

ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ประธานขาดอายุความแล้วแต่ต้องบังคับคดีภายในสิบปี ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ประธานขาดอายุความแล้วแต่ต้องบังคับคดีภายในสิบปี
บทความเรื่อง: ความรู้เกี่ยวกับการบังคับจำนองและอายุความในการฟ้องร้อง ประเด็นที่ 1. การบังคับจำนองคืออะไร การบังคับจำนอง คือ การใช้สิทธิตามกฎหมายที่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองสามารถบังคับเอาทรัพย์สินที่ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้นำมาจำนองไว้เพื่อประกันการชำระหนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลง เจ้าหนี้มีสิทธินำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระหนี้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำนองคือ: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702: ระบุว่า การจำนองคือการประกันหนี้โดยใช้ทรัพย์สินของลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกเป็นหลักประกัน โดยทรัพย์สินนั้นจะต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนดให้จำนองได้ ประเด็นที่ 2. การฟ้องบังคับจำนองมีอายุความอย่างไร การฟ้องบังคับจำนองต้องทำภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในการบังคับจำนองอาจถูกจำกัด ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอายุความ: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27: การฟ้องบังคับจำนองไม่ถูกจำกัดด้วยอายุความของหนี้หลัก แต่การเรียกเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี ไม่สามารถทำได้ •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: การร้องขอบังคับคดีตามคำพิพากษาต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ประเด็นที่ 3. การเรียกเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่าห้าปีในการฟ้องร้องบังคับจำนองมีหลักเกณฑ์อย่างไร ตามกฎหมาย ดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปีไม่สามารถเรียกร้องได้ แม้ว่าหนี้หลักจะยังไม่หมดสิทธิในการฟ้องร้องบังคับจำนอง ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27: กำหนดให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกิน 5 ปีนับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระไม่สามารถเรียกเอาได้ •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีดังนี้: คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567: ผู้รับจำนองยังมีสิทธิบังคับจำนองได้ แต่ไม่สามารถเรียกเอาดอกเบี้ยที่เกิน 5 ปีได้ตามมาตรา 193/27 ประเด็นที่ 4. การบังคับคดีภายในสิบปีหมายความว่าอย่างไร การบังคับคดีภายในสิบปี หมายถึง ระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถยื่นคำร้องขอให้บังคับคดีได้ โดยนับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษา ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: ระบุว่า การบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปี หากเกินระยะเวลาดังกล่าว การบังคับคดีจะไม่สามารถดำเนินการได้ •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องคือ: คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2557: การบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่คำพิพากษา มิฉะนั้นสิทธิในการบังคับคดีจะสิ้นไป ประเด็นที่ 5. การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีหลักเกณฑ์อย่างไร การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความสามารถทำได้โดยอ้างอิงจากข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายทำไว้ในศาล และต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138: การประนีประนอมยอมความที่ศาลให้ความเห็นชอบมีผลเสมือนคำพิพากษา •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2560: ระบุว่า หากลูกหนี้ผิดนัดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจ้าหนี้สามารถยื่นบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี ประเด็นที่ 6. อายุความในการบังคับคดีนับอย่างไร อายุความในการบังคับคดีนับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุด (คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ไม่มีการอุทธรณ์ หรือคำพิพากษาศาลฎีกา) และต้องดำเนินการภายใน 10 ปี ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: การร้องขอบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปี ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องคือ 1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 ประเด็นคือ: เจ้าหนี้ยื่นบังคับคดีล่าช้ากว่า 10 ปีหลังจากวันผิดนัดชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลวินิจฉัยว่าแม้สิทธิจำนองยังคงอยู่ แต่โจทก์หมดสิทธิบังคับคดี 2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2557 ประเด็นคือ: การบังคับคดีภายใน 10 ปีเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย แม้เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิจำนอง หากพ้นระยะเวลา 10 ปี ศาลจะยกคำร้อง 3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2560
ประเด็นคือ: การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่วันผิดนัด หากเกินระยะเวลา สิทธิในการบังคับคดีจะสิ้นไป
***คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดหรือไม่ เห็นว่าหากเจ้าหนี้ประสงค์บังคับตามสิทธิก็ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลเพราะเหตุถูกลูกหนี้โต้แย้งสิทธิ และเมื่อคดีเข้าสู่ศาล กระบวนพิจารณาก็ต้องบังคับตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิแพ่ง ซึ่งการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง คือมีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดในคดีนั้น คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ และจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่นั้นแล้ว การร้องขอให้บังคับคดีโดยการยึดทรัพย์สินจำนองจึงต้องกระทำในระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ แต่โจทก์เพิ่งยื่นคำขอฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินจำนองของจำเลยล่วงพ้นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 แล้ว จึงมีผลเพียงทำให้โจทก์หมดสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินจำนองของจำเลย แต่ทรัพยสิทธิจำนองยังคงอยู่ และโจทก์สามารถใช้ยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองต่อไปได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 ผู้รับจำนองซึ่งทรงทรัพยสิทธิจำนองย่อมมีสิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ที่ประกันหรือสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความ เพียงแต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่าห้าปีไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/27 และ 745 แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายสารบัญญัติ เมื่อคดีเข้าสู่ศาล กระบวนพิจารณาก็ต้องบังคับตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. ดังนั้น เมื่อ ป.วิ.พ. ภาค 4 ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง มาตรา 274 บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งหมายถึงตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดในคดีนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ และจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่งวดแรกวันที่ 30 มิถุนายน 2543 ดังนี้ การร้องขอให้บังคับคดีโดยการยึดทรัพย์สินจำนองจึงต้องกระทำภายในสิบปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว โจทก์ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินจำนองของจำเลยล่วงพ้นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 แล้ว โจทก์จึงสิ้นสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินจำนองของจำเลย อย่างไรก็ตาม ทรัพยสิทธิจำนองยังคงอยู่ และโจทก์สามารถใช้ยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองต่อไปได้ คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมโดยจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องเป็นเงิน 1,564,537.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,509,373.07 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนทุกเดือนภายในวันสิ้นเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 19,500 บาท เริ่มงวดแรกในวันสิ้นเดือนมิถุนายน 2543 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้จำเลยจะต้องชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นภายในเวลา 3 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 325 ทรัพย์จำนองของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า ตรวจสอบแล้วคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 และโจทก์แถลงว่าจำเลยไม่เคยชำระหนี้ ดังนั้น นับแต่วันผิดนัดชำระหนี้ (วันที่ 1 กรกฎาคม 2543) จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว คดีจึงพ้นระยะเวลาบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่อาจบังคับคดีหรือยึดทรัพย์ตามคำร้องได้ ยกคำร้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การบังคับคดีจะต้องกระทำภายใน 10 ปี คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 325 อันเป็นทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดหรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า สิทธิจำนองเป็นทรัพยสิทธิจะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อมีกรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 (1) ถึง (6) ดังนี้ ผู้รับจำนองซึ่งทรงทรัพยสิทธิจำนองย่อมมีสิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ที่ประกันหรือสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความ เพียงแต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้ ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27 และมาตรา 745 บัญญัติไว้ แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ซึ่งกำหนดสิทธิและหน้าที่แก่คู่กรณีที่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน โดยหากเจ้าหนี้ประสงค์บังคับตามสิทธิก็ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลเพราะเหตุถูกลูกหนี้โต้แย้งสิทธิ ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 อันเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติคือกฎหมายวิธีพิจารณาความบัญญัติไว้ และเมื่อคดีเข้าสู่ศาล กระบวนพิจารณาก็ต้องบังคับตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง มาตรา 274 บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งหมายถึงตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดในคดีนั้น สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ และจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่งวดแรกวันที่ 30 มิถุนายน 2543 ดังนี้ การร้องขอให้บังคับคดีโดยการยึดทรัพย์สินจำนองจึงต้องกระทำในระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการบังคับคดีที่ต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายวิธีพิจารณาความ แต่โจทก์เพิ่งยื่นคำขอฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินจำนองของจำเลยล่วงพ้นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 แล้ว จึงมีผลเพียงทำให้โจทก์หมดสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินจำนองของจำเลยในคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทรัพยสิทธิจำนองยังคงอยู่ และโจทก์สามารถใช้ยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนมานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ • ระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี • สิทธิจำนองหมดอายุ • ดอกเบี้ยจำนองเกิน 5 ปี • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 • การบังคับคดีทรัพย์สินจำนอง • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27 • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 • เหตุระงับสิทธิจำนอง มาตรา 744 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 (สรุป) ผู้รับจำนองซึ่งมีสิทธิจำนองยังคงมีสิทธิบังคับจำนองได้ แม้ว่าหนี้ที่ประกันจะขาดอายุความ แต่การบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปีไม่สามารถทำได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/27 และ 745 อย่างไรก็ตาม การบังคับคดีต้องดำเนินการภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 274 ในกรณีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 และจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่งวดแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2543 โจทก์ยื่นคำขอบังคับคดียึดทรัพย์สินจำนองเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเกินระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 ส่งผลให้โจทก์หมดสิทธิบังคับคดีต่อทรัพย์สินจำนองดังกล่าว แม้โจทก์หมดสิทธิบังคับคดี แต่สิทธิจำนองยังคงอยู่ และสามารถใช้ยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองได้ คำพิพากษา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ. **หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27 บัญญัติว่า การบังคับคดีเพื่อเรียกเอาดอกเบี้ยในกรณีที่หนี้ได้ขาดอายุความแล้ว ผู้มีสิทธิบังคับจำนองไม่อาจเรียกเอาดอกเบี้ยเกินกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย การกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการเรียกดอกเบี้ยในกรณีที่หนี้ขาดอายุความ แต่สิทธิจำนองในตัวทรัพย์ยังคงอยู่ มาตรา 744 (1)-(6) กำหนดเหตุที่ทำให้สิทธิจำนองระงับสิ้นไป ดังนี้: (1) ทรัพย์สินที่จำนองถูกทำลายหรือสูญหาย (2) ลูกหนี้ชำระหนี้ที่จำนองประกันครบถ้วน (3) เจ้าหนี้ผู้รับจำนองสละสิทธิจำนอง (4) ข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่ทำให้สิทธิจำนองระงับ (5) ระยะเวลาแห่งการจำนองสิ้นสุดลงตามที่กำหนดไว้ในสัญญา (6) เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ที่จำนองและขายทอดตลาด ในกรณีนี้ สิทธิจำนองยังไม่ระงับสิ้น เพราะไม่มีเหตุระงับตามมาตรา 744 แต่อย่างใด มาตรา 745 ระบุว่า แม้สิทธิจำนองยังคงอยู่ แต่การเรียกดอกเบี้ยจะถูกจำกัดตามมาตรา 193/27 คือเรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย 2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 กำหนดให้การบังคับตามสิทธิทางกฎหมายต้องทำโดยการยื่นฟ้องต่อศาล หากเกิดกรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือมีการโต้แย้งจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น กรณีลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้ ผู้มีสิทธิต้องใช้กระบวนการฟ้องร้องเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งบังคับ มาตรา 274 ระบุว่า การร้องขอบังคับคดีต้องทำภายในระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในการบังคับคดีจะระงับ แม้สิทธิจำนองในตัวทรัพย์ยังคงอยู่ การกำหนดระยะเวลานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความแน่นอนในกระบวนการบังคับคดี การประยุกต์ใช้ในกรณีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 1.สิทธิจำนองไม่ระงับ: โจทก์ยังมีสิทธิจำนองตามที่กำหนดในมาตรา 744 แต่ไม่สามารถบังคับคดีต่อทรัพย์จำนองได้เพราะยื่นคำร้องบังคับคดีพ้นระยะเวลา 10 ปีที่กำหนดในมาตรา 274 2.ข้อจำกัดเรื่องดอกเบี้ย: แม้สิทธิจำนองยังอยู่ แต่โจทก์ไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยที่ค้างเกินกว่า 5 ปีได้ ตามมาตรา 193/27 และ 745 3.ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายสารบัญญัติและวิธีสบัญญัติ: มาตรา 55 ของ ป.วิ.