ReadyPlanet.com


ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง


ผมมีเรื่องปรึกษาหน่อยครับ ยังไงรบกวนเวลาท่านหน่อยนะครับเพราะตอนนี้กังวลมากจนการงานแทบไม่ได้ทำ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปลายปีที่แล้วผมถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์เป็นเงินจำนวน82,100บาทโดยผมรู้จักเพื่อนคนหนึ่งที่ผมคบกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่าสนิทสนมกันมากและอย่มาวันหนึ่งเขามาถามผมว่าผมสามารถฝากให้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งได้ใช่ไหม ผมก็พยายามเลี่ยงจะตอบมาตลอดจนเพื่อนคนนี้รบเร้าจะเอาคำตอบผมเลยตอบไปว่าได้ เพื่อนคนนี้เลยพยายามให้ผมฝากเข้าทำงานให้ได้โดยตามตอแยผมอยู่ประมาณ3-4วันจนวันที่ผมรับปากเหตุเพราะเขาพูดว่า ทีคนอื่นมึงฝากให้ได้ที่กูเพื่อนมึงคบกันมาเป็นสิบๆปีมึงไม่ยอมฝากให้แบบนี้มึงกับกูเลิกคบกันดีกว่า ผมได้ยินคำนี้กลัวจะเสียเพื่อนเลยตกลงรับปากฝากให้แต่ทั้งที่ในใจไม่อยากยุ่ง  ผมเลยไปปรึกษษพี่เขาอีกคนที่เขาสามารถพาเข้าให้ได้เขาก็แนะนำให้ไปสมัครสอบเข้าที่บริษัทหนึ่งโดยเขาเป็นคนทำคะแนนสอบให้เขาขอค่าเหนื่อย10,000บาท พอผมคุยกับพี่เขาเสร็จก็ไปบอกเพื่อนผมว่าให้ทำอย่างไรบ้าง เพื่อนผมคนนี้ก็ให้เงินมาแต่ความที่ผมไม่สบายใจแต่แรกที่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเลยโทรศัพท์คุยกับภรรยาว่าจะเอายังไงดี ภรรยาก็บอกให้เอาเงินไปคืน ผมเลยโทรไปหาเพื่อนบอกว่าพี่เขาไม่ฝากให้แล้วแต่เพื่อนผมก็พยายามให้ผมคุยกับพี่เขาให้ได้ให้ฝากให้จนสุดท้ายผมก็ต้องรับปากไปอีกรอบ เหตุการณ์ทุกอย่างผมก็ไปทำอย่างที่พี่เขาบอกมาทั้งหมดคือพาเขาไปสมัครสอบและคอยติวคอยอะไรให้ จนวันหนึ่งเพื่อนผมคนนี้ถามผมว่าผมทำอะไรเห็นมีเวลาที่จะมาติวให้ผมและอีกอย่างผมเป็นคนมีครอบครัว ผมเลยบอกว่าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งไปคล้องกับตัวย่อบริษัทที่เขาจะไปสอบเข้าพอดีและเขาถามผมว่าผมอยู่ตำแหน่งอะไรผมบอกว่าอยู่ผู้ช่วยผู้จัดการและเขาก็ถามว่าเงินเดือนผมเท่าไรผมบอกว่าแปดถึงหมื่นแต่ไม่เข้าใจว่าเข้าได้ยินยังไงเป็นแปดหมื่น(งั้นนี้ผมมารู้ตอนมีเรื่องว่าเขาเข้าใจว่าผมทำงานอยู่ข้างในในนั้นด้วย)พออยู่มาวันหนึ่งพี่สาวเพื่อนผมคนนี้รู้จักกับพ่อผมเลยได้นั่งคุยสนทนากันและพี่สาวเพื่อนผมคนนี้ก็ได้มาหลายครั้งและสุดท้ายก็นำพาไปสู่การแจ้งความว่าผมฉ้อโกงทรัพย์ทั้งตอนที่เขาแจ้งความเพื่อนผมคนนี้ยังไม่ได้ไปสอบตามที่ตกลงไว้ตอนที่ตำรวจมาตามผมที่บ้านผมก็ไปให้ปากคำโดยยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นภรรยาผมท้องลูกคนที่สองซึ่งกำลังใกล้คลอด วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านเลยมีผมกับภรรยาเท่านั้นพอไปถึงโรงพักตำรวจก็ถามผม ผมก็ให้การณ์ตามจริงแต่สักพักตำรวจบอกว่าถ้าไม่รับเดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้านต้องติดคุกต้องนอนคุกใจผมห่วงภรรยาจะยังไงก็ขอให้ได้กลับบ้านก่อน เลยรับไปตามที่เขากล่าวหาโดยเขาบอกว่าผมเอาเงินไปทั้งหมด81,200บาท ทั้งที่เขาให้มาไม่ถึงด้วยซำ และตกลงยอมความโดยจะชำระให้เดือนละ2,000บาทแต่ทางเพื่อนผมคนนี้เขาไม่ยอมเขาจะเอามอเตอร์ไซค์คันที่ผมขับกับตู้เย็นที่บ้านเป็นหลักประกัน โดยผมบอกว่ารถมอเตอร์คนที่ผมขับนั้นไม่ใช่ของผมเพราะผมยังผ่อนอยู่ชื่อเป็นของบริษัทการเงินแต่เขาไม่ยอมเขาจะเอาให้ได้สุดท้ายผมเลยต้องยอมตามที่เขาต้องการทุกอย่างและหลังจากนั้น2วันแม่และพี่สาวผมกลับมาจากทำธุระที่ต่างอำเภอกลับมาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็เล่าให้ฟังและพี่สาวบอกว่ารถนะต้องให้เอากลับมาเพราะถ้าบริษัทรู้เราจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์ไปด้วยเพราะรถนะของบริผา ผมเลยโทรขอร้องให้ส่งรถกลับให้แต่เขาบอกว่าต้องโทรไปหาตำตวจเองเพราะตอนเอาไปนะตำรวจก็อนุญาตให้เอาทรัพย์ไปได้จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมคืนให้และนัดให้ไปพบหลายครั้งแต่ไม่เคยมาตามนัดจนถึงวันที่ชำระหนี้ให้ตามที่ตกลงพี่สาวก็บอกให้เอารถมาให้แล้วจะจ่ายหนี้ให้สุดท้ายตกลงไปได้ต้องไปโรงพักไปพบตำรวจที่ทำคดีนี้ พยายามขอรถกลับเพื่อว่าผมได้ขับรถไปทำงานและไม่โดนข้อหายักยอกทรัพย์บริษัทแต่เพื่อนผมไม่ยอมพี่สาวผมเลยบอกว่าก็ให้แจ้งความดำเนินคดีไปเลยแต่ต้องเอารถมาคืนให้ ตำรวจก็บอกให้เพื่อนผมเอารถมาให้ เพื่อนผมก้ไปเอารถกลับมาให้และแจ้งความดำเนินคดีและนัดให้ไปพบแต่ผมก็ไปทุกครั้งแต่ไม่เคยพบจนเรื่องเงียบหายไป1ปีเต็มมาวันที่29พฤจิกายนผมได้รับหมายศาลให้ไปพบวันที่1ธันวาคม 2552 ผมก้ไปพบแต่ก็ไม่เจออีก พี่ที่เป้นตำรวจบอกว่าเขาติดประชุมอยู่ ผมเลยอยากรู้ว่าคดีผมมีโอกาศจะรอดจากการสั่งจำคุกไหมและตอนอายุประมาณ18ปีผมเคยโดนข้อหาเดียวกันแต่ตอนนั้นศาลเยาวชนสั้งรอลงอาญาเหตุเพราะความเข้าใจผิดของคู่กรณีผม เพราะตอนนี้ผมห่วงครอบครัวมากและได้งานใหม่ที่ดีและกำลังอยู่ช่วงสร้างครอบครัวและมีลูกเล็กอยู่1คน กลัวไม่มีผมเขาจะลำบาก ยังไงรบกวนพี่ช่วยตอบหน่อยนะครับ

