ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




สิทธิของบุคคลต่างด้าวในที่ดิน, การครอบครองที่ดินและสิทธิในกรรมสิทธิ์

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

•  คำพิพากษาศาลฎีกา 900/2567

•  ข้อพิพาทที่ดินและบ้านพิพาท

•  การฟ้องแย้งในคดีแพ่ง

•  ป.วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177

•  สิทธิของบุคคลต่างด้าวในที่ดิน

•  คดีข้อพิพาทที่ดินร่วมลงทุน

•  การครอบครองที่ดินและสิทธิในกรรมสิทธิ์

สรุปย่อ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2567 ได้ดังนี้

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาทและส่งมอบคืนให้โจทก์ จำเลยอ้างว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับโจทก์และอยู่กินฉันสามีภริยา โดยใช้เงินร่วมกันซื้อที่ดินและบ้านพิพาท แต่ให้โจทก์เป็นผู้ถือชื่อในโฉนดเพราะจำเลยเป็นคนต่างด้าว หลังเกิดความขัดแย้ง โจทก์ตกลงยกที่ดินและบ้านให้จำเลยแต่ไม่สามารถโอนชื่อได้ จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนโฉนด

ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยเนื่องจากมีผลกระทบต่อบุคคลภายนอก ศาลอุทธรณ์รับฟ้องแย้งและให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้าร่วม ศาลฎีกาพิจารณาว่าฟ้องแย้งที่ขอคืนโฉนดเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมและมีเหตุผลในการพิจารณา จึงพิพากษาให้รับฟ้องแย้งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม มีดังนี้:

มาตรา 177 วรรคสาม: บัญญัติว่า "การฟ้องแย้งที่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิมโดยมูลเหตุแห่งข้อพิพาทเดียวกันหรือการฟ้องแย้งที่อาจทำให้ศาลพิพากษาหรือสั่งในคำฟ้องเดิมได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น ให้ศาลรับพิจารณาและพิพากษาไปในคดีเดียวกันกับฟ้องเดิมนั้น"

หลักกฎหมายนี้มีความสำคัญในการเปิดโอกาสให้จำเลยสามารถฟ้องแย้งเพื่อต่อสู้แก้ต่างฟ้องของโจทก์ได้ หากฟ้องแย้งนั้นเกี่ยวข้องกับมูลเหตุหรือข้อเท็จจริงเดียวกันกับฟ้องเดิม หรือมีผลต่อการพิจารณาและการตัดสินคดีหลักโดยสมบูรณ์ขึ้น การยอมรับฟ้องแย้งช่วยให้การพิจารณาคดีมีความครอบคลุมและเป็นธรรม ลดการดำเนินคดีแยกต่างหากที่อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและเสียเวลา

ในบทความของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2567 ศาลฎีกาพิจารณาว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทนั้นเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยออกจากที่ดิน การที่ศาลยอมรับฟ้องแย้งนี้ไว้พิจารณาจึงสอดคล้องกับหลักตามมาตรา 177 วรรคสาม เพื่อให้การพิจารณาและคำพิพากษาครอบคลุมและสมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2567

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านพิพาท อนุญาตให้จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทน ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านพิพาท แต่จำเลยเพิกเฉย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รู้จักและคบหาโจทก์ ต่อมาโจทก์และจำเลยร่วมลงทุนทำธุรกิจ และอยู่กินฉันสามีภริยาและลงทุนทำธุรกิจร่วมกันตลอดมา โดยอยู่อาศัยร่วมกันที่บ้านเช่าของจำเลยแล้วร่วมกันซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยใช้เงินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน แต่จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว จึงตกลงให้โจทก์เป็นผู้มีชื่อในที่ดินและบ้านพิพาท หลังจากนั้นโจทก์กระทำการอันเป็นความผิดร้ายแรงต่อจำเลยและบุตรสาวเป็นเหตุให้โจทก์และจำเลยไม่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปได้ จำเลยให้โจทก์ออกจากที่ดินและบ้านพิพาท ก่อนที่โจทก์จะย้ายออก โจทก์บอกว่าโจทก์ยกที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยเพื่อเป็นการชดเชยกับสิ่งที่โจทก์ทำกับจำเลยและบุตรสาว แต่จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่สามารถจดทะเบียนมีชื่อในโฉนดที่ดินโดยยังไม่ได้รับอนุญาต โฉนดที่ดินจึงยังเป็นชื่อของโจทก์ โดยจำเลยครอบครองอยู่อาศัยอย่างเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมา คดีจึงมีประเด็นพิพาทว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาท หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาท ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทแก่จำเลย มิใช่ขอให้ส่งมอบแก่เด็กหญิง ก. จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ส่วนในภายหน้าจำเลยจะยกที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลใดย่อมเป็นสิทธิส่วนตัวของจำเลย ชอบที่จะต้องรับฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนนี้ไว้พิจารณาพิพากษา


***คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 150461 และสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 38/5 และส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์เดือนละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารและส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์

*จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 150461 และสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 38/5 ซึ่งเป็นที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างโจทก์กับนายกานต์ ให้โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่เด็กหญิงกาปีตาลีน่าภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากโจทก์ไม่ดำเนินการขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ ให้โจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่จำเลยเพื่อส่งมอบแก่เด็กหญิงกาปีตาลีน่าภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากโจทก์ไม่ดำเนินการขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทแก่เด็กหญิงกาปีตาลีน่า และให้โจทก์ชำระค่าเสียหาย 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าชำระเสร็จแก่จำเลย

*ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนให้ที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และนายกานต์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดี จากนั้นให้โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทและส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่เด็กหญิงกาปีตาลีน่า เป็นฟ้องแย้งที่มีผลกระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอก และไม่ปรากฏว่าโจทก์มีนิติสัมพันธ์หรือหน้าที่ตามกฎหมายอย่างไรกับเด็กหญิงกาปีตาลีน่า จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ ส่วนค่าเสียหายเป็นการอ้างมูลเหตุการกระทำของโจทก์ที่โอนที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นมูลเหตุคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยยังไม่ได้ชำระค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้ง จึงไม่มีค่าขึ้นศาลต้องสั่งคืน

*จำเลยอุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนให้ที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างโจทก์กับนายกานต์ ให้หมายเรียกนายกานต์เข้ามาเป็นคู่ความในคดีร่วมกับโจทก์แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

*จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นบิดาของโจทก์ร่วม โจทก์เป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 150461 พร้อมบ้านเลขที่ 38/5 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 โจทก์จดทะเบียนการให้แก่โจทก์ร่วม

*มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประเด็นเดียวว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทแก่จำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านพิพาท อนุญาตให้จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ต่อมาโจทก์ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดินและบ้านพิพาท จึงแจ้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านพิพาท แต่จำเลยเพิกเฉย ส่วนจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติรัสเซีย เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเดือนมีนาคม 2533 รู้จักและคบหาโจทก์ ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2533 โจทก์และจำเลยร่วมลงทุนทำธุรกิจ และตั้งแต่ปี 2533 ถึงปี 2545 โจทก์และจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยาและลงทุนทำธุรกิจร่วมกันตลอดมา โดยอยู่อาศัยร่วมกันที่บ้านเช่าของจำเลย และวันที่ 21 พฤษภาคม 2539 ร่วมกันซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยใช้เงินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน แต่จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว จึงตกลงให้โจทก์เป็นผู้มีชื่อในที่ดินและบ้านพิพาท จากนั้นเดือนตุลาคม 2545 โจทก์กระทำการอันเป็นความผิดร้ายแรงต่อจำเลยและบุตรสาวเป็นเหตุให้โจทก์และจำเลยไม่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปได้ และจำเลยให้โจทก์ออกจากที่ดินและบ้านพิพาท ก่อนที่โจทก์จะย้ายออก โจทก์บอกจำเลยว่าโจทก์ยกที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยเพื่อเป็นการชดเชยกับสิ่งที่โจทก์ทำกับจำเลยและบุตรสาว แต่จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่สามารถจดทะเบียนมีชื่อในโฉนดที่ดินโดยยังไม่ได้รับอนุญาต โฉนดที่ดินจึงยังเป็นชื่อของโจทก์ แต่จำเลยครอบครองอยู่อาศัยอย่างเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมา คดีจึงมีประเด็นพิพาทว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาท หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาท ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทแก่จำเลย มิใช่ขอให้ส่งมอบแก่เด็กหญิงกาปีตาลีน่า จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ส่วนในภายหน้าจำเลยจะยกที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลใดย่อมเป็นสิทธิส่วนตัวของจำเลย ชอบที่จะต้องรับฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนนี้ไว้พิจารณาพิพากษา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

*พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ


ตัวอย่างร่างคำฟ้องคดีแพ่งตามรูปแบบกฎหมายไทยที่อิงจากข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลฎีกา สามารถใช้เป็นแนวทางได้ดังนี้:

คำฟ้องคดีแพ่ง

คดีหมายเลขดำที่ .../...

ระหว่าง โจทก์: นาย ก. จำเลย: นาง ข.

บรรยายฟ้อง

ข้อ 1: โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดเลขที่ 150461 และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน บ้านเลขที่ 38/5 ซึ่งโจทก์ได้อนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามาอยู่อาศัยโดยไม่มีค่าตอบแทน

ข้อ 2: ต่อมาโจทก์ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดินและบ้านพิพาท จึงได้แจ้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว แต่จำเลยไม่ดำเนินการใด ๆ โจทก์จึงต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับ

คำขอท้ายคำฟ้อง

ด้วยเหตุนี้ โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาดังนี้:

1.บังคับให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 38/5 และส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี

2.ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินและบ้านพิพาทเดือนละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะส่งมอบคืนในสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์

3.ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความแก่โจทก์

ลงชื่อ (ทนายความโจทก์) วัน เดือน ปี

หมายเหตุ: ร่างคำฟ้องนี้เป็นเพียงแนวทางที่ช่วยในการศึกษาและทำความเข้าใจเท่านั้น นักศึกษากฎหมายและทนายความควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้งานในคดีจริง




ทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์

ฟ้องขับไล่และกรรมสิทธิ์ที่ดิน, การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ,
กรรมสิทธิ์รวมและสินสมรส-ทรัพย์สินที่ได้มาก่อนและหลังจดทะเบียนสมรส
หนังสือยินยอมคู่สมรสปลอม , ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
ทรัพย์สินระหว่างสามคนผัวเมีย-เจ้าของรวม-สมรสซ้อน
เงินในบัญชีร่วมกันทำมาหากินไม่ได้จดทะเบียนสมรส
การแจ้งความเท็จโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน
ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายอาจไม่ใช่เจ้าของรวมเสมอไป
เจ้าของรวมจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้
โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิด หรือคาดหมาย
ปลูกสร้างอาคารสูงปิดบังช่องแสงและทิศทางลม ความเสียหายเดือดร้อนเกินควร ละเมิด
ความเสียหายเดือดร้อนเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมาย
เพื่อยังความเสียหายหรือความเดือดร้อนให้สิ้นไป
ไม่มีบทบัญญัติห้ามลงชื่อเจ้าของรวมไว้ในใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์
สิทธิยื่นใบเบิกเงินและรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
สิทธิเหนือพื้นดินคืออะไร
การได้ที่ดินของคนต่างด้าวโดยภรรยาคนไทยถือกรรมสิทธิ์แทน
การระวังแนวเขตรังวัดมีการชี้รุกล้ำที่ดินไม่เป็นเหตุเสียกรรมสิทธิ์
เพิกถอนนิติกรรมในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมใช้สิทธิติดตามเอาคืน
เรียกโฉนดที่ดินคืนจากเจ้าหนี้เงินกู้ยืม โฉนดที่ดินเป็นประกันเงินกู้
เจ้าของรวมทำพินัยกรรมจำหน่ายส่วนของตน ความยินยอมจากภริยา
ก่อสร้างสะพานลอยคนข้ามทำให้ได้รับความเดือดร้อนขอให้รื้อถอนสะพาน
สิทธิที่จะเรียกให้แบ่งที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของรวม แม้มีข้อตกลงห้ามแบ่งแยก
สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล แม้เจ้าหนี้ยังมิได้ฟ้องลูกหนี้
กรรมสิทธิ์รวมแม้ซื้อโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก็ไม่มีผลผูกพัน