คดีพยายามฆ่า แต่มีสาเหตุที่สามารถแจ้งความได้ ช่วยหน่อยนะค่ะ | |
ช่วยหน่อยนะค่ะ คือ | |
ผู้ตั้งกระทู้ เดือดร้อนมากค่ะ :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-19 22:47:42 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2170913) | |
ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4461/2565 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืนตาม ป.อ. มาตรา 80, 288, 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตาม ป.อ. มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 ก็มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง อันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความได้ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 376 เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก อันเป็นการไม่ชอบ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 80, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง นับโทษของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกหรือระยะเวลาการฝึกอบรมของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1/2562 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4/2562 ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงคราม จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 4 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ปรับ 3,000 บาท รวมจำคุก 8 เดือน และปรับ 3,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 1,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและยกคำขอให้นับโทษต่อ ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกับฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี 8 เดือน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ทางนำสืบและคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกฐานพยายามฆ่าผู้อื่น 4 ปี 5 เดือน 10 วัน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต 4 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต 2 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 11 เดือน 10 วัน ไม่ปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยมีอาวุธปืนพกและกระสุนปืนขนาด .45 (11 มม.) จำนวนเท่าใดไม่ปรากฏชัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้วจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในที่เกิดเหตุ จากนั้นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงในที่เกิดเหตุรวม 4 นัด หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน ขนาด .45 (11 มม.) ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 4 ปลอก จึงยึดเป็นของกลาง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 หรือไม่ เห็นว่า ที่ผู้เสียหายที่ 1 เบิกความอ้างว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 ยืนอยู่กับกลุ่มของนายปานฉัตร ได้ยินเสียงร้องให้ผู้เสียหายที่ 1 ระวังปืน ผู้เสียหายที่ 1 มองไปที่กลุ่มวัยรุ่นเห็นจำเลยชักอาวุธปืนออกจากเอวเล็งไปทางผู้เสียหายที่ 1 แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้เสียหายที่ 1 และขณะวิ่งหลบหนีก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 4 นัด แต่ผู้เสียหายที่ 1 กลับเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ผู้เสียหายที่ 1 ได้ยินเสียงร้องจึงหันไปเห็นจำเลยใช้สองมือถืออาวุธปืน ผู้เสียหายที่ 1 ตกใจจึงวิ่งหลบหนีไปในทันที ทั้งบริเวณที่เกิดเหตุค่อนข้างมืด สามารถมองเห็นกันได้ชัดในระยะห่างไม่เกิน 2 เมตร แต่ขณะนั้นจำเลยยืนอยู่ห่างไปประมาณ 10 เมตร ผู้เสียหายที่ 1 ไม่อาจยืนยันว่าจำเลยเล็งอาวุธปืนไปทางผู้เสียหายที่ 1 หรือผู้ใด ที่ผู้เสียหายที่ 1 อ้างว่าจำเลยถืออาวุธปืนเล็งไปทางผู้เสียหายที่ 1 จึงน่าเชื่อว่าเกิดจากความเข้าใจของผู้เสียหายที่ 1 เอง ส่วนที่ผู้เสียหายที่ 2 เบิกความว่า เห็นจำเลยถืออาวุธปืนเล็งไปทางผู้เสียหายที่ 1 เมื่อผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหลบหนี จำเลยก็วิ่งตามแล้วใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็ปรากฏตามภาพถ่ายประกอบสำนวนว่า หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 11 มม. รวม 4 ปลอก ตกอยู่บนถนนหน้ากุฏิชี โดยกระสุนปืนดังกล่าวตกอยู่ในบริเวณเดียวกัน หากจำเลยวิ่งตามผู้เสียหายที่ 1 แล้วจึงใช้อาวุธปืนยิง ปลอกกระสุนปืนคงไม่ตกอยู่ในบริเวณเดียวกันเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 4 นัด โดยยืนอยู่ในที่เดิม มิได้วิ่งไล่ตามผู้เสียหายที่ 1 แล้วใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ดังที่ผู้เสียหายที่ 2 เบิกความ ทั้งผู้เสียหายที่ 2 ยังเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ขณะเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก ผู้เสียหายที่ 2 ยังไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนจากทิศทางใด เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ถูกผลักล้มลง ก็ได้ยินเสียงปืนนัดที่สอง และเนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุค่อนข้างมืด มองเห็นเพียงเงาคน ผู้เสียหายที่ 2 จึงไม่แน่ใจว่าจำเลยเล็งอาวุธปืนไปทางผู้เสียหายที่ 1 หรือเล็งไปตามทางที่ผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหลบหนีหรือไม่ คำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมุ่งที่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยตรงแต่อย่างใดเช่นกัน โดยเฉพาะจำเลยกับผู้เสียหายทั้งสองต่างไม่รู้จักกันมาก่อน เพียงเหตุที่พวกของจำเลยมีเหตุวิวาทกับพวกของผู้เสียหายทั้งสองยังมิใช่เป็นเหตุถึงขนาดจูงใจให้จำเลยคิดฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง ทั้งขณะเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งสองกับพวกยืนรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนจำเลยกับพวกยืนเป็นกลุ่มอยู่อีกด้านหนึ่ง หากจำเลยมีเจตนาที่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองกับพวก ก็สามารถใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มของผู้เสียหายในขณะนั้น อันจะทำให้กระสุนปืนยิงถูกผู้เสียหายทั้งสองหรือผู้หนึ่งผู้ใดในกลุ่มได้โดยง่าย แต่จำเลยก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ กลับได้ความว่าเมื่อมีเสียงร้องให้ผู้เสียหายที่ 1 ระวังปืน กลุ่มของผู้เสียหายทั้งสองก็วิ่งหลบหนีในทันที จากนั้นจึงมีเสียงปืนดังขึ้น แสดงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงหลังจากผู้เสียหายที่ 1 กับพวกต่างวิ่งหลบหนีกันแล้วเจือสมตามที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่า หลังจากผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหลบหนีแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไปบริเวณที่ไม่มีคนรวม 4 นัด พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อมาว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 ก็มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง อันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำตามที่พิจารณาได้ความได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก อันเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่ามีเหตุสมควรลงโทษสถานเบาในความผิดฐานนี้หรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ส่วนปัญหาว่ามีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า อาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรงสามารถใช้ยิงทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นได้โดยง่าย ทั้งการที่จำเลยพาอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนติดตัวไปที่เกิดเหตุซึ่งมีเหตุทะเลาะวิวาท ก็นับเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการที่จำเลยอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำความผิดร้ายแรงอื่นได้ ประกอบกับปรากฏตามรายการประวัติการกระทำความผิดว่า ขณะยังเป็นเยาวชน จำเลยเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่จำเลยก็ไม่เข็ดหลาบ กลับมากระทำความผิดในลักษณะที่ร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม ตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และไม่ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-04-20 15:50:38 |
[1] |