

คำขอไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้, บังคับคดีลูกหนี้ตามคำพิพากษา, การยึดทรัพย์สินลูกหนี้
ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ • บังคับคดีลูกหนี้ตามคำพิพากษา • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 • สิทธิของเจ้าหนี้ในการบังคับคดี • การยึดทรัพย์สินลูกหนี้ • คำขอไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้ • ขั้นตอนการบังคับคดีตามกฎหมาย • เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สรุป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2567 ดังนี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 274 วรรคหนึ่ง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถขอให้มีการบังคับคดีได้หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โดยสามารถยื่นคำร้องฝ่ายเดียวต่อศาลขอให้ไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้ที่อาจมี เพื่อการบังคับคดีตามมาตรา 277 วรรคหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลไต่สวนทรัพย์สินลูกหนี้ก่อนที่จะมีการขอให้บังคับคดีได้ เมื่อในคดีนี้โจทก์ยังไม่ได้ยื่นคำขอบังคับคดี จึงไม่สามารถขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยเพื่อไต่สวนทรัพย์สินได้ ทั้งนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบหาทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับคดีต่อไป ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้จำเลยชำระเงินและดอกเบี้ย แต่จำเลยไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำบังคับ แต่เนื่องจากกฎหมายไม่ให้สิทธิศาลออกหมายเรียกลูกหนี้เพื่อไต่สวนทรัพย์สินในกรณีที่ยังไม่ได้ยื่นขอบังคับคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ยังไม่ยื่นขอบังคับคดีทำให้ไม่สามารถขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยเพื่อไต่สวนทรัพย์สินได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274, 275 และ 277 ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มีดังนี้: 1. มาตรา 274 กำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิร้องขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดี หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล โดยวิธีการบังคับคดีอาจรวมถึงการยึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือวิธีอื่น ๆ ภายในระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งเป็นการกำหนดสิทธิและเงื่อนไขที่เจ้าหนี้ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการที่ศาลกำหนด 2. มาตรา 275 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นคำขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลสั่งบังคับคดี โดยต้องระบุข้อมูลให้ชัดเจนเกี่ยวกับหนี้ที่ลูกหนี้ยังไม่ปฏิบัติตาม และวิธีการที่ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดี การยื่นคำขอฝ่ายเดียวนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้สามารถดำเนินการบังคับคดีได้ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษา 3. มาตรา 277 ในกระบวนการบังคับคดี หากเจ้าหนี้มีเหตุอันสมควรสงสัยว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินมากกว่าที่เจ้าหนี้ทราบ หรือไม่รู้ตำแหน่งของทรัพย์สิน หรือไม่แน่ใจว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของลูกหนี้หรือไม่ เจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้มีการไต่สวนเพื่อระบุทรัพย์สินนั้น ๆ บทบัญญัตินี้ช่วยให้เจ้าหนี้มีสิทธิติดตามทรัพย์สินที่อาจจะซ่อนเร้นหรือยังไม่ได้ระบุตำแหน่ง เพื่อใช้ในการบังคับคดีต่อไป สรุปสาระสำคัญ: มาตราเหล่านี้ช่วยกำหนดวิธีการและกระบวนการที่เจ้าหนี้ต้องปฏิบัติเมื่อประสงค์จะบังคับคดี หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา อย่างไรก็ดี กฎหมายไม่ได้ให้สิทธิเจ้าหนี้ขอให้ศาลไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีการยื่นขอให้บังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2567 ป.วิ.พ. มาตรา 274 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้มีการบังคับคดี หากลูกหนี้ตามคำพิพากษามิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษา ด้วยการยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวต่อศาลตามมาตรา 275 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ในการบังคับคดีดังกล่าว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจยื่นคำขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลทำการไต่สวนว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีมากกว่าที่ตนทราบ หรือมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีแต่ไม่ทราบว่าทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่หรือเก็บรักษาไว้ที่ใด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินใดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามมาตรา 277 วรรคหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายไม่ได้บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลทำการไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาก่อนมีการขอให้บังคับคดีได้ เมื่อคดีนี้ โจทก์ยังไม่ได้ยื่นคำขอต่อศาลให้มีการบังคับคดีจึงไม่อาจยื่นคำขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยได้ ทั้งยังเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบหาทรัพย์สินของจำเลย เพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไปด้วยตนเอง คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 8 มกราคม 2552 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558) ต้องไม่เกินที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอศาลออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบังคับ จำเลยลงชื่อรับคำบังคับไว้ด้วยตนเอง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกจำเลยในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษามาไต่สวนตามคำร้องลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า มีการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 หากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องที่จำเลยมีต่อบุคคลภายนอกเพื่อขายทอดตลาด และนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ แต่ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจศาลออกหมายเรียกลูกหนี้มาทำการไต่สวนได้ตามคำร้องของโจทก์ จึงให้ยกคำขอ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษามาเพื่อการไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีหน้าที่สืบทรัพย์ของจำเลยจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลออกหมายเรียกจำเลยมาไต่สวนได้ หากไม่เป็นผล โจทก์จึงค่อยดำเนินการขั้นตอนต่อไปโดยขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อไต่สวนสืบทรัพย์ของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคำสั่งให้ชําระหนี้ (ลูกหนี้ตามคําพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคําบังคับที่ออกตามคําพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชําระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคําพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคําพิพากษาหรือคำสั่ง..." มาตรา 275 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษาจะขอให้มีการบังคับคดี ให้ยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้บังคับคดีโดยระบุให้ชัดแจ้งซึ่ง (1) หนี้ที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษายังมิได้ปฏิบัติตามคําบังคับ (2) วิธีการที่ขอให้ศาลบังคับคดีนั้น" และมาตรา 277 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ในการบังคับคดี ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษามีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่าลูกหนี้ตามคําพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีมากกว่าที่ตนทราบ หรือมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีแต่ไม่ทราบว่าทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่หรือเก็บรักษาไว้ที่ใด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินใดเป็นของลูกหนี้ตามคําพิพากษาหรือไม่ เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาอาจยื่นคําขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคําร้องเพื่อให้ศาลทำการไต่สวนได้" บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้มีการบังคับคดีถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษา โดยการยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้บังคับคดีโดยระบุให้ชัดแจ้งซึ่ง (1) หนี้ที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษายังมิได้ปฏิบัติตามคําบังคับ (2) วิธีการที่ขอให้ศาลบังคับคดีนั้น ทั้งนี้ ในการบังคับคดีดังกล่าว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจยื่นคำขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลทำการไต่สวนว่าลูกหนี้ตามคําพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีมากกว่าที่ตนทราบ หรือมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดี แต่ไม่ทราบว่าทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่หรือเก็บรักษาไว้ที่ใด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินใดเป็นของลูกหนี้ตามคําพิพากษาหรือไม่ แต่กฎหมายหาได้บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลทำการไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาก่อนมีการขอให้บังคับคดีไม่ เมื่อโจทก์ยังมิได้ยื่นคำขอต่อศาลให้มีการบังคับคดีจึงไม่อาจยื่นคำขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยได้ ทั้งยังเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ต้องสืบหาทรัพย์สินของจำเลยเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไปด้วยตนเอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ |