เรื่องทางภาระจำยอม | |
คือเรื่องมันมีอยู่ว่าคนข้างบ้านต้องการเดินผ่านที่ดินของแม่ค่ะ ทั้งที่ที่ดินของเค้าก็ติดถนนสาธารณะรอบด้าน เค้าเลยไปฟ้องศาล ที่ดินของแม่เป็นโฉนด ค่ะ สู้กันจนถึงศาลฎีกาได้ตัดสินแล้วว่าให้ที่ดินของแม่เป็นทางภาระจำยอม เรื่องทางเดิน ในคำตัดสินของศาล บอกว่า ให้จำเลยรื้อถอนรั้ว และ ปรับสภาพดินให้อยู่ในสภาพเดิม คือตอนนี้จำเลยได้ถอนรั้วและสิ่งกีดขวาง ออกให้แล้ว แต่ ตอนนี้โจทก์ได้ถมที่ดินสูงกว่าที่ดินของจำเลยมาก จำเลยก็ปรับสภาพพื้นดินให้เป็นทางเดินให้แล้วแต่โจทก์ไม่ยอมจะทำถนนสูงให้เท่ากับที่ดินของโจทก์ ถ้าโจทก์ทำถนนสูงจำเลยก็เข้าออกลำบากมากค่ะ จึงขอคำแนะนำด้วยค่ะ จึงอยากทราบว่า 1. โจทก์มีสิทธ์ ทำอะไรได้บ้างกับที่ภาระจำยอม 2. โจทก์จะถมถนน หรือเทคอนกรีตได้หรือไม่ 3. จำเลยสามารถห้ามคนอื่นเดินได้หรือไม่ 4. ถ้าครอบครัวโจทก์ไม่เดินแล้วจำเลยสามาครปิดทางเดินได้หรือไม่
| |
ผู้ตั้งกระทู้ อัญชลี :: วันที่ลงประกาศ 2014-08-28 12:38:35 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3713516) | |
1. โจทก์มีสิทธ์ ทำอะไรได้บ้างกับที่ภาระจำยอม ตอบ - โจทก์เป็นเจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิที่จะทำสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอม แต่กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่ามีอะไรบ้าง การถมดินเพื่อให้ทางภาระจำยอมสามารถใช้สอยได้สะดวกเป็นการรักษาและใช้ภาระจำยอมโจทก์สามารถทำได้ครับ มาตรา 1391 เจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอม แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง ในการนี้เจ้าของสามยทรัพย์จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภารยทรัพย์ได้ก็แต่น้อยที่สุดตามพฤติการณ์ 2. โจทก์จะถมถนน หรือเทคอนกรีตได้หรือไม่ ตอบ - คำตอบตามข้อ 1. ครับ การถมถนนในทางภาระจำยอมเป็นการรักษาและใช้ภาระจำยอมจึงสามารถทำได้ แต่เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงทางภาระจำยอมจนทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ในที่ดินของจำเลย การที่โจทก์ถมดินบนทางภาระจำยอมสูงกว่าที่ดินของจำเลยมากและการถมทางภาระจำยอมสูงทำให้จำเลยเข้าออกลำบาก (ความเห็น) ผมเห็นว่าเป็นการเป็นการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินของจำเลย(ภารยทรัพย์) ไม่สามารถทำได้ครับ มาตรา 1388 เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือในสามยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ 3. จำเลยสามารถห้ามคนอื่นเดินได้หรือไม่ ตอบ - ที่ดินของจำเลยตกเป็นภาระจำยอมของที่ดินของโจทก์ ที่ดินแปลงอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนภาระจำยอมหรือที่ที่ดินของจำเลยไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ภาระจำยอมโดยคำพิพากษาของศาล, โดยผลของกฎหมาย, โดยอายุความ ก็ไม่สามารถใช้ทางภาระจำยอมได้ จำเลยจึงมีสิทธิหวงกันไม่ให้บุคคลใดหรือเจ้าของที่ดินแปลงอื่นใช้ทางภาระจำยอมนั้นได้ครับ 4. ถ้าครอบครัวโจทก์ไม่เดินแล้วจำเลยสามารถปิดทางเดินได้หรือไม่ ตอบ - หากโจทก์ไม่ใช้ทางภาระจำยอมเพราะเหตุหมดประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์กฎหมายให้ภาระจำยอมสิ้นไป แต่ข้อเท็จจริงที่ให้มาความเป็นไปมีทางให้กลับมาใช้ทางภาระจำยอมได้อีกและภายใน 10 ปี ดังนั้นเมื่อโจทก์ไม่เดินในทางภาระจำยอมยังไม่ถึง 10 ปี จำเลยจึงยังปิดทางภาระจำยอมไม่ได้ครับ มาตรา 1399 ภาระจำยอมนั้น ถ้ามิได้ใช้สิบปี ท่านว่าย่อมสิ้นไป
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 09:15:25 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3713517) | |
สิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมขึ้นภายหลังและรุกล้ำต้องรื้อถอนเพราะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์ ที่ดินพิพาทผู้จัดสรรที่ดินมีเจตนากันที่ดินไว้เป็นทางเข้าออกเพื่อไว้เป็นสาธารณูปโภคเพื่อประโยชน์ในการขายตึกแถวจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินจัดสรรรวมถึงที่ดินของจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 เมื่อที่ดินพิพาทตกเป็นภาระจำยอมโดยผลของกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่หรือห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้ จำเลยในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ก็ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1388 เช่นกัน ยกเว้นกันสาดปูนซีเมนต์ด้านหน้าตึกแถวที่มีมาแต่แรกแล้ว สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่ต่อเติมขึ้นภายหลังและรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทต้องรื้อถอนออกไปเพราะเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินพิพาทอันเป็นภารยทรัพย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 09:33:28 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3713533) | |
การจดทะเบียนภาระจำยอมนั้นพึงต้องถือว่าเป็นการอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2536 การจดทะเบียนภาระจำยอมนั้นพึงต้องถือว่าเป็นการอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมประการหนึ่ง ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1391 แม้โจทก์จะได้มาซึ่งทางภาระจำยอมโดยอายุความ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ก็ชอบที่จะเรียกให้จำเลยที่ 1 เจ้าของภารยทรัพย์จดทะเบียนทางภาระจำยอมแก่ตนได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 10:54:26 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3713534) | |
ปักเสาไฟฟ้าบนทางภาระจำยอมไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงในทางภารยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นในภารยทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4595/2551 บันทึกข้อตกลงทางภาระจำยอมเรื่องทางเดินและทางรถยนต์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่มีข้อตกลงให้ปักเสาไฟฟ้าลงบนที่ดิน ที่เป็นทางภาระจำยอม แต่ปัจจุบันบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงและเจริญมากขึ้น การใช้ไฟฟ้าตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่อาศัยหรือใช้ประกอบกิจการย่อมเป็นสิ่งจำเป็นต่อประชาชนทั่วไป การที่จำเลยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคติดตั้งเสาไฟ้ฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินภาระจำยอมเพื่อนำไปใช้ในที่ดินของจำเลยโดยปักเสาไฟฟ้าตามแนวยาวของทาง ภาระจำยอมด้านข้าง ไม่เป็นการกีดขวางทางเข้าออกจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเจ้าของสามยทรัพย์ทำการเปลี่ยนแปลงในทางภารยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นในภารยทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1388 จำเลยย่อมมีสิทธิกระทำได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 10:59:31 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3713535) | |
จดภาระจำยอมให้แค่เดินผ่านแต่ปลูกสร้างหลังคาและวางของขายเป็นการก่อภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ ที่ดินของโจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมให้เป็นทางเดินให้จำเลยใช้เป็นทางเข้าออกไปสู่ทางสาธารณะ แต่จำเลยได้ก่อสร้างหลังคา ชั้นวางของ นำวัสดุก่อสร้างมาวางจำหน่าย ทำที่จอดรถในทางภาระจำยอม จำเลยอ้างว่ามีอาชีพค้าวัสดุก่อสร้าง ได้นำเอาวัสดุก่อสร้างมาวางจำหน่ายบนทางภาระจำยอม ตั้งแต่ปี 2529 บิดามารดาโจทก์ มิได้คัดค้านหรือห้ามมิให้กระทำ ศาลเห็นว่าที่ดินของโจทก์ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของจำเลยในเรื่องทางเดิน โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะไปหวงห้ามมิให้เดินผ่าน แต่จำเลยนำวัสดุก่อสร้างมาวางจำหน่ายบนทางภาระจำยอมทำให้โจทก์และประชาชนอื่นไม่สามารถเดินผ่านทางภาระจำยอมไปได้อย่างสะดวก การกระทำของจำเลยเป็นการก่อภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 11:09:12 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3713584) | |
