ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




หนังสือหย่าและตกลงแบ่งทรัพย์สินเมื่อยังไม่มีการหย่าใช้บังคับไม่ได้

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

หนังสือหย่าและตกลงแบ่งทรัพย์สินเมื่อยังไม่มีการหย่าใช้บังคับไม่ได้

คำฟ้องทางแพ่งไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโอน(ลักลอบโอน)โดยวิธีการอย่างไร ที่ไหนและเมื่อไร เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาจึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย สามีภริยาทำหนังสือหย่าและตกลงแบ่งทรัพย์สินแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการหย่าและไม่ได้แบ่งทรัพย์สินตามข้อตกลงถือไม่ได้ว่าได้หย่าขาดจากกันแล้วเพราะยังไม่ได้จดทะเบียนการหย่า ข้อตกลงเรื่องการหย่าและข้อตกลงเรื่องแบ่งทรัพย์สินเป็นข้อตกลงที่แยกจากกันไม่ได้ เมื่อยังไม่มีการหย่า ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาก็ใช้บังคับไม่ได้ ทรัพย์คงเป็นสินสมรสอยู่ตามเดิม ภริยามีสิทธิอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง ผู้รับโอนเป็นน้องเขยของสามี แสดงว่าผู้ซื้อและผู้ขายเป็นญาติที่ติดต่อใกล้ชิดกันเป็นพิเศษ ความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างสามีภริยาเป็นอย่างไรผู้ซื้อน่าจะทราบดี จึงฟังได้ว่าผู้ซื้อรับโอนที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสโดยไม่สุจริต และไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา ภริยาจึงมีอำนาจขอให้เพิกถอนนิติกรรมได้

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  269/2531 
 
   โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยทั้งสองคนทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจโอนและจำเลยที่ 2 รับโอนโดยไม่สุจริต ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโอนโดยวิธีการอย่างไร ที่ไหน และเมื่อไร เพราะเป็นรายละเอียดที่ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ทั้งโจทก์ได้ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่พิพาทให้แก่โจทก์คนเดียวกับมีคำขอบังคับให้
เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยทั้งสองกระทำลงโดยมิชอบ จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

          โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือหย่าและตกลงแบ่งทรัพย์สินกันโดยชอบ แต่ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกันแล้ว เพราะยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1515 แต่ข้อตกลงเรื่องการหย่าและข้อตกลงเรื่องแบ่งทรัพย์สินเช่นนี้เป็นข้อตกลงที่แยกจากกันไม่ได้เมื่อยังไม่มีการหย่า ทรัพย์สินนั้นคงเป็นสินสมรสอยู่ตามเดิม โจทก์อ้างไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทแต่ผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาแต่โดยที่โจทก์มีสิทธิในทรัพย์สินอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง ทั้งคำฟ้องบรรยายว่าจำเลยทั้งสองลักลอบโอนกรรมสิทธิ์ต่อกัน และแจ้งเท็จว่าจำเลยที่ 1 เป็นม่าย เท่ากับกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันโอนที่พิพาทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นคู่สมรสโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480วรรคสอง.
 
    โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงหย่าและทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งทรัพย์สินกัน โดยยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่ยอมจดทะเบียนหย่าและไม่ยอมมอบทรัพย์สินตามข้อตกลงให้โจทก์ แล้วได้ลักลอบโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าเป็นของโจทก์เป็นการรับโอนโดยไม่สุจริต ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่พิพาท แล้วโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน หากกระทำดังกล่าวไม่ได้ก็ให้ใช้ค่าที่ดิน

           จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องหย่าภายใน 1 ปี ข้อตกลงหย่าจึงไม่มีผลบังคับ ทั้งข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินที่สามีภริยาทำไว้ระหว่างเป็นสามีภริยา จำเลยที่ 1 ได้บอกล้างแล้ว สัญญาจึงสิ้นผล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

           จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

           ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับให้ตามฟ้อง
           จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

           ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
           จำเลยทั้งสองฎีกา

           ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยที่ 1 โอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยทั้งสองคนทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจโอนและจำเลยที่ 2 รับโอนโดยไม่สุจริตคำฟ้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องทางแพ่งไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโอน(ลักลอบโอน) โดยวิธีการอย่างไร ที่ไหนและเมื่อไร ดังที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ เพราะเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา โจทก์ได้ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่พิพาทให้แก่โจทก์คนเดียว และคำฟ้องดังกล่าวมีคำขอบังคับให้เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยทั้งสองกระทำลงโดยมิชอบ จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172

           ปัญหาว่า ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ใช้บังคับได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2520 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงหย่า ได้ทำหนังสือหย่าและตกลงแบ่งทรัพย์สินพิพาทให้แก่โจทก์ตามรายละเอียดเอกสารหมาย จ. 2 หลังจากทำเอกสารดังกล่าวแล้วจนกระทั่งถึง พ.ศ. 2524 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จดทะเบียนการหย่าและไม่ได้แบ่งทรัพย์สินตามข้อตกลง ปัญหานี้จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าเมื่อไม่มีการหย่า ข้อตกลงเรื่องแบ่งทรัพย์สินไม่อาจบังคับได้เห็นว่าตามเอกสารหมาย จ.2 แม้จะเป็นเอกสารที่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการหย่าโดยตกลงกันเอง ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกันแล้ว เพราะยังไม่ได้จดทะเบียนการหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1515 แต่ข้อตกลงเรื่องการหย่าและข้อตกลงเรื่องแบ่งทรัพย์สินเป็นข้อตกลงที่แยกจากกันไม่ได้ เมื่อยังไม่มีการหย่า ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาก็ใช้บังคับไม่ได้ จำเลยที่ 1 ไม่จำต้องบอกล้างอีก ทรัพย์คงเป็นสินสมรสอยู่ตามเดิม และโจทก์ก็อ้างไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทแต่ผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญา แม้โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ทรัพย์ดังกล่าวก็เป็นสินสมรส โจทก์มีสิทธิอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง ทั้งคำฟ้องบรรยายว่า จำเลยทั้งสองลักลอบโอนกรรมสิทธิ์ต่อกัน และแจ้งเท็จว่าจำเลยที่ 1 เป็นม่าย เท่ากับกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันโอนที่พิพาทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นคู่สมรสโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 วรรคสอง

           ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นน้องเขยของจำเลยที่ 1 เดิมที่พิพาทจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อ แล้วโอนสิทธิให้แก่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อต่อในขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสกับโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 2 อีก แสดงว่าจำเลยทั้งสองเป็นญาติที่ติดต่อใกล้ชิดกันเป็นพิเศษ ความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นอย่างไรจำเลยที่ 2 น่าจะทราบดีตลอดมาโจทก์ได้มีหนังสือถึงกรมที่ดิน แจ้งรายละเอียดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว มีคดีอยู่ที่ศาลหลายคดีขออายัด แม้เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมรับการอายัด แต่ก็ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบตามหนังสือดังกล่าวแล้วจำเลยทั้งสองก็ยืนยันให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนนิติกรรมให้ ยอมรับผิดชอบในความเสียหายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ทั้งจำเลยที่ 1 เบิกความว่าขณะที่จะโอนสิทธิการเช่าซื้อให้จำเลยที่ 2 ได้บอกจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 มีเรื่องกับโจทก์แต่ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน หลักฐานการหย่าที่แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นใบหย่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับนางสนามซึ่งเป็นการปิดบังความจริงข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสโดยไม่สุจริต และไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์มีอำนาจขอให้เพิกถอนนิติกรรมได้ แต่ไม่มีอำนาจขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน

    พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48750 เลขที่ดิน 4086 แขวงสายไหม (ดอนเมือง) เขตบางเขนกรุงเทพมหานครที่จำเลยที่ 1 โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 2,000 บาท.
 
 มาตรา 1469  สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินใดที่สามีภริยาได้ทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นสามีภริยากันนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใดที่เป็นสามีภริยากันอยู่หรือภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากันก็ได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต

มาตรา 1474  สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน
(1) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
(2) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส
(3) ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส

มาตรา 1480  การจัดการสินสมรสซึ่งต้องจัดการร่วมกันหรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 1476 ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งได้ทำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ เว้นแต่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้ว หรือในขณะที่ทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
การฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามวรรคหนึ่งห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น

มาตรา 1514  การหย่านั้นจะทำได้แต่โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรือโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน

มาตรา 1515  เมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว

มาตรา 1531  การสมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายนั้น การหย่าโดยความยินยอมของคู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีผลนับแต่เวลาจดทะเบียนการหย่าเป็นต้นไป
การหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว

มาตรา 55  เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้

มาตรา 172  ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา 57 ให้โจทก์เสนอข้อหาของตนโดยทำเป็นคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้น
คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น
ให้ศาลตรวจคำฟ้องนั้นแล้วสั่งให้รับไว้ หรือให้ยกเสีย หรือให้คืนไป ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18





ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา

การแบ่งทรัพย์สิน กรรมสิทธิ์รวม ทรัพย์สินที่ร่วมกันทำมาหาได้
การขอเป็นผู้จัดการสินสมรสฝ่ายเดียว
เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกแม้ไม่ได้จดทะเบียนก็มีผลสมบูรณ์
เพิกถอนนิติกรรมโฉนดห้ามโอน 10 ปี
การเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อนสมรส
ขอเป็นผู้จัดการสินสมรสฝ่ายเดียว แยกสินสมรส
ได้สิทธิทำประโยชน์ที่ดินก่อนจดทะเบียนสมรส
เจ้าหนี้ยึดสินสมรสได้ทั้งหมดยกคำร้องขอกันส่วน
หญิงมีสามีมีอำนาจฟ้องปราศจากความยินยอมหรือไม่
สามีนำเงินสินสมรสออกให้กู้โดยไม่ได้รับความยินยอม
ไม่มีสิทธิทำพินัยกรรมยกสินสมรสเกินส่วนของตน
ที่ดินและรถยนต์ภริยากู้ยืมเงินมาซื้อและผ่อนด้วยเงินเดือน
หย่ากันให้แบ่งสินสมรส-ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าแบ่งสินสมรสไม่ได้
กรณีเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานว่าเป็นสินสมรส
บันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าเป็นสัญญาแบ่งทรัพย์สิน
ทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาโดยลำพังเป็นสินสมรส
ข้อตกลงให้ชำระดอกเบี้ยในระหว่างอายุสัญญาขายฝาก
สัญญาค้ำประกันไม่ต้องได้รับความยินยอมคู่สมรส
สินส่วนตัวและสินสมรส ของขวัญเนื่องในการสมรสจึงถือว่าเป็นสินสมรส
ข้อตกลงหลังทะเบียนหย่าเรื่องยกทรัพย์สินให้ฝ่ายหญิง(ภรรยา)
กฎหมายคุ้มครองผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน (ม.1480)
ปลอมลายมือชื่อคู่สมรสในหนังสือให้ความยินยอมไปทำขายฝากที่ดิน
ตกลงให้สินส่วนตัวของฝ่ายหนึ่งตกเป็นสินสมรส
รางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว
สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการให้สินสมรส อายุความ
ความยินยอมในการจัดการสินสมรสไม่ต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน
การจัดการสินสมรสเรื่องกู้ยืมเงินและให้กู้ยืมเงิน-ความยินยอมจากคู่สมรส
เหตุสมควรขอให้แยกสินสมรส สามีไม่นำเงินสินสมรสมาอุปการะเลี้ยงดูภริยา
สัญญาแบ่งทรัพย์สินในการหย่า-ตกลงให้ที่ดินแก่กันไม่ต้องจดทะเบียนบังคับได้
เพิกถอนนิติกรรมขายฝาก ซึ่งรับซื้อฝากโดยสุจริตเสียค่าตอบแทน
รับซื้อฝากที่ดินสินสมรสโดยไม่สุจริต- เพิกถอนนิติกรรมขายฝากได้ทั้งแปลง
เพิกถอนนิติกรรมสัญญาซื้อขายที่ดินมีโฉนดระหว่างบิดาโจทก์กับจำเลย
ฟ้องขอให้บังคับจำเลยลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่ดิน