อยากสอบถามการเรียกเอาที่ดินคืนได้หรือไม่ในกรณีนี้ | |
ยายดิฉันมีลูก 5 คน ได้แบ่งที่ดินให้ลูกๆ ตามสันส่วน แม่ของดิฉันเป็นลูกสาวคนโต ได้ที่ดินน้อยกว่าน้า ๆ และยายได้รับการเลี้ยงดูจากน้าคนที่ 3 มีวันหนึ่งน้าคนที่ 3 ของดิฉัน กับพี่ชายของดิฉัน ได้ทะเลาะกันอย่างรุ่นแรง มีอาละวาด ด่าทอกันเสีย ๆ หาย ๆ และวันหนึ่งน้าดิฉันบอกว่าจะไม่ให้แม่ กับพี่ชายดิฉันอยู่ที่บ้าน (เป็นที่ดินของแม่ที่ยายได้โอนให้แล้ว) เพราะจะให้ยายฟ้องเอาที่ดินคืน ในกรณีนี้ ยายจะสามารถเรียกที่ดินคืนได้หรือไม่ค่ะ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ลูกคนหนึ่ง :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-09 09:56:44 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2283585) | |
การถอนคืนการให้ น้าทะเลาะกับพี่ชายของคุณก็เป็นเรื่องส่วนตัว น้าไม่ใช่ผู้ให้จึงไม่สิทธิฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ ส่วนน้าจะไปยุยงยายให้ถอนคืนการให้ก็เป็นสิทธิของยายจะเชื่อน้าหรือไม่ และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่การถอนคืนการให้จะต้องมีเหตุตามกรณีที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ไม่ใช่ให้แล้วจะฟ้องเรียกคืนได้ทุกกรณี ตามที่เล่ามานั้นไม่ปรากฏว่า แม่ของคุณประพฤติเนรคุณต่อยายอย่างไร จึงไม่อยู่ในกรณีที่จะถอนคืนการให้ได้ครับ มาตรา 531 อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้นท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์ วันที่ตอบ 2012-06-30 10:54:00 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2283587) | |
อายุความถอนคืนการให้ แม้คำให้การของจำเลยจะไม่ระบุระยะเวลาที่เป็นอายุความตามข้อต่อสู้ไว้ แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเณรคุณเพียงเรื่องเดียว ซึ่งตาม ป.พ.พ. บัญญัติเรื่องอายุความถอนคืนการให้ไว้ในลักษณะให้ มาตรา 533 เพียงมาตราเดียว ซึ่งเมื่ออ่านคำให้การของจำเลยโดยตลอดแล้วเป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ได้ด้วยการด่าว่า และหมิ่นประมาทโจทก์ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เพราะมิฉะนั้นโจทก์คงไม่โอนที่ดินแปลงที่ 5 ให้แก่จำเลยในวันที่ 10 เมษายน 2539 อย่างแน่นอน และหากศาลฟังว่าจำเลยประพฤติเนรคุณดังที่โจทก์ฟ้องอันเป็นมูลเหตุให้โจทก์มีสิทธิถอนคืนการให้ได้ ฟ้องโจทก์ก็ขาดอายุความแล้ว จำเลยยังได้แสดงเหตุแห่งการปฎิเสธและการขาดอายุความให้ปรากฏว่าเหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ คำให้การของจำเลยชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง คดีจึงมีประเด็นเรื่องอายุความ มาตรา 533 เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้วก็ดี หรือ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 10:57:41 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2283589) | |
ถอนคืนการให้-ประพฤติเนรคุณ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2550 เหตุประพฤติเนรคุณที่จะถอนคืนการให้ได้ในกรณี หมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง คดีนี้ จำเลยพูดว่า "พูดจากลับไปกลับมาเหมือนเด็ก เล่นขายของ ..
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:00:34 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2283590) | |
การถอนคืนการให้ ให้ที่ดินมีเงื่อนไขต้องส่งข้าวเปลือก มิใช่ภาระติดพันในทรัพย์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:03:35 |
ความคิดเห็นที่ 5 (2283593) | |
ทำร้ายร่างกายมารดา เป็นเหตุอาญาร้ายแรงที่จะเพิกถอนการให้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:18:06 |
ความคิดเห็นที่ 6 (2283594) | |
แม้เพียงดูหมิ่นผู้ให้ ก็ถือว่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:20:23 |
ความคิดเห็นที่ 7 (2283598) | |
การถอนคืนการให้ทรัพย์สิน กรณีทายาทของผู้ให้ใช้สิทธิถอนคืนการให้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:26:58 |
ความคิดเห็นที่ 8 (2283601) | |
ถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 ซึ่งบัญญัติว่า “อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น อาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ - ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา,
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6323/2552 โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยประพฤติเนรคุณเป็น 2 ประการ ประการแรกจำเลยขับไล่และด่าว่าโจทก์ “แก่แล้วทำไมไม่ตายเสียที น่าจะตายให้พ้น ๆ ไป จะได้ไม่เป็นภาระกับคนอื่น” ประการที่ 2 จำเลยไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ ทั้งที่จำเลยสามารถหยิบยื่นได้ อันเป็นเหตุตาม ป.พ.พ.มาตรา 531(2) และ (3) ตามลำดับ แต่เหตุประการแรกโจทก์ไม่นำสืบว่าจำเลยด่าว่าอย่างไรบ้างที่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ.มาตรา 531 (2) ส่วนเหตุประการที่สองโจทก์อ้างว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดู ไม่ให้ค่าเลี้ยงชีพเมื่อโจทก์ขอ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ยังมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินอย่างน้อย 1 แปลง และมีบุตรคนอื่น ๆ ให้การอุปการะเลี้ยงดูด้วย ตามสถานภาพของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคนยากไร้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531(3) กรณีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะถอนคืนการให้ได้ ในกรณีเจ้าของทรัพย์สินอาจมีความกังวลว่าถ้าหากได้ยกทรัพย์สินให้บุตรหรือญาติหรือผู้ใดจนไม่มีทรัพย์สินที่จะเลี้ยงตัวเองแล้วอาจจะถูกผู้รับทอดทิ้งหรือไม่ส่งเสียเลี้ยงดูในภายหลัง ทางแก้ง่าย ๆ ควรจะทำเป็นพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ผู้ที่ตนตั้งใจจะยกทรัพย์สินให้แทนการไปจดทะเบียนโอนยกให้ เพราะหากเกิดสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เจ้าของทรัพย์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขพินัยกรรมได้เสมอ เนื่องจากพินัยกรรมฉบับหลังสุดหากมีข้อขัดหรือแย้งกับพินัยกรรมฉบับก่อน ๆ ให้ถือพินัยกรรมหรือข้อกำหนดในพินัยกรรมฉบับหลังสุด เพราะพินัยกรรมหรือข้อกำหนดในพินัยกรรมจะมีผลบังคับได้จะต้องเป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายของผู้ตาย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-06-30 11:34:07 |
[1] |