ข้อที่เคลือบแคลงใจอยู่ตอนนี้

1.ตำรวจสามารถสั่งให้คู่กรณีเอาทรัพย์ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งทรัพย์นั้นไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ถูกกล่าวหาได้ไหมในเมื่อทรัพยืนั้นยังผ่อนชำระอยู่หรือเรียกว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพียงผู้ถูกครอบครอง  ตำรวจมีอำนาจตรงนั้นไหม

2.ทำไมหมายเรียกตรงที่เขียนว่า คดีระหว่าง ต้องเป็นชื่อตำรวจเจ้าของคดีกับผู้ถูกกล่าวหาทำไมไม่เป็นชื่อคู่กรณี

3.ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหายินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แต่คู่กรณีไม่ยอมต้องได้รถถึงจะยอมแบบนี้จะมีผลอะไรไหมถ้าขึ้นศาล

4.ไม่มีหลักฐานหรือเอกสารหรือลายมือชื่อของผู้ถูกกล่าวหาเลยมีเพียงเสื้อผ้าเท่านั้นที่อยู่กับคู่กรณี แบบนี้ใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ไหม

5.ทำไมหมายเรียกถึงใช้เวลานานเป้นปีครับ

6.การเซ็นรับสารภาพครั้งแรกจะมีผลอะไรไหมครับ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ a :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-02 04:03:49


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2012380)

1. ตำรวจไม่มีสิทธิสั่งหรืออนุญาตได้ คุณสามารถแจ้งให้เจ้าของที่แท้จริง แจ้งให้นำรถมาคืนมิฉะนั้นแจ้งขอหาลักทรัพย์ได้ แต่จะผิดจะถูกก็ต้องไปว่ากันที่ศาล จะไกล่เกลี่ยกันอย่างไรก็ว่าไปเพราะต้องขอบารมีศาลเรียกรถคืน

2. ยังเป็นหมายเรียกในชั้นพนักงานสอบสวนอยู่ครับ

3. ไม่มีผลครับ ถ้าต่อสู้คดีด้วยความสุจริต คุณจะได้รับความยุติธรรมจากศาลครับ

4.  รอให้ถูกฟ้องแล้วเล่าให้ทนายความฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วค่อยวางแผนคดีครับ ตอบตอนนี้คงไม่ได้ข้อมูลมีไม่พอตอบครับ

5. พนักงานสอบสวนมีคดีที่รับผิดชอบมาก และไม่ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียเปรียบหรือเสียหายครับ แต่ผู้เสียหายต่างหากที่ร้อนใจเพราะคดีเขาไม่คืบหน้า ส่วนเรื่องรถที่ยึดไปไม่คืนก็ไม่เกี่ยวกับคดีนี้คุณสามารถดำเนินการได้เลยไม่ต้องรอคดีของคุณ

6. ก็มีผลบ้างครับ เพราะทำให้ศาลมองว่าคุณรับสารภาพในทันทีไม่มีเวลาคิดน่าจะได้พูกไปตามความจริง แต่จะเป็นการสารภาพชั้นสอบสวนแล้วหรือไม่ ไม่แน่ใจนะครับ เพราะข้อมูลคุณไม่ชัดเจน เห็นบอกว่าพึ่งได้รับหมายเรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวนแต่จะไปรับสารภาพได้อย่างไร อันนี้ต้องขอออกตัวว่า คำตอบอาจคลาดเคลื่อนถ้าเข้าใจเท็จจริงผิดไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-02 12:11:55


ความคิดเห็นที่ 2 (2012885)

