ผิดสัญญาจ้างหรือฉ้อโกงครับ | |
1.ผมเป็นเจ้าของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับนาย ป. 2.นาย ป.บอกว่ามีงานก่อสร้างอาคารที่จังหวัดตาก ถามผมว่าสนใจหรือไม่ 3.ผมได้เดินทางไปดูสถานที่ก่อสร้างแล้วเห็นว่า มีโครงการก่อาร้างดังกล่าวจริง และถ้าบริษัทผมได้ทำ น่าจะได้กำไรดี แต่บริษัทผมทุนจดทะเบียนน้อย,ไม่มีประสบการณ์ทำงานกับทางราชการมาก่อน คงไม่สามารถเข้าแข่งขันประมูลงานได้ 4.บริษัทผมได้ปรึกษานาย ป. ซึ่ง นาย ป. บอกว่า ถ้าบริษัทผมอยากได้งานนี้ 100% ให้ว่าจ้าง บริษัท ล. ให้ดำเนินการประสานงาน โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทผมต้องไปจดทะเบียนเพิ่มทุน,ผมต้องไปหาบริษัทก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเพียงพอมาร่วมจัดตั้งกิจการร่วมค้าขึ้นกับบริษัทผม,บริษัท ล. คิดค่าดำเนินการ เป็นเงิน 1,000,000 บาท 5.ต่อมาบริษัทผมได้ตกลงทำสัญญาจ้างบริษัท ล. ให้เป็นผู้ดำเนินการและประสานงานเพื่อให้บริษัทผมได้งานนี้แต่เพียงผู้เดียว มีกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ 60 วันนับแต่วันทำสัญญาบริษัทผมได้จ่ายเงินให้บริษัท อ. เป็นเงิน 1,000,000 บาท โดยสัญญาจ้างระบุไว้ชัดเจนว่า บริษัท ล. ได้นำหลักประกันเป็นเช็ค 1,000,000 บาท มอบให้บริษัทผมเพื่อเป็นหลักประกันในการดำเนินการตามสัญญา ถ้าหากบริษัท ล. ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในกำหนด 60 วัน บริษัทผมสามารถนำเช็คไปขึ้นเงินได้ และหากบริษัทผมเบิกเงินตามเช็คหลักประกันไม่ได้ บริษัทผมสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท ล. ได้ตามกฎหมาย 6.หลังจากนั้นบริษัทผมได้เพิ่มทุนจดทะเบียนมากขึ้น แต่ยังหาบริษัทที่มีคุณสมบัติพอมาร่วมจัดตั้งกิจการร่วมค้าไม่ได้ บริษัทผมได้ขอให้นาย ป. ช่วยหาบริษัทที่มีคุณสมบัติพอ นาย ป. ติดต่อบริษัท พ. ให้ โดยบริษัทผมต้องเสียค่าใช้จ่าย 100,000 บาท จากนั้นบริษัทผมก็ได้ร่วมกับบริษัท พ.จัดตั้งกิจการร่วมค้าขึ้นมา ทำให้บริษัทผม มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าแข่งขันเพื่อได้เป็นผู้รับเหมางานดังกล่าวได้ 7.ต่อมา นาย ป. แจ้งว่างานก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีปัญหาในเรื่องงบประมาณ อาจทำให้เกิดความล่าช้าได้ นาย ป. จึงสอบถามบริษัทผมว่า สามารถรอได้หรือไม่ และ นาย ป. ได้พาบริษัทผมเดินทางไปที่จังหวัดตาก ไปพบหัวหน้าหน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณจริง และหาข้อสรุปได้ว่า ต้องมีการแก้ไขแบบการก่อสร้างลง โดยบริษัทผมยังยืนยันที่ต้องการงานโครงการนี้ บริษัทผมจึงได้รับเป็นผู้เขียนแบบใหม่เพื่อปรับลดแบบให้ใช้งบประมาณน้อยลงมา 8.ต่อมาระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัทผมเห็นว่าเป็นเวลานานมากแล้ว บริษัทผมจึงไปพบ นาย ป. ขอยกเลิกสัญญา ไม่เอางานนี้แล้ว และขอเงินคืนทั้งหมด คือ เงินค่าจ้าง 1,000,000 บาท และเงินค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับ บริษัท พ. 100,000 บาท รวมเป็น 1,100,000 บาท ซึ่ง นาย ป. บอกว่า โครงการดังกล่าว ยังไม่ได้ยกเลิก ยังมีอยู่ โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการออกแบบใหม่ เพื่อปรับลดขนาดของโครงการลง ยังไม่ได้มีใครได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการนั้น ถ้าหากบริษัทผมรอไปอีกสักระยะ ให้มีการเขียนแบบใหม่เสร็จ บริษัทผมก็จะได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าว 9.บริษัทผม ไม่อยากรอ จึงยืนยันที่จะขอเงินคืนรวม 1,100,000 บาท นาย ป. ได้บอกว่าจะไปแจ้งให้ บริษัท ล. นำเงินจำนวน 1,000,000 บาท มาคืนบริษัทผม ส่วนเงินค่าจัดตั้งกิจการร่วมค้านั้น บริษัท พ. ไม่สามารถคืนให้ได้ เพราะได้มีการจัดตั้งกิจการร่วมค้าจริง 10.ผ่านมา 2 เดือน บริษัท ล. และ บริษัท พ. ยังไม่นำเงินมาคืน ผมจึงอยากทราบว่า การกระทำของ นาย ป. บริษัท ล. และ บริษัท พ. เป็นความผิดข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง หรือไม่ หรือไม่เป็นความผิดอาญา เป็นแต่ความผิดฐานผิดสัญญาจ้างเท่านั้น และ ขอคำแนะนำในการดำเนินการต่อไปด้วยครับ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ เปี๊ยก :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-13 16:14:07 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2118879) | |
เมื่อโครงการยังคงมีอยู่จึงถือไม่ได้ว่า นาย ป. ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ตาม ป.อาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอก ลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-10-13 21:36:36 |
[1] |