

ขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนอง ขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3655/2538 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคหนึ่ง ให้สิทธิแก่ผู้รับจำนองที่จะเลือกว่าให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายโดยปลอดจำนองแล้วนำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามหากผู้รับจำนองไม่ประสงค์จะใช้สิทธิบังคับจำนองก็อาจให้ขายทรัพย์นั้นโดยติดจำนองก็ได้ เพราะการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิจำนองซึ่งผู้รับจำนองอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 และในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์วรรคสองของมาตรา 289 ได้บัญญัติให้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องเสียก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดทั้งนี้เพื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการไปได้โดยถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนองการที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดจึงหาเป็นเหตุให้ผู้ร้องหมดสิทธิในฐานะผู้รับจำนองไปไม่เมื่อเอาทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองแล้วก็จะต้องชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 732 คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความแต่จำเลยทั้งสองมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 35778 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยประกันหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้แก่ผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2532 โจทก์เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 460,000 บาท ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้จำนองได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2533 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นให้ยกคำร้องผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามคำร้องโจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำร้องตามที่ผู้ร้องยื่นต่อศาลมานี้ผู้ร้องยื่นขอต่อศาลเพื่อให้เอาเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้ของผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ อันเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคสอง ซึ่งตามบทกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาด ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องมายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้ก่อนโดยยื่นในวันที่ 25 มกราคม 2533 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองแล้วจึงเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมาย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิขอให้เอาเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้จำนองของผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้รายอื่นพิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้อง โจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ต่างยื่นคำร้องว่าโจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ได้ขอรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีอ้างว่าต้องสอบถามผู้ร้องก่อนการที่ผู้ร้องมิได้ขอรับชำระหนี้จำนองก่อนนำที่ดินจำนองออกขายทอดตลาดสิทธิที่ผู้ร้องที่จะได้รับเงินจากการขายทอดตลาดได้สิ้นสุดลงแล้วการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการประวิงการจ่ายเงินแก่โจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดแก่โจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ตามส่วน ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยปลอดการจำนองก่อนที่ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในฐานะผู้รับจำนองเป็นการไม่ชอบและการที่ผู้ร้องแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินโดยปลอดการจำนองมิใช่เป็นการปลดจำนองสัญญาจำนองไม่ระงับผู้ร้องยังมีฐานะเป็นผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองก่อนโจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ขอให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองชำระหนี้จำนองส่วนของผู้ร้องก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โจทก์และผู้ร้องขอเฉลี่ยหนี้ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองหมดสิทธิในเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินจำนองหรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง บัญญัติว่า"ถ้าบุคคลใดชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านั้นได้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับได้ก็ดีหรืออาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิ์ก็ดีบุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นๆตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในกรณีที่อาจบังคับเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุดผู้รับจำนองจะมีคำขอดังกล่าวข้างต้นให้เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุดก็ได้ ในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์หรือบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์อันได้ไปจดทะเบียนไว้นั้นให้ยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดส่วนในกรณีอื่นๆให้ยื่นคำร้องขอเสียก่อนส่งคำบอกกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 319" บทบัญญัติดังกล่าวในวรรคหนึ่งให้สิทธิแก่ผู้รับจำนองที่จะเลือกว่าให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายโดยปลอดจำนองแล้วนำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นก็ได้แต่อย่างไรก็ตามหากผู้รับจำนองไม่ประสงค์จะใช้สิทธิบังคับจำนองก็อาจให้ขายทรัพย์นั้นโดยติดจำนองก็ได้เพราะการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิจำนองซึ่งผู้รับจำนองอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 และในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์ วรรคสองของมาตรา 289 ได้บัญญัติให้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องเสียก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดทั้งนี้เพื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการไปได้โดยถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนองการที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดจึงหาเป็นเหตุให้ผู้ร้องหมดสิทธิในฐานะผู้รับจำนองไปไม่ นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 732 ยังได้บัญญัติไว้ด้วยว่าทรัพย์สินซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินเป็นจำนวนสุทธิเท่าใดให้จัดใช้แก่ผู้รับจำนองก่อนด้วย ฉะนั้นเมื่อเอาทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองแล้วก็จำต้องชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก่อน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาชอบแล้ว พิพากษายืน
|