ผมมีเรื่องปรึกษาหน่อยครับ ยังไงรบกวนเวลาท่านหน่อยนะครับเพราะตอนนี้กังวลมากจนการงานแทบไม่ได้ทำ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปลายปีที่แล้วผมถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์เป็นเงินจำนวน82,100บาทโดยผมรู้จักเพื่อนคนหนึ่งที่ผมคบกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่าสนิทสนมกันมากและอย่มาวันหนึ่งเขามาถามผมว่าผมสามารถฝากให้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งได้ใช่ไหม ผมก็พยายามเลี่ยงจะตอบมาตลอดจนเพื่อนคนนี้รบเร้าจะเอาคำตอบผมเลยตอบไปว่าได้ เพื่อนคนนี้เลยพยายามให้ผมฝากเข้าทำงานให้ได้โดยตามตอแยผมอยู่ประมาณ3-4วันจนวันที่ผมรับปากเหตุเพราะเขาพูดว่า ทีคนอื่นมึงฝากให้ได้ที่กูเพื่อนมึงคบกันมาเป็นสิบๆปีมึงไม่ยอมฝากให้แบบนี้มึงกับกูเลิกคบกันดีกว่า ผมได้ยินคำนี้กลัวจะเสียเพื่อนเลยตกลงรับปากฝากให้แต่ทั้งที่ในใจไม่อยากยุ่ง  ผมเลยไปปรึกษษพี่เขาอีกคนที่เขาสามารถพาเข้าให้ได้เขาก็แนะนำให้ไปสมัครสอบเข้าที่บริษัทหนึ่งโดยเขาเป็นคนทำคะแนนสอบให้เขาขอค่าเหนื่อย10,000บาท พอผมคุยกับพี่เขาเสร็จก็ไปบอกเพื่อนผมว่าให้ทำอย่างไรบ้าง เพื่อนผมคนนี้ก็ให้เงินมาแต่ความที่ผมไม่สบายใจแต่แรกที่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเลยโทรศัพท์คุยกับภรรยาว่าจะเอายังไงดี ภรรยาก็บอกให้เอาเงินไปคืน ผมเลยโทรไปหาเพื่อนบอกว่าพี่เขาไม่ฝากให้แล้วแต่เพื่อนผมก็พยายามให้ผมคุยกับพี่เขาให้ได้ให้ฝากให้จนสุดท้ายผมก็ต้องรับปากไปอีกรอบ เหตุการณ์ทุกอย่างผมก็ไปทำอย่างที่พี่เขาบอกมาทั้งหมดคือพาเขาไปสมัครสอบและคอยติวคอยอะไรให้ จนวันหนึ่งเพื่อนผมคนนี้ถามผมว่าผมทำอะไรเห็นมีเวลาที่จะมาติวให้ผมและอีกอย่างผมเป็นคนมีครอบครัว ผมเลยบอกว่าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งไปคล้องกับตัวย่อบริษัทที่เขาจะไปสอบเข้าพอดีและเขาถามผมว่าผมอยู่ตำแหน่งอะไรผมบอกว่าอยู่ผู้ช่วยผู้จัดการและเขาก็ถามว่าเงินเดือนผมเท่าไรผมบอกว่าแปดถึงหมื่นแต่ไม่เข้าใจว่าเข้าได้ยินยังไงเป็นแปดหมื่น(งั้นนี้ผมมารู้ตอนมีเรื่องว่าเขาเข้าใจว่าผมทำงานอยู่ข้างในในนั้นด้วย)พออยู่มาวันหนึ่งพี่สาวเพื่อนผมคนนี้รู้จักกับพ่อผมเลยได้นั่งคุยสนทนากันและพี่สาวเพื่อนผมคนนี้ก็ได้มาหลายครั้งและสุดท้ายก็นำพาไปสู่การแจ้งความว่าผมฉ้อโกงทรัพย์ทั้งตอนที่เขาแจ้งความเพื่อนผมคนนี้ยังไม่ได้ไปสอบตามที่ตกลงไว้ตอนที่ตำรวจมาตามผมที่บ้านผมก็ไปให้ปากคำโดยยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นภรรยาผมท้องลูกคนที่สองซึ่งกำลังใกล้คลอด วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านเลยมีผมกับภรรยาเท่านั้นพอไปถึงโรงพักตำรวจก็ถามผม ผมก็ให้การณ์ตามจริงแต่สักพักตำรวจบอกว่าถ้าไม่รับเดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้านต้องติดคุกต้องนอนคุกใจผมห่วงภรรยาจะยังไงก็ขอให้ได้กลับบ้านก่อน เลยรับไปตามที่เขากล่าวหาโดยเขาบอกว่าผมเอาเงินไปทั้งหมด81,200บาท ทั้งที่เขาให้มาไม่ถึงด้วยซำ และตกลงยอมความโดยจะชำระให้เดือนละ2,000บาทแต่ทางเพื่อนผมคนนี้เขาไม่ยอมเขาจะเอามอเตอร์ไซค์คันที่ผมขับกับตู้เย็นที่บ้านเป็นหลักประกัน โดยผมบอกว่ารถมอเตอร์คนที่ผมขับนั้นไม่ใช่ของผมเพราะผมยังผ่อนอยู่ชื่อเป็นของบริษัทการเงินแต่เขาไม่ยอมเขาจะเอาให้ได้สุดท้ายผมเลยต้องยอมตามที่เขาต้องการทุกอย่างและหลังจากนั้น2วันแม่และพี่สาวผมกลับมาจากทำธุระที่ต่างอำเภอกลับมาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็เล่าให้ฟังและพี่สาวบอกว่ารถนะต้องให้เอากลับมาเพราะถ้าบริษัทรู้เราจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์ไปด้วยเพราะรถนะของบริผา ผมเลยโทรขอร้องให้ส่งรถกลับให้แต่เขาบอกว่าต้องโทรไปหาตำตวจเองเพราะตอนเอาไปนะตำรวจก็อนุญาตให้เอาทรัพย์ไปได้จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมคืนให้และนัดให้ไปพบหลายครั้งแต่ไม่เคยมาตามนัดจนถึงวันที่ชำระหนี้ให้ตามที่ตกลงพี่สาวก็บอกให้เอารถมาให้แล้วจะจ่ายหนี้ให้สุดท้ายตกลงไปได้ต้องไปโรงพักไปพบตำรวจที่ทำคดีนี้ พยายามขอรถกลับเพื่อว่าผมได้ขับรถไปทำงานและไม่โดนข้อหายักยอกทรัพย์บริษัทแต่เพื่อนผมไม่ยอมพี่สาวผมเลยบอกว่าก็ให้แจ้งความดำเนินคดีไปเลยแต่ต้องเอารถมาคืนให้ ตำรวจก็บอกให้เพื่อนผมเอารถมาให้ เพื่อนผมก้ไปเอารถกลับมาให้และแจ้งความดำเนินคดีและนัดให้ไปพบแต่ผมก็ไปทุกครั้งแต่ไม่เคยพบจนเรื่องเงียบหายไป1ปีเต็มมาวันที่29พฤจิกายนผมได้รับหมายศาลให้ไปพบวันที่1ธันวาคม 2552 ผมก้ไปพบแต่ก็ไม่เจออีก พี่ที่เป้นตำรวจบอกว่าเขาติดประชุมอยู่ ผมเลยอยากรู้ว่าคดีผมมีโอกาศจะรอดจากการสั่งจำคุกไหมและตอนอายุประมาณ18ปีผมเคยโดนข้อหาเดียวกันแต่ตอนนั้นศาลเยาวชนสั้งรอลงอาญาเหตุเพราะความเข้าใจผิดของคู่กรณีผม เพราะตอนนี้ผมห่วงครอบครัวมากและได้งานใหม่ที่ดีและกำลังอยู่ช่วงสร้างครอบครัวและมีลูกเล็กอยู่1คน กลัวไม่มีผมเขาจะลำบาก ยังไงรบกวนพี่ช่วยตอบหน่อยนะครับ