ซื้อที่ดินจากผู้รับโอนที่ดินมาจากผู้จัดสรรที่ดินขายภาระจำยอมจึงตกติดไปโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 1023/2546 การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. จัดจำหน่ายที่ดินพร้อมตึกแถวซึ่งมีสภาพติดต่อกันเป็นแปลงย่อยมีจำนวนตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไป โดยมีทางเท้าและถนนผ่านตึกหน้าโครงการเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่าจะจัดให้มีสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ ถือได้ว่าเป็นการจัดสรรที่ดิน ดังนั้น ทางเท้าและถนนซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินจึงต้องตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินที่จัดสรรทุกแปลงตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ข้อ 1 และข้อ 30 โจทก์ซื้อที่ดินจากผู้รับโอนที่ดินมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ภาระจำยอมจึงตกติดไปยังโจทก์ด้วยตาม ป.พ.พ.มาตรา 1387 เมื่อที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของทางภาระจำยอมที่ตกแก่ที่ดินที่จัดสรรทุกแปลงรวมทั้งที่ดินของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 12:09:17 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3713601) | |
ใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่านทางภาระจำยอมทำให้ชำรุดเสียหายควันเสียจากรถสร้างความเดือดร้อนเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5613/2540
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในชั้นไต่สวนคำร้องที่จำเลยขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในเหตุฉุกเฉินตามคำขอของโจทก์ถือเป็นข้อเท็จจริงในสำนวน
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 13:25:44 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3713605) | |
ที่ดินโจทก์ตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์ที่ดินจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธินำออกให้เช่าและจำเลยเจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิต่อเติมกันสาดและวางแผงหนังสือเพราะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภาระจำยอม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4803/2540 แม้ขณะเมื่อซื้อที่ดินพร้อมตึกแถวโจทก์ผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบอกว่าจะให้ที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะก็เป็นแต่เพียงคำมั่นว่าจะให้เท่านั้น กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้อุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายให้ที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะที่ดินพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่ปรากฏตามโฉนดที่ดินพิพาทอยู่ แต่การที่โจทก์วางผังสร้างตึกแถวโดยให้ที่ดินพิพาทเป็นถนนเชื่อมต่อกับทางสาธารณะเป็นทางเข้าออกตึกแถวรายนี้ ย่อมเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่าจะจัดให้ถนนเป็นสาธารณูปโภคแก่ตึกแถว โจทก์จึงมีภาระผูกพันโดยถือว่าที่ดินพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินและตึกแถวรายนี้แล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ซื้อที่ดินและตึกแถวโดยไม่มีทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ที่ดินพิพาทจึงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินและตึกแถวของจำเลย ซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าของภารยทรัพย์จะประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกหาได้ไม่ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1390 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และจำเลยในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือในสามยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์เช่นเดียวกันตามบทบัญญัติมาตรา 1388 การที่จำเลยต่อเติมกันสาดและวางแผนหนังสือรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งตกเป็นภารจำยอมเฉพาะใช้เป็นทางเข้าออกเท่านั้น จำเลยย่อมไม่มีสิทธิกระทำได้ เพราะเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์อบที่ศาลจะให้จำเลยรื้อถอนกันสาดและขนย้ายแผงหนังสือออกไปจากที่ดินพิพาท แต่การที่จำเลยต่อเติมกันสาดและวางแผงหนังสือบริเวณหน้าตึกแถวของจำเลย