ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




นิติกรรมมีข้อความไม่ชัดแจ้งตีความได้หลายนัย

 นิติกรรมมีข้อความไม่ชัดแจ้งตีความได้หลายนัย สัญญาซื้อขายกับสัญญาเช่าซื้อ

กรณีนิติกรรมที่ทำกันไว้มีข้อความไม่ชัดแจ้งอาจตีความได้หลายนัย จึงให้ตีความการแสดงเจตนาโดยเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงเป็นสำคัญยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร แต่สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้มีข้อความชัดแจ้งว่าเป็นสัญญาซื้อขายไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่321-322/2538

การทำสัญญาจะใช้แบบพิมพ์สัญญาประเภทใดไม่ใช่ข้อสำคัญหากแต่ความสำคัญอยู่ที่ว่าข้อความที่ทำกันไว้ในแบบพิมพ์สัญญาดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาประเภทใดเมื่อสัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้มีข้อความที่เขียนไว้ว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 100,000 บาท โดยโจทก์ได้ชำระราคาจำนวน 72,000 บาท ให้แก่จำเลยส่วนจำเลยได้มอบที่พิพาทพร้อมหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ในวันทำสัญญาสำหรับราคาค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือโจทก์จะชำระให้แก่จำเลยในภายหลังจึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาซื้อขายมิใช่สัญญาเช่าซื้อ บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 171 หมายถึงในกรณีนิติกรรมที่ทำกันไว้มีข้อความไม่ชัดแจ้งอาจตีความได้หลายนัยจึงให้ตีความการแสดงเจตนาโดยเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงเป็นสำคัญยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษรแต่สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้มีข้อความชัดแจ้งว่าเป็นสัญญาซื้อขายไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อจึงนำมาตรา 171 มาบังคับให้ต้องสืบพยานประกอบเพื่อตีความถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาหาได้ไม่

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2532 จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 788 แก่โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท โจทก์ชำระเงิน 72,000 บาทในวันทำสัญญา ส่วนที่เหลือตกลงชำระในภายหลัง ต่อมาวันที่9 พฤษภาคม 2532 โจทก์ได้ชำระแก่จำเลยอีก 10,000 บาท ในวันทำสัญญาจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่โจทก์ ต่อมาประมาณกลางเดือนตุลาคม 2532 โจทก์ได้นำเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 18,000 บาท ไปชำระแก่จำเลย แต่จำเลยไม่ยอมรับ และไม่ไปจดทะเบียนโอนที่ดินแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจำนวน 18,000 บาท พร้อมให้จำเลยไปทำการจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์ใน 7 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ยอมรับเงินและไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน

จำเลยให้การว่า หนังสือสัญญาที่โจทก์อ้างไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายเนื่องจากคู่สัญญาไม่ได้ตกลงที่จะไปจดทะเบียนโอนกันในภายหน้าสัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญาเช่าซื้อที่ดิน โดยโจทก์ตกลงเช่าซื้อเป็นเงิน 100,000 บาท ไม่ได้กำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อไว้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้องวดแรกในวันทำสัญญา 72,000 บาท จำเลยได้มอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ดิน ในเดือนพฤษภาคม 2532 อีก 10,000 บาทหลังจากนั้นโจทก์ไม่เคยชำระค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือแก่จำเลยจำเลยได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2532 จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 788 จากโจทก์ราคา 100,000 บาท ไม่ได้กำหนดเวลาผ่อนชำระค่าเช่าซื้อไว้ จำเลยตกลงจะผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้เสร็จใน 3 งวดจำเลยได้ชำระค่าเช่าซื้องวดแรกในวันทำสัญญาเป็นเงิน 72,000 บาทและโจทก์ได้มอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้ ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2532 จำเลยได้มาชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์อีก 10,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์อีก โจทก์บอกกล่าวจำเลยแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยและให้จำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน (น.ส.3 ก.) เลขที่ 788 แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินตามฟ้องจากโจทก์ แต่จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินจากโจทก์เป็นเงิน100,000 บาท จำเลยได้ชำระราคาที่ดินแก่โจทก์ในวันทำสัญญา72,000 บาท ส่วนที่เหลือได้ชำระเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2532เป็นเงิน 10,000 บาท โจทก์ได้มอบการครอบครองที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลย จำเลยได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมา ต่อมาจำเลยได้นำเงินค่าที่ดินที่เหลือไปชำระแก่โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกนายสงกรานต์ พะปะเสน ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนแรกและเป็นจำเลยในสำนวนหลังว่า โจทก์ และเรียกนายเสริม พลเวียงซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนแรกและเป็นโจทก์ในสำนวนหลังว่า จำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงิน 18,000 บาท แก่จำเลยคำขออื่นของโจทก์และจำเลยให้ยก จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวนศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวน โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2532 โจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ต่อกัน แล้วจำเลยได้ส่งมอบที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 788ตำบลสองห้อง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่วันทำสัญญาจนถึงปัจจุบัน และส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดิน (น.ส.3 ก.) ตามเอกสารหมาย จ.2ให้แก่โจทก์ด้วย คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นสัญญาเช่าซื้อหรือไม่จำเลยฎีกาว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อแต่ไม่มีแบบพิมพ์สัญญาเช่าซื้อจึงได้ใช้แบบพิมพ์สัญญาซื้อขายแทน เห็นว่าการทำสัญญาจะใช้แบบพิมพ์สัญญาประเภทใดไม่ใช่ข้อสำคัญ หากแต่ความสำคัญอยู่ที่ว่าข้อความที่ทำกันไว้ในแบบพิมพ์สัญญาดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาประเภทใด ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ข้อความในสัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้เอกสารหมาย จ.1 แล้ว มีข้อความที่เขียนไว้ในสัญญาว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 100,000 บาทโดยโจทก์ได้ชำระราคาจำนวน 72,000 บาท ให้แก่จำเลย ส่วนจำเลยได้มอบที่พิพาทพร้อมหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ในวันทำสัญญา สำหรับราคาค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือโจทก์จะชำระให้แก่จำเลยในภายหลัง เห็นว่าข้อความที่เขียนไว้ในสัญญาดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาซื้อขาย หาใช่สัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยฎีกาไม่ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 171 บัญญัติไว้ว่าในการตีความการแสดงเจตนานั้น ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร เมื่อโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อกัน จึงต้องฟังว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อตามเจตนาของโจทก์จำเลยนั้น เห็นว่าบทบัญญัติมาตราดังกล่าวหมายถึงในกรณีนิติกรรมที่ทำกันไว้มีข้อความไม่ชัดแจ้งอาจตีความได้หลายนัย จึงให้ตีความการแสดงเจตนาโดยเพ็งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงเป็นสำคัญยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร แต่สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 มีข้อความชัดแจ้งว่าเป็นสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ ประกอบกับโจทก์ก็ฟ้องกล่าวอ้างว่าสัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้เป็นสัญญาซื้อขาย และให้การปฏิเสธในคดีที่ถูกจำเลยฟ้องว่าไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อดังนี้จึงนำบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 171 มาบังคับให้ต้องสืบพยานประกอบเพื่อตีความถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาหาได้ไม่ คดีฟังได้ว่าสัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ตามเอกสารหมาย จ.1ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ"

            พิพากษายืน

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 171 ในการตีความการแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร

มาตรา 453 อันว่าซื้อขายนั้นคือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ซื้อและผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย

 




