สำนักงานพีศิริ ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 34/159 หมู่ 8 ซอยบางมดแลนด์ แยก 13 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 ติดต่อทนายความ 085-9604258 สำหรับแผนที่การเดินทาง กรุณาคลิ๊กที่ "ที่ตั้งสำนักงาน" ด้านบนสุด ทนายความ ทนาย สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ ปรึกษากฎหมายกับทนายความลีนนท์ โทรเลย ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ

หย่ากันให้แบ่งสินสมรส-ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าแบ่งสินสมรสไม่ได้ -ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont -Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE
หย่ากันให้แบ่งสินสมรส-ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าแบ่งสินสมรสไม่ได้ กฎหมายกำหนดให้สามีภริยาแบ่งสินสมรสกันเมื่อมีการหย่าเท่านั้น ในขณะที่เป็นสามีภริยากันอีกฝ่ายหนึ่งได้จำหน่ายสินสมรสไปเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวก็ให้ถือเสมือนว่าทรัพย์สินนั้นยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรส ดังนั้นแสดงว่ากฎหมายมิได้มุ่งประสงค์ให้แบ่งสินสมรสกันได้หากคู่สมรสยังเป็นสามีภริยากันอยู่ การที่สามีนำรถยนต์ไปขายแล้วไม่นำเงินที่ได้จากการขายรถยนต์มาแบ่งกัน ภริยาจะฟ้องขอให้แบ่งเงินนั้นยังไม่ได้จนกว่าการสมรสจะสิ้นสุดลงเสียก่อน มาตรา 1533 เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการโอนรถยนต์พิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ เพราะรถยนต์พิพาทเป็นเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 25,000 บาท จากการจำหน่ายรถยนต์พิพาทเพราะเป็นการฟ้องแบ่งสินสมรส ซึ่งโจทก์จะฟ้องได้ต่อเมื่อได้มีการหย่ากันเสียก่อน ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้การว่า รถยนต์พิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่เป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ซื้อจากตลาดนัดรถยนต์ด้วยความสุจริตและเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 25,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ยังเป็นสามีภริยากันอยู่และไม่ปรากฏว่าได้ทำสัญญากันไว้ในเรื่องทรัพย์สินเป็นพิเศษก่อนสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาของโจทก์และจำเลยที่ 1 ในเรื่องทรัพย์สินนั้น จึงต้องบังคับตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 หมวด 4 ว่าด้วยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติว่า เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน และมาตรา 1534 บัญญัติว่า สินสมรสที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำหน่ายไปเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวก็ดี จำหน่ายไปโดยเจตนาทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเสียหายก็ดี จำหน่ายไปโดยมิได้รับความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่กฎหมายบังคับว่าการจำหน่ายนั้นจะต้องรับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยก็ดี จงใจทำลายให้สูญหายไปก็ดี ให้ถือเสมือนว่าทรัพย์สินนั้นยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรสตามมาตรา 1533 จากบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า การที่จะแบ่งสินสมรสได้เมื่อมีการหย่ากันเท่านั้น และแม้คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะจำหน่ายสินสมรสไปเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวหรือในกรณีอื่นตามที่มาตรา 1534 บัญญัติไว้กฎหมายก็ให้ถือเสมือนว่าทรัพย์สินนั้นยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรส แสดงว่ากฎหมายมิได้มุ่งประสงค์ให้แบ่งสินสมรสกันได้หากคู่สมรสยังเป็นสามีภริยากันอยู่ และกรณีตามคำฟ้องของโจทก์แม้โจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนรถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ก็ตาม แต่ปัญหาชั้นฎีกาก็มีเพียงคำขอของโจทก์ที่ว่าให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ซึ่งเป็นคำขอแบ่งสินสมรสเท่านั้น เมื่อกฎหมายให้ถือเสมือนว่ารถยนต์ยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรสแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินที่ได้จากการขายรถยนต์พิพาท ปรึกษากฎหมาย กับ ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 0859604258 |