ย่อมเห็นได้ชัดแจ้งว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายเพราะโจทก์คงมีแต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งตกเป็นทางภารจำยอม โจทก์จึงต้องรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน และต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้น เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ของจำเลยด้วย กล่าวคือโจทก์ไม่อาจนำที่ดินพิพาทซึ่งตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินและตึกแถวของจำเลยใช้เป็นทางเข้าออกไปตั้งแผงลอยหรือนำออกให้เช่าได้อีกเพราะเป็นการกระทำอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ดังนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 13:34:55 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3713625) | |
ใช้รถบรรทุกดินเข้ามาถมที่ดินหลายไร่ถือได้ว่าเป็นการใช้ทางภารจำยอมเกินควรกว่าปกติย่อมทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2540 การจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินของโจทก์ระบุไว้ชัดแจ้งว่าเป็นภารจำยอมเรื่องทางเดินทั้งแปลงการวางท่อระบายน้ำระบบประปาไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคอื่นการที่จำเลยทั้งสี่จ้างรถบรรทุกดินเข้ามาถมที่ดินของจำเลยทั้งสี่ซึ่งมีจำนวนหลายไร่ถือได้ว่าเป็นการใช้ทางภารจำยอมเกินควรกว่าปกติย่อมทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้การที่โจทก์นำหลักปักกีดขวางมิให้รถบรรทุกดินแล่นผ่านที่ภารยทรัพย์เข้าไปถมที่ดินของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นการละเมิดต่อจำเลยทั้งสี่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 14:44:33 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3713630) | |
ที่ดินของจำเลยตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์จำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นแต่โจทก์รื้อกำแพงให้บุคคลอื่นใช้ถนนภาระจำยอมทำให้ต้องรับภาระมากเกินควรกว่าปกติ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2537 การที่จำเลยแบ่งแยกที่ดินแปลงใหญ่ออกเป็นแปลงย่อย ปลูกสร้างตึกแถวออกจำหน่ายถึง 60 แปลง และจัดให้มีการทำถนนออกสู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนอโศก-ดินแดง โดยจัดสร้างขึ้นพร้อม ๆกับการสร้างตึกแถวขายเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อตึกแถวเป็นการจัดจำหน่ายที่ดินติดต่อกันเป็นแปลงย่อยมีจำนวนตั้งแต่สิบแปลงขึ้นไปซึ่งนาง ศ. กับพวกได้ซื้อตึกแถว 1 ห้อง และได้ขายให้โจทก์ภายหลังการกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่าจำเลยได้จัดให้มีสาธารณูปโภค อันถือได้ว่าเป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ข้อ 30 การที่จำเลยจะขออนุญาตจัดสรรที่ดินหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ก็ไม่ทำให้การดำเนินการของจำเลยไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ดังนั้น ถนนคอนกรีตหน้าตึกแถวของโจทก์ซึ่งเป็นของจำเลยจึงเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินและตึกแถวของโจทก์ จำเลยหามีสิทธิปิดกั้นไม่ การที่โจทก์รื้อกำแพงของจำเลยด้านหลังตึกแถวโจทก์ออกและยอมให้บริษัท ง. จำกัด ใช้ถนนที่เป็นภารจำยอมโดยให้รถยนต์แล่นทะลุผ่านตึกแถวชั้นล่างของโจทก์เข้าออกถนนสาธารณะ ทำให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ต้องรับภาระมากเกินควรกว่าปกติต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1388 แต่ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้จำเลยปิดกั้นถนนภารจำยอมดังกล่าวได้ จำเลยคงมีสิทธิห้ามบุคคลอื่นใช้หรือเรียกค่าเสียหายหากเกิดมีขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจำเลยจึงมีสิทธิที่จะให้โจทก์ก่อสร้างกำแพงของจำเลยตามเดิม เพื่อมิให้บุคคลอื่นใช้ถนนพิพาท | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 14:56:12 |
ความคิดเห็นที่ 11 (3713655) | |
คำถาม ตอบคำถาม คำรณ เสริมสุข (ทนายความ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-09-28 16:46:44 |
[1] |