ขายฝาก/เช่า/เช่าซื้อ/ซื้อขาย

สัญญาให้รับผิดในหนี้ที่ไม่มีหนี้อยู่จริง article
ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน สัญญาซื้อขาย
สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน
ใครมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย
ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง
สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาจ้างทำของ
ประเมินการเสียภาษีผิดประเภทการค้า
สิ้นกำหนดเช่าช่วงชำระค่าเช่าตลอดมาถือว่าได้ต่อสัญญาเช่า
ข้อตกลงในการประกวดราคาเพื่อซื้อขาย
การซื้อขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์
สัญญาซื้อขายแบบเหมา
การซื้อขายทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวม
สัญญาซื้อขายที่มีหลักประกันเพื่อปฏิบัติตามสัญญา
คำว่า"ขาย" ตามประมวลรัษฎากร
สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาหลายฝ่าย
ผู้เยาว์ทำสัญญาจะซื้อจะขาย
สัญญาซื้อขายมีวัตถุประสงค์ฝ่าฝืนกฎหมายตกเป็นโมฆะ
สัญญาซื้อขายอาจบังคับได้ตามบทกฎหมายว่าด้วยตัวแทน
สัญญาซื้อขายเป็นพ้นวิสัยจากภัยพิบัติ
สัญญาซื้อขายที่ไม่มีการโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง
สัญญาประนีประนอมระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ค่าซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่าผู้เช่าต้องบำรุงรักษา-ซ่อมแซมเล็กน้อย
คำมั่นเกี่ยวกับสัญญาเช่าทรัพย์
แบบนิติกรรมสัญญาประเภทต่าง ๆ แบบฟอร์มสัญญา แบบพิมพ์สัญญา
สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย
นำรถไฟแนนซ์ไปจอดกู้เงินผู้รับจำนำเอาไปขายต่อแจ้งความได้ไหม
บอกเลิกสัญญาเช่าต้องบอกกล่าวให้รู้ตัวก่อน
สัญญาเช่า คำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการเช่า
แบบฟอร์มสัญญาซื้อขาย
อายุความเรียกราคาส่วนต่างและค่าขาดประโยชน์กรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญาหรือตาย
สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข
สัญญาขายฝากไม่มีเหตุผลต้องผ่อนชำระดอกเบี้ยแก่กัน
กฎหมายมิได้กำหนดให้การขายฝากสามารถเรียกดอกเบี้ยต่อกันได้
บันทึกข้อตกลงให้ผู้เช่ามีสิทธิซื้อทรัพย์สินที่เช่าทั้งหมดได้
ยายทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนไม่ผูกพันผู้เยาว์
สัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำถูกกลฉ้อฉลนำชี้ทำเลที่ตั้งที่ดินผิด
ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการขายฝากที่ดินกลับคืนสู่กองมรดก
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นไม่ต้องรับผิด
เงินค่าสิทธิการเช่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า
ยกทรัพย์มรดกตีใช้หนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ข้อตกลงซื้อขายที่ดินมือเปล่า (น.ส. 3ก)เจ้าของที่ดินจึงมีเพียงสิทธิครอบครอง
สัญญาขายฝากที่ดินไม่ได้กำหนดค่าสินไถ่ไว้
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินโดยมีเงื่อนไข สัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินเสร็จเด็ดขาด
เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้
สัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด
คำว่า "ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว" ใช้บังคับแก่คู่สัญญาทั้งฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อ
การซื้อขายมิได้มีการชำระราคากันจริงถือเป็นการให้โดยเสน่หา
บอกล้างสัญญาค้ำประกัน ขอให้เพิกถอนสัญญาค้ำประกัน การจัดการสินสมรส
สิทธิยึดหน่วงที่ดินไว้จนกว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์, ชำระเงินครบถ้วนแล้ว
การตั้งตัวแทนหรือมอบอำนาจทำสัญญาจะซื้อจะขาย
ได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว
ขายดาวน์รถยนต์ที่เช่าซื้อมีผลอย่างไร?
ผู้เช่ารายใหม่ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในตึกพิพาทก่อนตน
ข้อยกเว้นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจะเป็นผู้ให้เช่าซื้อได้
จำนำได้ต้องเป็นสังหาริมทรัพย์
รถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไปประกันภัยจ่ายค่าสินไหมให้ไฟแนนซ์แล้ว
ผู้ให้เช่าซื้อมิได้ยึดถือเอาข้อสัญญาเป็นสาระสำคัญ-ค้างชำระค่าเช่าซื้อ
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ
สัญญาเช่าซื้อต้องลงชื่อคู่สัญญาสองฝ่ายไม่ทำตามแบบเป็นโมฆะ
สัญญาเช่าซื้อกับสัญญาเช่าแบบลิสซิ่ง
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สิทธิเรียกค่าใช้ทรัพย์สินและค่าเสียหาย
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) ตกลงค่าเบี้ยปรับสูงเกินส่วน
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้
ค่าเช่าซื้อเครื่องรับโทรทัศน์อายุความ 2 ปี
การบอกเลิกสัญญา | สัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยไม่มีกำหนดเวลา
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดเท่าจำนวนเงินดาวน์
เช่าที่ดินปากเปล่าไม่มีสัญญาเช่า
การบอกเลิกสัญญาเช่าโดยมิชอบ
ลักษณะของสัญญาซื้อขาย การโอนกรรมสิทธิ์
สัญญาซื้อขาย | สัญญาตัวแทน | ตัวแทนเชิด