การฟ้องหย่า ต้องมีเหตุตามกฎหมาย เช่น

1. คุ่สมรสมีชู้ ประพฤติชั่ว  ทำร้ายร่างกายร้ายแรง  จงใจทิ้งร้างกันเกินหนึ่งปี  สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี  ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู  เป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรง

ฝ่ายที่ไม่ผิดฟ้องหย่าได้

2. กรณีของคุณไม่ปรากฎว่าฝ่ายภรรยามีความผิดใดจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ ก็ต้องตกลงกันให้เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายว่าขอหย่ากันโดยความยินยอม เช่นให้ค่าเลี้ยงชีพเป็นต้น (พูดแบบชาวบ้านก็คือจ้างหย่า)

อย่าลืมว่า ถ้าคุณยังมีทะเบียนสมรสอยู่กับภรรยาเดิมแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่อมาคุณทำธุรกิจร่ำรวยขึ้นมาทรัพย์สินของคุณคือสินสมรสแม้ภรรยามิได้ร่วมทำมาหากินด้วยก็ตามนะครับ

3. ตามที่คุณให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีคนรักใหม่แล้วยังไม่ได้จดทะเยียน เพราะติดทะเบียนสมรสเดิมนั้น กรณีเช่นนี้ภรรยาเดิมที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถฟ้องหญิงคนรักใหม่ของคุณให้จ่ายค่าเสียหายเป็นค่าทดแทน มาตรา 1523 ได้นะครับ

มาตรา 1523  เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้

ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1)  หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้

ดูตัวอย่างคำพิพากษาฎีกานี้นะครับ

โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายจดทะเบียนสมรสเมื่อวั้นที่ 18 มกราคม 2534 ไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาในเดือนเมษายน 2545 โจทก์ทราบว่าจำเลยอุปการะเลี้ยดูหรือยกย่องนาง.....(เอ).........ฉันภริยาและมีบุตรด้วยกัน 1 คน โดยแสดงออกเปิดเผยต่อบุคคลทั่วไปว่านางเอเป็นภริยาของจำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงขอให้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเยียนหย่ากับโจทก์ ถ้าไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยได้อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ ฉันภริยาและมีบุตรด้วยกัน โจทก์เพียงแต่ตัดพ้อต่อว่าเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมรับความจริงทั้งให้อภัยในความผิดที่จำเลยทำ และยินยอมให้จำเลยอยู่กินกับนางเอ เพราะโจทก์มีบุตรไม่ได้ โจทก์ทราบว่าจำเลยไปนอนค้างที่บ้านนางเอ  แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวเอาความอะไร จำเลยมิได้กระทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้า ญาติพี่น้อง เพื่อนของโจทก์และจำเลยทราบถึงสภาพการมีสองครอบครัวของจำเลยและโจทก์ การอยู่กินกับนางเอ  เป็นไปในลักษณะปิดบังซ่อนเร้นไม่ได้แสดงต่อสังคมทั่วไปว่าเป็นภริยา จำเลยยังให้เกียรติและยกย่องว่าโจทก์เป็นภริยา ทั้งนี้ได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์มาโดยตลอกไม่เคยทำร้ายร่างกายโจทก์และหมิ่นประมาทโจทก์กับบุพการีของโจทก์ สิทธิฟ้องหย่าโดยอาศัยเหตุที่จำเลยมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่ทราบเหตุดังกล่าว และโจทก์ก็ได้ให้อภัยในการกระทำของจำเลยซึ่งโจทก์อ้างเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นแล้วขอให้ยกฟ้อง

ก่อนสืบพยานจำเลยแถลงว่าจำเลยได้อุปการะเลี้ยงดูนางเอ  ฉันภริยาตั้งแต่ต้นปี 2531 หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน โจทก์ทราบเรื่องและไม่ติดใจที่จำเลยจะมีนางเอ  เป็นภริยาและให้อภัยจำเลยตลอดมา ส่วนโจทก์แถลงว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับนางเอ ในปี 2539 แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยจะจริงจังกับนางเอ  หรือไม่ เพราะขณะนั้น จำเลยยังมีหญิงอื่นอีกหลายคน จนเมื่อเดือนเมษายน 2545 โจทก์จึงทราบว่าจำเลยกับนางเอ  มีบุตรด้วยกัน  โจทก์ไม่เคยให้อภัยจำเลยและรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยมีหญิงอื่น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้อง  คำให้การ และข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน จึงให้งดสืบพยาน โจทก์และจำเลย ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 18 กันยายน 2546