ผมได้อธิบายรายละเอียดไว้ในนี้หมดแล้วครับถ้ามีต้องไหนข้องใจหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มก็เขียนมาได้เลยยนะครับจะได้อธิบายได้เพราะตอนนี้คดียังไม่คืบหน้าเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น เอก วันที่ตอบ 2009-12-04 02:41:04


ความคิดเห็นที่ 3 (2012969)

ก็ตอบคำถามครบทุกข้อแล้วตามที่ถามมา 6 ข้อ หากมีคำถามเพิ่มเติมก็ถามมาได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-04 11:17:26


ความคิดเห็นที่ 4 (2013185)

ผมเลยอยากรู้ว่าคดีผมมีโอกาศจะรอดจากการสั่งจำคุกไหมและตอนอายุประมาณ18ปีผมเคยโดนข้อหาเดียวกันแต่ตอนนั้นศาลเยาวชนสั้งรอลงอาญาเหตุเพราะความเข้าใจผิดของคู่กรณีผม เพราะตอนนี้ผมห่วงครอบครัวมากและได้งานใหม่ที่ดีและกำลังอยู่ช่วงสร้างครอบครัวและมีลูกเล็กอยู่1คน กลัวไม่มีผมเขาจะลำบาก ยังไงรบกวนพี่ช่วยตอบหน่อยนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เอก วันที่ตอบ 2009-12-05 04:32:12


ความคิดเห็นที่ 5 (2013187)

คดีที่ศาลเยาวชนนั้นคดีจบไปแล้ว คงไม่มีผลถึงคดีว่าคุณจะแพ้หรือชนะคดีนี้หรอกครับ

สำหรับผลคดีจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปในชั้นศาลครับ แล้วคุณรับเงินของเขาไป แล้วเขาไม่ได้เข้างานตามที่ตกลงกันไว้ก็เลยมาเอาเรื่องคุณ

คดีฉ้อโกงเป็นคดียอมความกันได้ หากคุณได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาครบถ้วนแล้ว ก็คงไม่ถูกจำคุก แต่หากขอผ่อนชำระแล้ว ผู้เสียหายไม่ยอม ก็ควรนำเงินไปวางศาลอย่างน้อย 50% แล้วแถลงศาลขอผ่อนชำระส่วนที่เหลือ ศาลน่าจะปราณีลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้ก่อนได้ หรือเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปจนกว่าคุณจะชำระเสร็จก็ได้ครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-05 05:52:26


ความคิดเห็นที่ 6 (2015055)

ขอบคุณครับสำหรับคำตอบผมได้สบายใจและได้รู้ข้อกฎหมายมากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เอก วันที่ตอบ 2009-12-11 16:00:32



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล