ถามต่อ | |
ก กับ ข เป็นพี่น้องกัน มีที่ดินติดแม่น้ำ แปลง ก อยู่ทางเหนือ และแปลง ข อยู่ด้านใต้ ซึ่งติดกัน เดิมที่ทั้งสองแปลงเป็นแปลงเดียวกัน พึ่งจะแบ่งเป็นสองแปลงหลังพ่อแม่เสีย และ ก่อนแบ่ง ข ทำหน้าที่ดูแลที่ดินทั้งหมด และได้นำดินจากที่ดินส่วนใต้ไปถมในที่ดิน กเพื่อสร้างที่จอดเรือ อยากทราบว่า ที่ดินส่วนที่ถมใหม่เป็นของใคร สมมุติว่าเป็นการถมที่บนที่ดินที่งอกมาใหม่ | |
ผู้ตั้งกระทู้ AUM :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-16 13:16:19 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2016463) | |
มาตรา 1308 ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง ที่งอกย่อมเป็นทรัพย์สิน ของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น "สมมุติว่าเป็นการถมที่บนที่ดินที่งอกมาใหม่" ตอบว่าใครเป็นเจ้าของที่งอกริมตลิ่งก็เป็นเจ้าของส่วนที่ถมใหม่ด้วยครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-16 13:28:28 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2016757) | |
ต้องใช้ราคาที่ดินที่ถมไปในฐานลาภมิควรได้ โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทเพื่อปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัย ก็ย่อมจำเป็นต้องถมดินเพื่อปรับระดับพื้นให้สูงพ้นจากน้ำท่วม อันเป็นการกระทำเพื่อครอบครองใช้สอยที่ดินพิพาทของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 แม้ว่าขณะนั้นโจทก์ทั้งสองทราบอยู่แล้วว่า จำเลยกำลังร้องขอต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อขอซื้อที่ดินพิพาทกับได้ฟ้องร้องต่อโจทก์ทั้งสอง แต่ก็ยังมิได้มีผลแพ้ชนะกันออกมา ดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสองถมดินในที่ดินพิพาทเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยที่ดินของตน จึงไม่อาจฟังได้ว่า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อจำเลยรับโอนที่ดินพิพาทมาในราคาเดียวกับราคาที่โจทก์ทั้งสองซื้อมา จำเลยจึงได้ดินถมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถมดิน และได้มูลค่าที่ดินพิพาทเพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับราคาที่ดินพิพาทที่ยังไม่ได้ถม ดินถมดังกล่าวและมูลค่าที่ดินพิพาทที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือว่าเป็นการเพิ่มพูนกองทรัพย์สินของจำเลย จึงเป็นทรัพย์สิ่งใดที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 406 จำเลยจึงต้องชดใช้ราคาที่ดินที่โจทก์ทั้งสองถมที่ดินไป คำพิพากษาที่ 5817/2551 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2009-12-17 09:28:22 |
[1] |