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฏีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า    ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินกันฉันสามีภริยา จำเลยได้นางเอ  เป็นภริยาและมีบุตรด้วยกัน 1 คน อันเป็นการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยาจนปัจจุบัน

ก่อนสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิเคราะห็คำฟ้อง คำให้การ และข้อเท็จจริงที่คู่ความแถลงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 18 กันยายน 2546 แล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน จึงมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง และมาตรา 104 นั้น ไม่ชอบ เพราะข้อเท็จรริงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมและให้อภัยในเรื่องที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ตามที่จำเลยให้การต่อสู้หรือไม่ ทั้งการที่มิได้มีการสืบพยานจึงไม่อาจทราบได้ว่าพยานที่งดสืบเป็นพยานที่ฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้า หรือไม่เกี่ยวแก่ประเด็นอย่างไร เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง และมาตรา 104 ดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลชั้นต้นที่จะใช้ดุลพินิจว่าจะสืบพยานหลักฐานที่คู่ความประสงค์จะสืบหรือไม่เพียงใด คดีนี้เมื่อพิเคราะห์คำฟ้อง คำให้การและคำแถลงของโจทก์และจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น แล้วเห็นว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วว่า มีเหตุฟ้องหย่าประการใดประการหนึ่งตามฟ้องหรือไม่ และโจทก์ได้ยินยอมหรือให้อภัยเรื่องที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยาแล้วหรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงที่ฟังได้จะเป็นเพียงเหตุหย่าเหตุหนึ่งในจำนวนเหตุหย่าหลายเหตุตามฟ้องก็ตาม ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานหลักฐานโจทก์และจำเลย ซึ่งถือเสมือนว่าพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยจะนำมาสืบนั้นเป็นพยานหลักฐานที่ฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง และ มาตรา 104 จึงชอบแล้ว ฎีกา ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปมีว่า โจทก์ได้ยินยอมและให้อภัยในเรื่องที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยาแล้ว โจทก์จึงจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1517 วรรคหนึ่ง และสิทธิฟ้องหย่าย่อมหมดไปตามมาตรา 1518 หรือไม่เห็นว่า การยินยอมและให้อภัยตามบทกฎหมายดังกล่าวหมายถึง คู่สมรสฝ่ายที่ยินยอมและให้อภัยได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านนั้น แต่แสดงเจตนาให้ปรากฎอย่างชัดแจ้งว่าอนุญาตให้กระทำหรือจะไม่ใช้สิทธิฟ้องหย่า คดีนี้จำเลยให้การและฎีกาอ้างว่า เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยได้อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยาแล้ว โจทก์มิได้ยกเป็นเหตุฟ้องหย่าจำเลยเสียแต่แรกทั้งยังแสดงกริยาไม่เอาเรื่องเอาความ ยอมรับสถานะการมีสองภริยาของจำเลย จึงถือได้ว่าโจทก์ให้อภัยในการกระทำผิดของจำเลยแล้ว เห็นว่า เพียงพฤติการณ์ของโจทก์ตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าว โจทก์มิได้กระทำการใดอันเป็นการแสดงออกให้ปรากฏโดยชัดแจ้งพอที่จะเห็นเจตนาของโจทก์ว่ายินยอมหรือให้อภัยแล้ว อย่างไรก็ตามปรากฏจากคำแถลงของโจทก์จำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ว่า โจทก์มิได้ยินยอมและให้อภัยในการกระทำของจำเลยแต่เนื่องจากโจทก์ไม่ทราบแน่ชัด และไม่คาดคิดว่าจำเลยจะจริงจังกับนางเอ  เพราะขณะนั้นโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยจะอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยา ข้อเท็จจริงจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เคยยินยอมหรือให้อภัยในเรื่องที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยาโจทก์จึงมีสิทธิที่จะฟ้องหย่าจำเลยด้วยเหตุหย่าดังกล่าวได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายมีว่า สิทธิฟ้องร้องของโจทก์โดยอาศัยเหตุหย่าในมาตรา 1516(1) ระงับไปเพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องเมือพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันรู้หรือควรรู้เหตุหย่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529 หรือไม่ เห็นว่า การอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นเป็นเหตุฟ้องที่มีพฤติการณ์ที่ต่อเนื่อง ดังนั้นตราบที่จำเลยยังอุปการะเลี้ยงดู หรือยกย่องนางเอ  ฉันภริยา เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(1) ก็ยังคงมีอยู่ แม้โจทก์จะทราบพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยดังกล่าวมาเกิน 1 ปีแล้วโจทก์ก็ยกเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ สิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามมาตรา 1529 และคดีไม่จำต้องวินิจฉัย ปัญหาอื่นตามฎีกาของจำเลยอีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

