ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567: รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้คนร้าย ใช้โอนเงินจากการฉ้อโกงประชาชน

1.ภาพหัวบทความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567 รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้คนร้าย ใช้โอนเงินจากการฉ้อโกงประชาชน 2.ภาพสำนักงานทนายความพีศิริ พร้อมข้อมูลการติดต่อและที่ตั้งสำนักงาน 3.ภาพทนายความลิ่นนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ผู้เขียนบทความกฎหมาย 4.หัวข้อบทความคดีเยาวชนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร ถูกนำไปใช้โอนเงินจากการฉ้อโกง 5.ภาพประกอบเนื้อหากฎหมายเกี่ยวกับการสนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนผ่านบัญชีธนาคาร

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารแล้วมอบสมุดบัญชีให้บุคคลอื่น ซึ่งถูกนำไปใช้โอนเงินจากการฉ้อโกงประชาชนผ่านเว็บไซต์ธนาคารปลอม ศาลเห็นว่าจำเลยแม้จะอ้างว่าถูกหลอกใช้ แต่พฤติการณ์แสดงให้เห็นถึงการเล็งเห็นผลและยินยอมให้คนร้ายใช้บัญชี จึงเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิด ลงโทษตามกฎหมายเยาวชนและสั่งคืนเงินแก่ผู้เสียหาย


สรุปข้อเท็จจริง

ผู้เสียหายที่ 2 ถูกคนร้ายส่งลิงก์เว็บไซต์ปลอมของธนาคารเพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวในระบบ “SCB Easy App”

เงิน 200,000 บาทจากบัญชีผู้เสียหายที่ 2 ถูกโอนต่อไปยังบัญชีของจำเลย และโอนต่อให้บุคคลอื่น

จำเลยอายุ 17 ปีเศษ รับจ้างเปิดบัญชี 2 บัญชี ได้ค่าจ้างบัญชีละ 400 บาท และมอบสมุดบัญชีให้ผู้อื่นใช้

มีป้ายเตือนในธนาคารว่าการรับจ้างเปิดบัญชีมีโทษทางกฎหมาย แต่จำเลยยังดำเนินการ

พยานหลักฐานชี้ว่าการกระทำเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อโกงออนไลน์ แบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

1. จำเลยไม่ใช่ตัวการร่วม แต่เป็นผู้สนับสนุน

แม้ฟ้องระบุว่าเป็นตัวการร่วม แต่ศาลพิจารณาแล้วเป็นเพียงการสนับสนุนคนร้าย ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญที่ต่างไปจนจำเลยเสียสิทธิในการต่อสู้

2. การรับจ้างเปิดบัญชีถือเป็นการเล็งเห็นผล

การเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดให้คนอื่นใช้ผิดปกติวิสัย เป็นพฤติการณ์ที่คาดหมายได้ว่าจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

3. ลงโทษตามกฎหมายเยาวชน

จำคุก 1 ปี ลดโทษครึ่งหนึ่งเพราะเป็นเยาวชน และลดอีกหนึ่งในสี่เพราะให้การเป็นประโยชน์ คงเหลือ 9 เดือน เปลี่ยนเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกเยาวชน 1–2 ปี

หากครบ 24 ปียังไม่ครบกำหนด ให้ส่งไปจำคุก 1 ปี

4. สั่งคืนเงินผู้เสียหาย

ให้คืนเงิน 200,000 บาทแก่ผู้เสียหายที่ 2


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. ฐานความผิด

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1), 343 วรรคสอง – ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น

มาตรา 86 – ผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

มาตรา 76, 78 – ลดโทษกรณีเยาวชนและให้การเป็นประโยชน์

พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 142 (1) – เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการฝึกอบรม

2. การเล็งเห็นผลและเจตนา

ศาลตีความว่าการเปิดบัญชีแล้วมอบให้บุคคลอื่นใช้ โดยได้ค่าจ้าง เป็นการยินยอมให้ใช้บัญชีในทางมิชอบ และย่อมคาดหมายได้ว่าจะนำไปใช้กระทำผิด

3. ขอบเขตของการสนับสนุน

แม้จำเลยไม่ใช่ผู้หลอกผู้เสียหายโดยตรง แต่การให้บัญชีใช้โอนเงินเป็นการช่วยเหลือโดยตรงต่อการฉ้อโกง


IRAC วิเคราะห์คดี

Issue (ประเด็นปัญหา)

จำเลยที่รับจ้างเปิดบัญชีและมอบสมุดให้ผู้อื่นใช้ จะต้องรับผิดฐานร่วมกระทำหรือสนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ)

