ธนาคารอายัดเงินเดือน | |
ธนาคารกรุงไทยฟ้องลูกหนี้ธนวัฎ และผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วม ลูกหนี้ที่ 1 ไม่มีเงินเดือนผ่านธนาคารฯ เนื่องจากลาออกจากราชการแล้ว ส่วนผู้ค้ำประกันฐานะลูกหนี้ร่วม ยังคงรับราชการ และเงินเดือนผ่านธนาคารฯ ศาลมีคำบังคับให้ลูกหนี้ร่วมกันชำระหนี้ให้แก่ธนาคารฯ ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ ธนาคารฯ ได้อายัดเงินเดือนของผู้ค้ำประกันฯ อยากทราบว่า ธนาคารฯ ใช้ระเบียบหรือกฎหมายใด ระงับการเบิก-จ่ายเงินเดือนของผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วม | |
ผู้ตั้งกระทู้ Chamoh :: วันที่ลงประกาศ 2008-06-05 14:32:00 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1765589) | |
มาตรา 286 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น เงินหรือสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปนี้ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เงินเดือนข้าราชการไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดีนะครับ ดังนั้นหากดำเนินการไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายก็คัดค้านไปยังสำนักงานบังคับคดีได้ครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 17:37:47 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1765611) | |
เงินขวัญถุงที่ข้าราชการได้รับจำนวน 7 เท่า ของเงินเดือนตาม พ.ร.ฎ. เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ พ.ศ. 2542 มาตรา 8 เป็นส่วนหนึ่งของเงินที่ทางราชการจ่ายเพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่ลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ ถือได้ว่าเป็นเงินบำเหน็จ ซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286 (2)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 17:54:42 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1765615) | |
เนื่องจาก พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ.2538 มาตรา 12 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า เงินประจำตำแหน่งไม่ถือเป็นเงินเดือน ดังนั้น เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการจึงมิใช่เงินเดือนในความหมายของเงินเดือนของข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐบาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286 (2) โจทก์ย่อมบังคับคดีได้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 17:56:40 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1765619) | |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2546
เนื่องจาก พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ.2538 มาตรา 12 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า เงินประจำตำแหน่งไม่ถือเป็นเงินเดือน ดังนั้น เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการจึงมิใช่เงินเดือนในความหมายของเงินเดือนของข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐบาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286 (2) โจทก์ย่อมบังคับคดีได้
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 148,223.50 บาท ตามสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันแก่โจทก์ ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดและอายัดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 8 ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งจากเงินงบประมาณ หมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำ เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง เนื่องจากเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการเป็นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนส่วนหนึ่งของเงินเดือน จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่อายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 อยู่ในความหมายของเงินเดือนของข้าราชการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) ซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี จึงให้เพิกถอนคำสั่งอายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีหรือไม่ เห็นว่า คำว่าเงินประจำตำแหน่งนั้น ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ.2539 มาตรา 3 หมายความว่า เงินประจำตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งซึ่งกฎหมายที่ว่านี้ก็คือพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ.2538 โดยมาตรา 12 วรรคสาม ของพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติไว้ชัดเจนว่า เงินประจำตำแหน่งไม่ถือเป็นเงินเดือน ดังนั้น เมื่อเงินประจำตำแหน่งไม่มีสภาพเป็นเงินเดือน จึงไม่อยู่ในความหมายของเงินเดือนของข้าราชการตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) อันจะไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โจทก์ย่อมบังคับเอาจากเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่อายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 2 เสียค่าธรรมเนียมศาลไม่ครบจึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบนั้น เห็นว่า การร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่อายัดเงินประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 2 เป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งต้องทำเป็นคำร้องและต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (3) เป็นค่าคำร้องเป็นเงิน 20 บาท และข้อ (7) เป็นค่าคำสั่งอีกเป็นเงิน 50 บาท โดยต้องชำระเมื่อยื่นคำขอต่อศาล เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอโดยเสียค่าธรรมเนียมศาล 20 บาท และพนักงานศาลระบุว่าเป็น "ค่าคำร้อง" ตามที่พนักงานศาลเรียกให้เสีย แม้จำเลยที่ 2 มิได้เสียค่าคำสั่งเป็นเงิน 50 บาท อันเป็นการเสียค่าธรรมเนียมศาลไม่ครบ แต่ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยที่ 2 และมีคำสั่งชี้ขาดแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 จงใจหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งขาดอยู่เพียง 50 บาท ให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 2 เสียค่าธรรมเนียมศาลให้ครบตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ. ( สดศรี สัตยธรรม - วิรัช ลิ้มวิชัย - มานะ ศุภวิริยกุล ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 17:58:59 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1766262) | |
ผมอ่านความเห็นของคุณลีนนท์ แล้วผมก็ยังงงอยู่ดี เพราะฟมไม่เข้าใจคำว่าอุทธร์ และก็ฎีกา แล้วทำไมศาลถึงได้กลับไปกลับมา งงครับท่าน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนชอบสงสัย วันที่ตอบ 2008-06-06 13:16:19 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1766427) | |
ศาลฎีกา เป็นศาลชั้นสูงสุด เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วคู่ความไม่พอใน และเมื่อเมื่อศาลฎีกาตัดสินย่อมยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-06 16:01:28 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1843945) | |
ไร้ไขมัน ปฏิวัติรูปร่างใหม่ !!! กับสุดยอดโปรแกรมโภชนาการ ระดับโลก จากสหรัฐอเมริกา คืนความสมดุลให้ร่างกาย ควบคุมน้ำหนัก ลดสัดส่วน และไขมัน ในร่างกาย ฟื้นฟูความเสื่อมของร่ายกาย ให้คุณ สัมผัสการเปลี่ยนแปลงใน 10 วัน อิ่มเร็วขึ้น รับประทานอาหารได้เท่าที่ต้องการ
หลับสนิท หลับลึก ตื่นได้เองในตอนเช้า อย่างสดชื่น
*นอกจากน้ำหนักตัว และสัดส่วนของคุณจะดีขึ้นแล้ว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น mind&care (tnt_816-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-09-30 12:24:20 |
[1] |