

คำร้องงดการบังคับคดี, การเพิกถอนการบังคับคดี, การขายทอดตลาดทรัพย์สิน ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ คำร้องงดการบังคับคดี, การเพิกถอนการบังคับคดี, การขายทอดตลาดทรัพย์สิน ศาลฎีกาชี้การขายทอดตลาดทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิจารณาว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 4 โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลชั้นต้นและเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีหน้าที่งดการขายทรัพย์ตามคำร้องของจำเลยทั้งสี่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ศาลยกคำร้องงดการบังคับคดี เห็นว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องงดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสี่ไม่มีเหตุสมควรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 และการขายทอดตลาดทรัพย์สินเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีเหตุต้องเพิกถอนหรืองดการบังคับคดี. จำเลยที่ 2 ฎีกาอ้างว่าคำร้องเพิกถอนการบังคับคดีและคำร้องงดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคหนึ่งและวรรคสาม ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องงดการบังคับคดีระหว่างศาลไต่สวน แต่ตามมาตรา 295 วรรคสาม ระบุว่าผู้ร้องสามารถขอให้งดการบังคับคดีได้ แต่ไม่ได้บังคับให้ศาลต้องสั่งงด การตัดสินขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลเป็นรายกรณี ในกรณีนี้ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยทั้งสี่ เนื่องจากไม่มีเหตุสมควรงดการบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายตามมาตรา 289 หรือมาตรา 290 การขายทอดตลาดทรัพย์สินจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุต้องเพิกถอนการขายทอดตลาด ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาอ้างว่า คำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีกับคำร้องของดการบังคับคดีที่จำเลยทั้งสี่ยื่นต่อศาลชั้นต้นถือเป็นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคหนึ่งและวรรคสาม ซึ่งชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดี นั้น เมื่อพิจารณา ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคสาม บัญญัติว่า "การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองอาจกระทำได้ไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องต้องมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากได้ทราบเรื่องบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมายนั้นแล้ว หรือต้องมิได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น และในกรณีเช่นว่านี้ผู้ยื่นคำร้องจะขอต่อศาลในขณะเดียวกันนั้น ให้มีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้" บทบัญญัติดังกล่าวในตอนท้ายอันเกี่ยวกับการที่ผู้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีจะขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ก็ได้ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดคำร้อง มิได้เป็นบทบังคับศาลให้ต้องมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างพิจารณาคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีแต่ประการใด การพิจารณาว่าในระหว่างนั้นมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีหรือไม่ ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาสั่งตามดุลพินิจที่เห็นสมควรเป็นรายกรณีไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสี่ว่า "ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีคำร้องนี้จึงตกไปในตัว" จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นยกคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นตามที่เห็นสมควร และเมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ ทั้งกรณีไม่ต้องด้วยเหตุใด ๆ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะงดการบังคับคดีไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 (1) ถึง (4) กับมาตรา 290 แล้ว การบังคับคดีและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 4 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปเพื่อบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้เป็นไปตามคำพิพากษาตามยอมจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุต้องเพิกถอนการขายทอดตลาด คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2567 คดีสืบเนื่องจากภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสี่รับผิดชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสี่เพิกเฉยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19421 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 4 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลแพ่งมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 โดยผู้ซื้อทรัพย์ประมูลซื้อทรัพย์ได้ในราคา 6,950,000 บาท
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานข้อเท็จจริงว่า การขายทอดตลาดนัดแรกในวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายไว้ก่อน เนื่องจากส่งประกาศขายทอดตลาดให้ผู้ซื้อเดิมไม่ครบระยะเวลาตามกฎหมาย ส่วนการขายนัดที่ 2 โจทก์มาดูแลการขายแต่ฝ่ายจำเลยกับผู้ซื้อเดิมไม่มา เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเริ่มต้นขายทรัพย์ในราคา 16,130,000 บาท ไม่มีผู้ใดเข้าสู้ราคาจึงเลื่อนไปขายต่อในนัดหน้า ครั้นนัดที่ 3 วันที่ 23 สิงหาคม 2562 ผู้แทนโจทก์มาดูแลการขาย ฝ่ายจำเลยกับผู้ซื้อเดิมทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา และผู้ซื้อทรัพย์ประมูลซื้อทรัพย์ได้ในราคา 6,950,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสี่ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2556 ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสี่รับผิดชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสี่เพิกเฉยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ต่อจากนั้นวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19421 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 4 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 และเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวรวม 4 นัด โดยผู้ซื้อทรัพย์ประมูลซื้อทรัพย์ได้ในราคา 6,950,000 บาท คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ฎีกาเพียงประการเดียวว่า คดีมีเหตุให้เพิกถอนการขายทอดตลาดหรือไม่ เห็นว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาอ้างว่า คำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีกับคำร้องของดการบังคับคดีฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ที่จำเลยทั้งสี่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคหนึ่ง ซึ่งต้องงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีตามมาตรา 295 วรรคสาม นั้น เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสาม ที่บัญญัติว่า "การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองอาจกระทำได้ไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องต้องมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากได้ทราบเรื่องบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมายนั้นแล้ว หรือต้องมิได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น และในกรณีเช่นว่านี้ผู้ยื่นคำร้องจะขอต่อศาลในขณะเดียวกันนั้นให้มีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้" บทบัญญัติดังกล่าวในตอนท้าย อันเกี่ยวกับการที่ผู้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีจะขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ก็ได้ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดคำร้อง มิได้เป็นบทบังคับศาลให้ต้องมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างพิจารณาคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีแต่ประการใด การพิจารณาว่าในระหว่างนั้นมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีหรือไม่ ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาสั่งตามดุลพินิจที่เห็นสมควรเป็นรายกรณีไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสี่ ฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ว่า "ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีคำร้องนี้จึงตกไปในตัว" จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นยกคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นตามที่เห็นสมควร และเมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ ทั้งกรณีไม่ต้องด้วยเหตุใด ๆ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 (1) ถึง (4) กับมาตรา 290 แล้ว การบังคับคดีและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 4 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปเพื่อบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้เป็นไปตามคำพิพากษาตามยอมจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่มีเหตุต้องเพิกถอนการขายทอดตลาดดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 8,000 บาท แทนผู้ซื้อทรัพย์ • การขายทอดตลาดทรัพย์สิน • การเพิกถอนการบังคับคดี • คำร้องงดการบังคับคดี • มาตรา 295 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง • เงื่อนไขการขายทอดตลาดตามกฎหมาย • ข้อพิพาทการขายทอดตลาด • หลักเกณฑ์การงดบังคับคดี • ฎีกาการขายทอดตลาดทรัพย์สิน สรุปคำพิพากษา (ย่อ): หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 4 เพื่อขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายทอดตลาด และมีการขายทอดตลาดสำเร็จในราคา 6,950,000 บาท จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขาย โดยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้งดการขายตามที่ยื่นคำร้อง แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกาโดยอ้างว่าคำร้องดังกล่าวควรงดการบังคับคดี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งงดการบังคับคดีอยู่ในดุลพินิจของศาล และการขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุให้เพิกถอนการขาย ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทนายความในชั้นฎีกา 8,000 บาท แก่ผู้ซื้อทรัพย์ ***หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289, มาตรา 290 และมาตรา 295 วรรคสาม 1.มาตรา 289 กำหนดเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถงดการบังคับคดีได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากศาล ได้แก่: (1) มีคำสั่งศาลหรือคำพิพากษาเพิกถอนคำบังคับ (2) ศาลมีคำสั่งระงับการบังคับคดีชั่วคราว (3) คู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงยุติการบังคับคดี (4) มีคำสั่งศาลหรือกฎหมายกำหนดให้ยกเว้นการบังคับคดี ในกรณีนี้ หากไม่มีเหตุที่เข้ากับมาตรา 289 เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป เช่นเดียวกับการขายทอดตลาดในคดีนี้ที่เป็นไปตามกระบวนการโดยชอบ 2.มาตรา 290 กล่าวถึงอำนาจของศาลในการสั่งงดการบังคับคดีเมื่อมีเหตุอันควร เช่น การบังคับคดีนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างไม่เป็นธรรม หรือมีเหตุอื่น ๆ ที่ศาลเห็นสมควร โดยผู้ร้องต้องแสดงเหตุที่เพียงพอในการงดการบังคับคดีไว้ oในคดีนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอของจำเลยไม่มีเหตุเพียงพอ และการบังคับคดีไม่มีข้อบกพร่อง จึงไม่มีคำสั่งงดการบังคับคดี 3.มาตรา 295 วรรคสาม บัญญัติว่า การยื่นคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดี ผู้ร้องสามารถขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการพิจารณาคำร้องได้ โดยศาลมีอำนาจพิจารณาตามดุลพินิจว่ามีเหตุสมควรที่จะงดการบังคับคดีหรือไม่ oในกรณีนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของจำเลยทั้งสี่ไม่เข้าข้อกำหนดของมาตรา 295 วรรคสาม จึงไม่มีคำสั่งงดการบังคับคดี
สรุป: มาตราเหล่านี้ให้ความชัดเจนถึงเหตุและกระบวนการที่ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีจะสามารถงดการบังคับคดีได้ โดยต้องอาศัยเหตุผลและพฤติการณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในคดีนี้ ศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการตามกระบวนการที่ชอบแล้ว และคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุที่เพียงพอตามที่กฎหมายบัญญัติ จึงไม่มีการงดหรือเพิกถอนการบังคับคดี **การเพิกถอนการบังคับคดีและคำร้องขอให้งดการบังคับคดีเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ใช้เมื่อมีความบกพร่องหรือความผิดพลาดในการบังคับคดี เพื่อให้ศาลพิจารณาแก้ไขหรือยุติการบังคับคดีที่ไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 วรรคสาม ผู้ยื่นคำร้องสามารถขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้ระหว่างการพิจารณาคำร้องได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าจะงดการบังคับคดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
|