีสิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, โจทก์มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้แม้ยังเป็นชื่อผู้จัดการมรดก, การยึดทรัพย์มรดก, การบังคับคดี
การขายทอดตลาดที่ดิน, การประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด, ความไม่สุจริตในการประมูลซื้อที่ดิน, การขับไล่ผู้คัดค้านออกจากที่ดิน,
เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดิน, อำนาจฟ้อง, การฟ้องร้องละเมิดเจ้าพนักงานบังคับคดี, คดีการขายทอดตลาดในราคาต่ำกว่าปกติ
ลำดับการนับโทษคดีอาญา, การนับโทษจำคุกต่อเนื่อง, การแก้ไขหมายจำคุก,
คำร้องงดการบังคับคดี, การเพิกถอนการบังคับคดี, การขายทอดตลาดทรัพย์สิน
ทรัพย์สินของแผ่นดิน, เงินอุดหนุนจากรัฐและการยกเว้นการอายัด, หน่วยงานของรัฐกับการบังคับคดี
ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ประธานขาดอายุความแล้วแต่ต้องบังคับคดีภายในสิบปี
ยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย, ค่าธรรมเนียมการยึดหรือการบังคับคดี, อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้รื้อถอนอาคาร
คำขอไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้, บังคับคดีลูกหนี้ตามคำพิพากษา, การยึดทรัพย์สินลูกหนี้
ขอให้เพิกถอนการบังคับคดี, ชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว
โจทก์ขอบังคับคดีค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในจำนวนที่มากกว่าเงินเหลือจากหักค่าใช้จ่าย
ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ออกหมายบังคับคดีได้
ขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนอง
สิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินที่โจทก์นำยึด(ร้องขัดทรัพย์)
ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี
ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด | ฟ้องขับไล่
เขตอำนาจศาลเรื่องคำร้องขัดทรัพย์
สิทธิขอกันส่วนที่ดินก่อนขายทอดตลาด เจ้าของรวม ขอให้ปล่อยทรัพย์
หากผู้กู้นำทรัพย์สินมาตีใช้หนี้แก่ผู้ให้กู้ในราคาท้องตลาดหนี้ระงับ
ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามี
การบังคับคดีอายัดเงินค่าหุ้นของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ
เงินเดือนข้าราชการไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีหรืออายัดไม่ได้จริงหรือไม่?
ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล ขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์
อายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้มีอำนาจขอให้บังคับคดีคือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
อายัดเงินฝากในบัญชีของจำเลย
บังคับจำนองเมื่อพ้น 10 ปีนับแต่มีคำพิพากษา