ป.อ. มาตรา 342 (1), 343 วรรคสอง – ฉ้อโกงประชาชน

ป.อ. มาตรา 86 – ผู้สนับสนุน

ป.อ. มาตรา 76, 78 – บรรเทาโทษสำหรับเยาวชนและการให้การเป็นประโยชน์

พ.ร.บ. ศาลเยาวชนฯ มาตรา 142 – การฝึกอบรมแทนจำคุก

Application (การวิเคราะห์ข้อเท็จจริง)

จำเลยอ้างถูกหลอกให้เปิดบัญชี แต่พฤติการณ์ชี้ว่าทราบถึงความเสี่ยงและยอมให้ใช้บัญชีเพื่อรับโอนเงิน การเปิดบัญชีในลักษณะนี้เป็นการให้ความสะดวกแก่การกระทำผิด และเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อโกง แม้ไม่เป็นผู้ลงมือหลอกลวงแต่เป็นผู้สนับสนุนโดยตรง

Conclusion (ข้อสรุป)

จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ต้องรับโทษตามกฎหมายเยาวชนและคืนเงินแก่ผู้เสียหาย


ข้อคิดทางกฎหมาย

การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นใช้มีความผิดทางกฎหมาย แม้ไม่รู้รายละเอียดการกระทำผิดทั้งหมดก็ไม่พ้นผิด

ผู้เปิดบัญชีควรเก็บสมุดบัญชีและบัตร ATM ไว้กับตนเอง ห้ามให้ผู้อื่นใช้

ขบวนการฉ้อโกงออนไลน์มักแบ่งหน้าที่กันทำ ทำให้ผู้ที่ช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัวก็มีโทษได้


สรุปภาษาอังกฤษแบบย่อ

The Supreme Court Judgment No. 4920/2567 involves a 17-year-old defendant who was paid to open bank accounts and hand over the passbooks to others. These accounts were later used to transfer 200,000 baht obtained through an online banking scam. The Court ruled that this act constituted aiding and abetting a public fraud, as the defendant could foresee the illegal use of the accounts. The sentence was reduced under juvenile law, with detention replaced by training at a juvenile center, and the defendant was ordered to return the stolen funds.


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567


การรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลอื่นไปใช้เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยเล็งเห็นได้ว่า ค. อาจเป็นผู้รับจัดหาคนมาเปิดบัญชีให้คนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายอาจนำสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จำเลยจะอ้างว่าถูกหลอกใช้หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายได้รับประโยชน์จากบัญชีเงินฝากของจำเลยก่อนและขณะที่คนร้ายร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1, 83, 269/5, 269/7, 341, 342, 343 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 5, 7, 9, 14 ให้จำเลยคืนเงิน 200,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายที่ 2

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า นางสาวนฤมล ผู้เสียหายที่ 2 เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. ผู้เสียหายที่ 1 สาขาเอสพละนาด เลขที่บัญชี 404 - 095xxx - x พร้อมสมัครเข้าใช้งาน "SCB Easy App" ซึ่งการเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานมีการกำหนดชื่อและรหัสผ่าน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ผู้เสียหายที่ 2 ถูกคนร้ายร่วมกันหลอกลวงโดยแสดงตนเป็นผู้เสียหายที่ 1 จนผู้เสียหายที่ 2 หลงเชื่อว่าข้อความที่ได้รับจากคนร้ายทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ปรับปรุงข้อมูลธนาคารเป็นของผู้เสียหายที่ 1 จึงกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 หลังจากนั้นเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท ถูกโอนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน เลขที่บัญชี 345 - 2 - 52xxx - x และโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองบัญชี แล้วเงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนไปยังบัญชีเงินฝากของนางสาวอภิญญา ที่ธนาคาร ท. สาขาเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 เลขที่บัญชี 407 - 386xxx - x


คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือปลอม และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสดโดยมิชอบตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาโดยสรุปว่า ผู้เสียหายที่ 2 ถูกหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวในลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของธนาคาร ท. แล้วมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคาร ท. ของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท ไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. และถูกโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. ซึ่งทั้งสองบัญชีเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยที่รับจ้างเปิดบัญชีรับโอนเงิน ตามพฤติการณ์การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 ว่า วันเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 2 ได้รับลิงก์ข้อความ SMS ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 6971 xxxx ให้ปรับปรุงข้อมูลของธนาคาร ท. ซึ่งผู้เสียหายที่ 2 มีบัญชีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารดังกล่าว สาขาเอสพละนาด เมื่อกดลิงก์ข้อความเข้าไปพบเว็บไซต์มีภาพเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่ 1 จึงกรอกข้อมูลลงในเว็บไซต์ หลังจากนั้นเวลากลางคืนผู้เสียหายที่ 2 ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แจ้งว่ามีเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท จึงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน "SCB Easy" เพื่อตรวจสอบแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ และไม่สามารถติดต่อพนักงานของผู้เสียหายที่ 1 ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ วันรุ่งขึ้นผู้เสียหายที่ 2 โทรศัพท์สอบถามพนักงานของผู้เสียหายที่ 1 อีกครั้ง รับแจ้งว่าบัญชีเงินฝากถูกล็อกและมีเงินออกจากบัญชีผิดปกติ โดยมีร้อยตำรวจเอกกิติศักดิ์ พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 เบิกความเป็นพยานโจทก์ถึงลักษณะการกระทำความผิดของคนร้ายว่า ความผิดที่เกิดขึ้นมีผู้ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน 49 คน ผู้เสียหายที่ 2 เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น ผู้กระทำความผิดจะส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ถูกหลอกลวง เมื่อผู้ถูกหลอกลวงกดลิงก์ข้อความเข้าไปในเว็บไซต์และกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อปรับปรุงข้อมูลของธนาคาร ผู้กระทำความผิดจะนำข้อมูลไปเข้าใช้ระบบบัญชีเงินฝากทางอินเทอร์เน็ตของผู้ถูกหลอกลวงในเว็บไซต์ที่แท้จริงของธนาคาร จากนั้นจะถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวงโอนเข้าบัญชีที่ผู้กระทำความผิดเตรียมไว้ โดยลักษณะการกระทำความผิด กระทำกันเป็นขบวนการ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มจัดทำเว็บไซต์ปลอม กลุ่มที่สองเป็นผู้ว่าจ้างเปิดบัญชีเงินฝากและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวง และกลุ่มที่สามเป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินจากตู้ถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) นำเข้าบัญชีเงินฝากของผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการฝากเข้าตู้รับฝากเงินสด กลุ่มคนที่รับเงินไปเป็นชาวจีน (ไต้หวัน) และถูกเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลสายไหมจับกุมได้ ตามผลการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลแผนประทุษกรรมรายงานการสืบสวนการจับกุมผู้ต้องหา และเครือข่ายการกระทำผิดสอดคล้องเชื่อมโยงกับคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 และพยานเอกสาร จึงเชื่อว่าคนร้ายร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการและลงมือกระทำความผิดนับแต่มีการส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 ไปยังผู้เสียหายที่ 2 และผู้ถูกหลอกลวง และเป็นความผิดต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 และผู้ถูกหลอกลวงออกไปจากบัญชีและผ่านไปยังบัญชีของคนร้ายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สุดท้ายคือเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยคนร้ายใช้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคนร้ายเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับระบบ "SCB Easy Net" หรือแอปพลิเคชัน "SCB Easy App" ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 และเข้าถึงข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. สาขาเอสพละนาด เลขที่บัญชี 404 - 095xxx - x ของผู้เสียหายที่ 2 และข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. ของผู้ถูกหลอกลวงที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 อันเป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป มิได้มุ่งหมายเจาะจงหลอกลวงเฉพาะผู้เสียหายที่ 2 หรือผู้ถูกหลอกลวงคนหนึ่งคนใด แต่ขึ้นอยู่กับคนร้ายจะสุ่มได้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของลูกค้าธนาคาร ท. คนใดที่ปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของคนร้าย อันเป็นการร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือปลอมและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง และโจทก์มีพันตำรวจโทสืบสกุล พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง เบิกความประกอบข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน เลขที่บัญชี 345 - 2 - 52xxx - x และบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ซึ่งทั้งสองบัญชีเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยที่รับโอนเงิน 200,000 บาท จากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พบว่า ผู้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและเปิดใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 09 8464 xxxx มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 1 7302 0139x xx x ซึ่งเป็นหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยตามสำเนาข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีนางสาวนันธิยา พนักงานของผู้เสียหายที่ 1 เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 วันนั้นพยานปฏิบัติงานอยู่มีการตั้งป้ายข้อความว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีมีโทษทางกฎหมายและเมื่อตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากของจำเลย เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ตามรายการบัญชีออมทรัพย์ปรากฏว่าวันที่ 4 ธันวาคม 2563 เวลา 21.59 นาฬิกา ถึง 22.03 นาฬิกา มีรายการรับโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย 4 รายการ และในช่วงเวลา 22.42 นาฬิกา ถึง 22.45 นาฬิกา มีรายการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของจำเลย 3 รายการ ไปยังบัญชีเงินฝากของนางสาวอภิญญา ตามรายการบัญชีออมทรัพย์แต่พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยในการส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอม หรือใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายที่ 2 หรือจำเลยได้มอบบัตรถอนเงินสด (เอทีเอ็ม) ให้ผู้ใด คงได้ความเพียงว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นเพียงผู้เปิดบัญชีและมีเงินของผู้เสียหายที่ 2 ผ่านเข้าออกบัญชีของจำเลยเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอที่จะบ่งชี้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับคนร้ายมาตั้งแต่ต้นโดยแบ่งหน้าที่กันทำอันจะเป็นตัวการในการกระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏชัดว่า ในวันที่จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน มีการห้ามเปิดบัญชีรับจ้างด้วยป้ายข้อความว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีมีโทษทางกฎหมายอยู่ในตำแหน่งที่จำเลยผู้เปิดบัญชีมองเห็นได้ง่าย จำเลยก็อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความถึงสาเหตุที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. และบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. ว่า นางสาวแคท ไม่ทราบชื่อและชื่อสกุลจริง ขอให้ช่วยเปิดบัญชีแล้วจะให้เงิน จำเลยถูกหลอกจึงเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวโดยได้รับเงินมาบัญชีละ 400 บาท และมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้แก่นางสาวแคทไป คำเบิกความของจำเลยย่อมใช้ยันจำเลยได้และเจือสมพยานหลักฐานโจทก์ ถือว่าการเปิดบัญชีของจำเลยเป็นการรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากโดยได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทน ซึ่งปกติทั่วไปการเปิดบัญชีเงินฝากสำหรับฝากและเบิกถอนเงินนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ขอเปิดบัญชีในการทำธุรกรรมการเงินกับธนาคาร ผู้ขอเปิดบัญชีควรที่จะต้องเก็บสมุดบัญชีไว้กับตนเอง การรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลอื่นไปใช้เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยเล็งเห็นได้ว่านางสาวแคทอาจเป็นผู้รับจัดหาคนมาเปิดบัญชีให้คนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายอาจนำสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จำเลยจะอ้างว่าถูกหลอกใช้หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายได้รับประโยชน์จากบัญชีเงินฝากของจำเลยก่อนและขณะที่คนร้ายร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับคนร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิด อันมิใช่ข้อแตกต่างกันในสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง, 215 และมาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 182/1 วรรคสอง และโจทก์มีอำนาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 200,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน


 

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1), 343 วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นจำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง มีกำหนดขั้นต่ำ 1 ปี ขั้นสูง 2 ปี เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่มีความร้ายแรงและอายุของจำเลยขณะกระทำความผิด อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 142 วรรคท้าย หากจำเลยมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ยังควบคุมเพื่อฝึกอบรมยังไม่ครบกำหนดขั้นต่ำให้ส่งตัวจำเลยไปจำคุกในเรือนจำ มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 200,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 
1.สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567 ภาษาอังกฤษ คดีเยาวชนช่วยเปิดบัญชีธนาคารใช้ในคดีฉ้อโกงออนไลน์ 2.คำพิพากษาศาลฎีกา 4920/2567 คดีเยาวชนเปิดบัญชีให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โอนเงินหลอกลวง 3.สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษ คำพิพากษาศาลฎีกา 4920/2567 คดีฉ้อโกงประชาชนผ่านบัญชีม้า 4.คำพิพากษาฎีกา 4920/2567 จำเลยเยาวชนอายุ 17 ปี เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นใช้ในการหลอกลวง 5.บทสรุปคำพิพากษาฎีกา 4920/2567 ภาษาอังกฤษ คดีเปิดบัญชีธนาคารให้ใช้ในธุรกรรมผิดกฎหมาย 6.คดีบัญชีม้าออนไลน์ คำพิพากษาศาลฎีกา 4920/2567 และการลดโทษตามกฎหมายเยาวชน 7.คำพิพากษาฎีกา 4920/2567 คดีเปิดบัญชีธนาคารให้ใช้โอนเงินจากการหลอกลวงออนไลน์ 8.ภาพสรุปคำพิพากษาศาลฎีกา 4920/2567 คดีช่วยเหลือผู้อื่นฉ้อโกงประชาชน 9.สรุปคดีบัญชีม้า คำพิพากษาฎีกา 4920/2567 พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ 10.คดีเยาวชนช่วยผู้อื่นฉ้อโกงออนไลน์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567 และบทลงโทษ



การฉ้อโกงตามกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกา 2659/2567 – สรุปคดีฉ้อโกงออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก & ข้อมูลคอมพิวเตอร์เท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2567: คดีฉ้อโกงและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับประเด็นอำนาจศาลแขวง
คำพิพากษาศาลฎีกา 1093/2568 | คดีฉ้อโกงประชาชน ผ่านกลอุบายลงทุน แชร์ออนไลน์
ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, การหลอกลวงผ่านอีเมล
ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, คดีทนายความยื่นถอนฟ้อง, การแสดงพยานหลักฐานเท็จ