

จำเลยมีสิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, โจทก์มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้แม้ยังเป็นชื่อผู้จัดการมรดก, การยึดทรัพย์มรดก, การบังคับคดี ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ จำเลยมีสิทธิรับมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง, โจทก์มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้แม้ยังเป็นชื่อผู้จัดการมรดก, การยึดทรัพย์มรดก, การบังคับคดี *ศาลฎีกาพิพากษาให้ที่ดินมรดกของนางทองเจียด ซึ่งยังไม่ได้แบ่งแก่ทายาท ถูกยึดและขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำร้องของโจทก์ โดยยืนยันสิทธิของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการดำเนินการ แม้ที่ดินจะอยู่ในชื่อผู้จัดการมรดก *ศาลฎีกาวินิจฉัยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิยึดที่ดินมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งของนางทองเจียด ซึ่งเป็นสิทธิของจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรม 1 ใน 3 ส่วน เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา แม้ที่ดินดังกล่าวจะจดทะเบียนในชื่อผู้จัดการมรดก ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น และพิพากษากลับตามศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10756/2558 โจทก์ยื่นคำร้องขอยึดที่ดินแปลงพิพาทอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของ ท. ที่ตกทอดแก่ ธ. จำเลยและ ศ. จำเลยยื่นคำคัดค้านเพียงว่าจำเลยไม่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีอำนาจยึดที่ดินพิพาท จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกของ ท. จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของ ท. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 (1) มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินพิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง ธ. เป็นผู้จัดการมรดกของ ท. มีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องทำการอันจำเป็นเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกของ ท. แก่ทายาทตามมาตรา 1719 และต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 แม้ที่ดินพิพาท ธ. ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ท. จะจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของ ธ. เจ้าพนักงานบังคับคดีก็มีสิทธิยึดมาบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ได้
*คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 320,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 สิงหาคม 2552) ย้อนหลังไป 5 ปี และนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ****โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ไม่มีอำนาจยึดที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากไม่มีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 151 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิขอให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 151 ดังกล่าวเพื่อบังคับคดีหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอยึดที่ดินแปลงพิพาทอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของนางทองเจียดที่ตกทอดแก่นายธวัชชัย จำเลยและนางสาวศิริพร จำเลยยื่นคำคัดค้านเพียงว่าจำเลยไม่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีอำนาจยึดที่ดินแปลงพิพาท จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนางทองเจียดที่ตกทอดได้แก่จำเลยและบุตรอีก 2 คน ของนางทองเจียด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 (3) จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของนางทองเจียดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 (1) มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินโฉนดพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง มาตรา 1600 และตามมาตรา 1745 บัญญัติว่า "ถ้ามีทายาทหลายคน ทายาทเหล่านั้นมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้แบ่งมรดกกันเสร็จแล้วและให้ใช้มาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 แห่งประมวลกฎหมายนี้บังคับเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติแห่งบรรพนี้" มาตรา 1746 บัญญัติว่า "ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย หรือข้อความในพินัยกรรมถ้าหากมี ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นทายาทด้วยกันมีส่วนเท่ากันในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง" ในเบื้องต้นต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทยังไม่ได้แบ่งแก่ทายาทของนางทองเจียด เจือสมคำร้องของนายธวัชชัยที่ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางทองเจียด ที่ระบุว่า ทายาทของนางทองเจียดมี 3 คน รวมทั้งจำเลย เมื่อนายธวัชชัยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกของนางทองเจียด นายธวัชชัยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องทำการอันจำเป็นเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกของนางทองเจียดแก่ทายาทตามมาตรา 1719 และต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 ในลักษณะตัวแทน ทั้งไม่มีอำนาจทำนิติกรรมซึ่งตนมีส่วนได้เสีย เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกซึ่งผลอาจจะเป็นโมฆะตามมาตรา 1722 และหากฝ่าฝืนอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ในเบื้องต้นจึงต้องฟังว่า จำเลยมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินพิพาท 1 ใน 3 ส่วน เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจที่จะยึดทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่า จำเลยมีสิทธิได้รับจากที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนางทองเจียด เพื่อบังคับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 วรรคหนึ่ง แม้ที่ดินพิพาทนายธวัชชัยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางทองเจียดจะจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของนายธวัชชัย เจ้าพนักงานบังคับคดีก็มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ส่วนทายาทอื่นของนางทองเจียดจะคัดค้านอย่างไรก็ต้องมาดำเนินการภายหลังที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทเพื่อบังคับขายทอดตลาดแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์ 5,000 บาท ***บทความเรื่อง: อำนาจและบทบาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการดำเนินการตามหมายบังคับคดี เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้รับมอบอำนาจในฐานะเจ้าพนักงานศาล เพื่อดำเนินการบังคับคดีตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี โดยกระบวนการนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้การบังคับตามคำพิพากษาเป็นไปอย่างถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย และสอดคล้องกับบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดี ตามบทบัญญัติในลักษณะ 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในหมายบังคับคดีอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ หรือดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การดำเนินการทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่ศาลกำหนด เจ้าพนักงานบังคับคดียังสามารถเรียกให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ เช่น การให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือการสนับสนุนในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อกำหนดในการดำเนินการบังคับคดี คำสั่งหรือการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีทุกขั้นตอนจะต้องมีเหตุผลหรือคำชี้แจงที่ชัดเจน เพื่อให้ทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้าใจถึงเหตุผลในการปฏิบัติงาน เช่น การอธิบายเหตุผลของการยึดทรัพย์ การกำหนดราคาประเมินทรัพย์สิน หรือการเลือกวิธีการบังคับคดี ความสำคัญของการปฏิบัติตามบทบัญญัติ การดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม ช่วยสร้างความมั่นใจแก่คู่ความทั้งสองฝ่าย และป้องกันข้อพิพาทเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการบังคับคดี นอกจากนี้ ยังเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล บทสรุป เจ้าพนักงานบังคับคดีมีบทบาทสำคัญในการทำให้กระบวนการบังคับคดีเป็นไปตามหมายบังคับคดีและบทบัญญัติของกฎหมาย โดยคำสั่งทุกคำสั่งต้องมีเหตุผลและคำชี้แจงที่ชัดเจน พร้อมทั้งสามารถประสานงานกับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของระบบกฎหมายไทยในการรักษาความยุติธรรมและความโปร่งใสในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม คำถาม 1: โจทก์สามารถยึดที่ดินแปลงพิพาทเพื่อบังคับคดีได้หรือไม่ และด้วยเหตุผลใด? คำตอบ: โจทก์สามารถยึดที่ดินแปลงพิพาทได้ เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกที่ตกทอดจากนางทองเจียด และจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมรดก 1 ใน 3 ส่วน แม้ที่ดินจะถูกจดทะเบียนในชื่อผู้จัดการมรดก แต่เจ้าพนักงานบังคับคดียังคงมีสิทธิยึดทรัพย์เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยอ้างอิงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 วรรคหนึ่ง คำถาม 2: จำเลยคัดค้านการยึดที่ดินโดยอ้างเหตุใด และศาลวินิจฉัยอย่างไร? คำตอบ: จำเลยคัดค้านว่าไม่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงไม่มีอำนาจถูกยึดที่ดินดังกล่าว แต่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าที่ดินเป็นทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรม โดยผู้จัดการมรดกมีหน้าที่แบ่งปันทรัพย์ให้แก่ทายาท และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ได้ตามกฎหมาย แม้ที่ดินจะจดทะเบียนในชื่อผู้จัดการมรดกก็ตาม
|