พ. กำหนดให้ใช้กระบวนการฟ้องร้องในศาลเพื่อบังคับสิทธิจำนอง และเมื่อมีคำพิพากษาแล้ว ต้องปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดในมาตรา 274 เพื่อดำเนินการบังคับคดี สรุป •สิทธิจำนองยังคงอยู่: แม้โจทก์หมดสิทธิยื่นบังคับคดี แต่ยังสามารถใช้สิทธิจำนองยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์จำนองได้ •การบังคับคดีต้องอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด: การร้องขอบังคับคดีที่เกิน 10 ปี จะไม่สามารถดำเนินการได้ แม้สิทธิจำนองยังไม่ระงับ การอธิบายหลักกฎหมายดังกล่าวช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเจตนารมณ์และขอบเขตของสิทธิและหน้าที่ในกรณีจำนองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น บทความ: ความรู้เกี่ยวกับการบังคับจำนองและอายุความในการฟ้องร้อง 1. การบังคับจำนองคืออะไร การบังคับจำนอง คือ การใช้สิทธิตามกฎหมายที่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองสามารถบังคับเอาทรัพย์สินที่ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้นำมาจำนองไว้เพื่อประกันการชำระหนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลง เจ้าหนี้มีสิทธินำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระหนี้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702: ระบุว่า การจำนองคือการประกันหนี้โดยใช้ทรัพย์สินของลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกเป็นหลักประกัน โดยทรัพย์สินนั้นจะต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนดให้จำนองได้ 2. การฟ้องบังคับจำนองมีอายุความอย่างไร การฟ้องบังคับจำนองต้องทำภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในการบังคับจำนองอาจถูกจำกัด ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27: การฟ้องบังคับจำนองไม่ถูกจำกัดด้วยอายุความของหนี้หลัก แต่การเรียกเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี ไม่สามารถทำได้ •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: การร้องขอบังคับคดีตามคำพิพากษาต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา 3. การเรียกเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่าห้าปีในการฟ้องร้องบังคับจำนองมีหลักเกณฑ์อย่างไร ตามกฎหมาย ดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปีไม่สามารถเรียกร้องได้ แม้ว่าหนี้หลักจะยังไม่หมดสิทธิในการฟ้องร้องบังคับจำนอง ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27: กำหนดให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกิน 5 ปีนับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระไม่สามารถเรียกเอาได้ •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: oคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567: ผู้รับจำนองยังมีสิทธิบังคับจำนองได้ แต่ไม่สามารถเรียกเอาดอกเบี้ยที่เกิน 5 ปีได้ตามมาตรา 193/27 4. การบังคับคดีภายในสิบปีหมายความว่าอย่างไร การบังคับคดีภายในสิบปี หมายถึง ระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถยื่นคำร้องขอให้บังคับคดีได้ โดยนับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษา ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: ระบุว่า การบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปี หากเกินระยะเวลาดังกล่าว การบังคับคดีจะไม่สามารถดำเนินการได้ •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: oคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2557: การบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่คำพิพากษา มิฉะนั้นสิทธิในการบังคับคดีจะสิ้นไป 5. การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีหลักเกณฑ์อย่างไร การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความสามารถทำได้โดยอ้างอิงจากข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายทำไว้ในศาล และต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138: การประนีประนอมยอมความที่ศาลให้ความเห็นชอบมีผลเสมือนคำพิพากษา •คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: oคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2560: ระบุว่า หากลูกหนี้ผิดนัดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจ้าหนี้สามารถยื่นบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี 6. อายุความในการบังคับคดีนับอย่างไร อายุความในการบังคับคดีนับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุด (คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ไม่มีการอุทธรณ์ หรือคำพิพากษาศาลฎีกา) และต้องดำเนินการภายใน 10 ปี ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: •ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274: การร้องขอบังคับคดีต้องทำภายใน 10 ปี ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง 1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2567 oประเด็น: เจ้าหนี้ยื่นบังคับคดีล่าช้ากว่า 10 ปีหลังจากวันผิดนัดชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลวินิจฉัยว่าแม้สิทธิจำนองยังคงอยู่ แต่โจทก์หมดสิทธิบังคับคดี 2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2557 oประเด็น: การบังคับคดีภายใน 10 ปีเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย แม้เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิจำนอง หากพ้นระยะเวลา 10 ปี ศาลจะยกคำร้อง 3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2560
oประเด็น: การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำภายใน 10 ปีนับแต่วันผิดนัด หากเกินระยะเวลา สิทธิในการบังคับคดีจะสิ้นไป ![]() |