เงินกู้นอกระบบ (ชำระหนี้ตามอำเภอใจ) | |
สวัสดีครับผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณทนายหน่อยครับ เรื่องมันมีอยู่ว่าแม่ของผมได้กู้ยืมเงินนอกระบบมา 20,000 บาท โดยเอาโฉนดที่ดินเป็นหลักประกันและยังมีผู้กู้ร่วมด้วยโดยไม่ทราบว่าผู้กู้ร่วมเอาเงินมาเท่าไหร่และผมไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร เมื่อแม่ผมเสียชีวิตลงปรากฎว่ามีเจ้าหนี้โทรมาทวงหนี้ ถามว่าจะเอาที่ดินคืนหรือไม่ถ้าจะเอาคืนให้เอาเงินมาไถ่ถอนคืนเป็นเงิน 40,000 บาท ถ้าไม่เอาคืนเขาก็จะดำเนินเรื่องตามกฎหมาย กระผมจึงขอถามดังนี้ 1.หนี้ของแม่ ผมไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่ผมจะต้องใช้หนี้แทนแม่หรือไม่ 2.ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ ผู้กู้ร่วมเขาได้ไปไถ่ถอนที่ดินของเขาและของแม่ที่จำนองพร้อมกันออกมาด้วยผมอยากรู้ว่าคนที่กู้ร่วมกับแม่มีสิทธิ์ในที่ดินของแม่หรือไม่ 3.ในเมื่อผู้กู้ร่วมจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ไปแล้วเจ้าหนี้สามารถมาทวงเงินกับผมอีกได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เจ้าหนี้คนนี้ทำผิดกฎหมายหรือไม่ 4.เจ้าหนี้บอกว่าโฉนดที่ดินยังอยู่ที่เขา แล้วใครจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในที่ดินของแม่ 5.เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อเดือน เจ้าหนี้จะมีความผิดหรือไม่(ตอนนี้แม่เป็นหนี้เขา 8 ปีแล้ว) ตอบผมด้วยนะครับไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว ขอบคุณล่วงหน้าครับ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ช่วย :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-03 16:36:03 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2141740) | |
1.หนี้ของแม่ ผมไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่ผมจะต้องใช้หนี้แทนแม่หรือไม่ ตอบ---ไม่ต้องใช้หนี้แทนแม่ครับ
ตอบ--ไม่มีสิทธิครับ ที่ดินยังเป็นของแม่อยู่ 3.ในเมื่อผู้กู้ร่วมจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ไปแล้วเจ้าหนี้สามารถมาทวงเงินกับผมอีกได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เจ้าหนี้คนนี้ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ตอบ--เขาทวงทำไมคุณไม่ชี้แจงให้เขาทราบเรื่องที่ผู้กู้ร่วมจ่ายเงินไปแล้ว คุณมีหลักฐานอะไรบ้าง และรู้เรื่องอะไรบ้าง เห็นบอกว่าตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่???? 4.เจ้าหนี้บอกว่าโฉนดที่ดินยังอยู่ที่เขา แล้วใครจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในที่ดินของแม่ ตอบ--ไม่มีใครมีสิทธิครับ ไปขอคืนได้ ไม่คืนฟ้องเรียกให้คืนได้ 5.เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อเดือน เจ้าหนี้จะมีความผิดหรือไม่(ตอนนี้แม่เป็นหนี้เขา 8 ปีแล้ว) ตอบ--เจ้าหนี้มีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา แต่ถ้าเรายินดีจ่ายให้ก็ไม่สามารถเรียกคืนได้ เพราะเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 085-9604258 วันที่ตอบ 2011-01-04 17:11:45 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2141762) | |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2167/2545
โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 มีผลให้ดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะ แต่เมื่อจำเลยชำระดอกเบี้ยดังกล่าวด้วยความสมัครใจตามที่ตกลงกู้ยืมเงินกับโจทก์ จึงเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจและเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายตามมาตรา 407 และ 411 จำเลยจะเรียกดอกเบี้ยคืนหรือนำมาหักชำระหนี้ต้นเงินหาได้ไม่ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2541 จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์จำนวน 200,000 บาท คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระเงินคืนภายในวันที่ 30 เมษายน 2543 โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 227,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยเคยกู้เงินโจทก์จำนวน 200,000 บาทโจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน ในวันกู้โจทก์หักดอกเบี้ยไว้จำนวน 6,000 บาท คงให้เงินจำเลยเพียง 194,000 บาท ส่วนข้อความในสัญญากู้ว่าอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์ทำปลอมขึ้น ภายหลังกู้เงินจำเลยจ่ายดอกเบี้ยไปจำนวน 80,000 บาท คงเป็นหนี้เฉพาะต้นเงิน114,000 บาท เหตุที่จำเลยงดผ่อนชำระเนื่องจากโจทก์คิดดอกเบี้ยผิดกฎหมาย และขู่บังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้กู้เงินไปจากโจทก์จำนวน 200,000 บาท โดยตกลงคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน จำเลยได้ชำระดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวให้โจทก์แล้วเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท คงมีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยจะนำเงินที่ชำระเป็นดอกเบี้ยดังกล่าวไปหักชำระหนี้ต้นเงินจากโจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า แม้การกระทำของโจทก์ที่คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจะเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 อันมีผลให้ดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะ แต่เมื่อจำเลยชำระดอกเบี้ยดังกล่าวด้วยความสมัครใจตามที่ตกลงกับโจทก์ไว้ จึงเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจและเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 และ 411 จำเลยจะเรียกเงินดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าวคืน หรือนำมาหักชำระหนี้ต้นเงิน200,000 บาท หาได้ไม่อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น" พิพากษายืน ( ดวงมาลย์ ศิลปอาชา - สมชาย จุลนิติ์ - ชวลิต ตุลยสิงห์ ) หมายเหตุ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3(ก) ห้ามมิให้บุคคลใดให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ในการกู้ยืมคืออัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654เมื่อมีการทำสัญญากู้ยืมเงินคิดดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีย่อมเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติดังกล่าว ถือว่าเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายข้อตกลงในส่วนของดอกเบี้ย จึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 150 เมื่อเป็นโมฆะ จึงไม่อาจบังคับตามมาตรา 654 ตอนท้ายที่จะให้ลดดอกเบี้ยลงมาเป็นอัตราร้อยละ 15 ต่อปีได้ ผู้กู้จึงไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยตามที่ตกลงกับผู้ให้กู้ เมื่อไม่มีดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องรับผิด การที่ผู้กู้ชำระดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันใดตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนทรัพย์นั้นตามมาตรา 407 แต่ที่ว่าเรียกดอกเบี้ยที่ชำระไปแล้วคืนไม่ได้ เพราะว่าเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายตามมาตรา 411 ด้วยนั้น น่าสงสัยอยู่ เพราะการชำระหนี้ที่เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายจะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายห้ามลูกหนี้ชำระหนี้ แต่พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. 2475 มาตรา 3 มิได้ห้ามผู้กู้ซึ่งเป็นลูกหนี้ชำระหนี้แต่อย่างใด จึงไม่น่าจะต้องด้วยมาตรา 411 ไพโรจน์ วายุภาพ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 085-9604258 วันที่ตอบ 2011-01-04 17:49:15 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2399432) | |
ชำระหนี้ตามอำเภอใจ(มาตรา 407),สัญญาหมั้นตกเป็นโมฆะ, ไม่ทราบว่าหญิงอายุไม่ครบ 17 ปี, ต้องคืนของหมั้นและสินสอด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 085-9604258 วันที่ตอบ 2013-08-12 16:25:55 |
[1] |