ที่มา**คำพิพากษาฎีกาที่ 3190/2549

คำพิพาษาฎีกาที่  5627/2530

ค่าอุปการะเลี้ยงดูในระหว่างที่สามีภริยาแยกกันอยู่นั้นฝ่ายที่มีความสามารถ หรือฐานะด้อยกว่าและแยกไปอยู่โดยสุจริตชอบที่จะได้รับการช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจากอีกฝ่าย   เมื่อโจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ชั่วคราวโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่มีอาชีพหรือรายได้เพียงพอ  โจทก์ซึ่งอุปการะเลี้ยดูจำเลยมาตลอดและอยู่ในฐานะที่สามารถจะอุปการะเลี้ยงดูจำเลยได้จึงมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยดูจำเลย

แฟนมีภรรยาแล้ว อยู่ด้วยกันมา 14 ปี มีลูกสาว 2 คน อายุ 16 ปี กับ 10 ปี แล้วแฟนไปทำงานต่างประเทศกลับมา ปรากฏว่าภรรยาเปลี่ยนไปมากเป็นคนล่ะคน ไม่ยอมให้สามีนอนด้วย และแสดงอาการไม่พอใจที่เห็นสามีกลับมาจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ห่างกันมาตั้ง 2 ปี ไม่มีการแสดงอาการออกมาเลยว่าคิดถึงหรือว่ารัก ก่อนหน้านั้นครึ่งปีแรกก็มีคนโทรไปบอกว่าภรรยามีผู้ชายมาผัวพันเยอะระหว่างที่ไม่อยู่ชาวบ้านนินทากันมากจนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ทั้งๆ ที่อยู่ตรงนั้นกว่า 10 ปี แต่แฟนก็ไม่ค่อยเชื่อญาติพี่น้องสักเท่าไหร่  จนกระทั่งกลับมาเจอด้วยตนเอง ก็อยู่ด้วยไม่ได้ ต้องกลับไปเยี่ยมลูกที่ต่างจังหวัด เพราะไม่รู้จะทำยังไง แล้วก็เก็บของออกมาจากห้องของภรรยา ประมาณ 4 เดือน ระหว่าที่ย้ายออกมาอยู่คนเดียวก็ยังติดต่อกับภรรยาอยู่เผื่อว่าภรรยาจะกลับตัวกลับใจเพราะสงสารลูก แต่ทางฝ่ายภรรยาก็ไม่ยอมรับว่ามีคนใหม่ เอาชู้ใหม่มาอยู่บ้านแบบไม่ให้ใครรู้ แต่ก็ไม่ยอมให้สามีที่จดทะเบียนมาอยู่บ้านด้วย ซึ่งที่ผ่านมาแฟนของดิฉันก้ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับภรรยาของเขาเลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าแฟนเล่นชู้ แต่แฟนก็ไม่ยุ้งด้วย ติดต่อแต่เรื่องลูกอย่างเดียว จนหลังจาก 4 เดือนเขาก็ได้มาเจอดิฉัน แล้วก็โทรคุยกันเหมือนเพื่อน แฟนของดิฉันไม่เคยโกหกว่าโสด เลย และเล่าทุกเรื่องให้ดิฉันฟังตลอด ส่วนตัวดิฉันเองก้ให้พยายามอดทน สักวันเขาคงคิดได้ ดิฉันไม่เคยคิดที่จะทำให้แฟนของดิฉันเกลียดภรรยาของเขาเลย ให้พยายามกลับไปอยู่ด้วยกันตลอด จนกระทั่งกลายเป็นความสงสาร และรักกัน แฟนดิฉันขอคบหาดูใจกับดิฉัน  ดิฉันก็ยอมคบหาดูใจกัน  ผ่านมา ปีที่ 3 แล้วค่ะ แต่มีปัญหาที่ว่าภรรยาไม่ยอมหย่าสักที ไม่ยอมให้ลูกมาเลี้ยงแม้แต่คนเดียว อ้างว่าถ้าไม่มีเงินส่งมาให้ก็จะเอาลูกไปขาย (เขาเป็นคนเหนือ) ชอบโทรมาขอเงิน แล้วก็เอาลูกมาอ้างค่าโน่นค่านี้ มีครั้งหนึ่งแฟนไปทำงานต่างประเทศ 4 เดือน แล้วเงินเดือนค่อนข้างจะสูง เขาก็ใช้ลูกมาอ้างให้กลับมาอยู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเขาไม่มีทางไปแล้ว (เรื่องผู้ชาย และเรื่องเงิน) แฟนของดิฉันก็ขอดิฉันกลับไปอยู่บ้านบอกว่าสงสารลูก ดิฉันเสียใจมาก แต่ก็ทนพูดแบบเข้าใจออกไปว่ากลับไปก็ดีแล้ว ลูกจะได้ไม่มีปัญหา แต่พอกลัไปได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็ทนไม่ได้ ครอบครัวเขาจะเอาแต่เงินอย่างเดียว ขอค่าโน่น ค่านี้ แม้แต่บ้านที่แฟนปลูกให้ราคาเป็นล้าน ก็เอาไปจำนอง แฟนดิฉันต้องเอาเงินไปไถ่บ้านอกมา และค่าอย่างอื่นอีกมากมาย ราวๆ เกือบ 300,000 บาท พอแฟนเริ่มไม่ให้เงินใช้แบบฟุ้มเฟือยก็หาเรื่องไล่ออกจากบ้าน ดิฉันเข้าใจน่ะค่ะว่าตอนแรกแฟนดีใจมากที่ภรรยาให้กลับไปอยู่บ้าน จะได้มีความสุขครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา แฟนดิฉันไม่ค่อนสบายใจถ้าเกิดว่าดิฉันเป็รทุกข์เรื่องที่ขอกลับไปอยู่บ้าน ดีที่ดิฉันไม่แสดงอาการให้เขารู้ว่าดิฉันเสียใจมากขนาดไหนออกไป ส่วนเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องก็พยายามห้ามแฟนไม่ให้กลับไป เพราะก็รู้ว่ากลับไปก็ต้องเจอสภาพเหมือนเดิมอีก เพื่อนฝูงญาติพี่น้องของแฟนดิฉันก็พยายามบอกให้ดิฉันอดทนรอ  แต่ดิฉันก็ไม่ติดต่อใครเลย เบอร์โทรศัพท์ที่ดิฉันเคยใช้มา 6-7 ปี ก้ต้องเปลี่ยน บ้านที่เคยอยู่ ที่ทำงานที่เคยทำก็ต้องเปลี่ยนใหม่เหมดทุกอย่าง เพื่อที่จะไม่ให้เขาติดจ่อหาดิฉันเจอ ดิฉันตัดสินใจหนีตั้งแต่วันแรกที่ยอมให้เขากลับไปอยู้บ้านแล้ว เพราะดิฉันรู้ว่าเขาต้องโทรมาหาดิฉันอีก เพื่อคุยเรื่องทุกอย่าง แต่ดิฉันไม่ต้องการให้เขาห่วงหน้าห่วงหลังเรื่องของดิฉัน ดิฉันก็เลยต้องหนีไปเขากลับไปอยู่บ้านไม่ถึง 2 อาทิตย์ ก็อยู่ไม่ได้ เขาออกตามหาดิฉัน จนเจอ ตอนนั้นดิฉันก็ยังทำใจไม่ได้เลยเรื่องของเขา เพราะก่อนหน้านั้นภรรยาของเขาและญาติพี่น้องของเขาโทรมาด่าดิฉัน หาว่าดิฉันเป็นตัวปัญหาทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก หาว่าดิฉันเป็นเมียน้อยคอยสร้างปัญหาให้ครอบครัวเขา ใช่ว่าดิฉันจะยอมคน เพราะดิฉันคิดว่าดิฉันพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เขาก็โดนดิฉันตอบกลับไปหลายอย่างเหมือนกัน จนทุกวันนี้ไม่กล้าแม้แต่จะโทรด่าดิฉันอีก เพราะเขารู้ว่าดิฉันไม่เคยมีปัญหากับใครก่อน แต่ถ้าเขามาก่อกวนดิฉันอีก ดิฉันก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายทุกอย่าง ดิฉันเถียงกับภรรยาเขาให้วุ่นวาย แต่อยากด่าดิฉันก็ต้องมีปัญหากับดิฉันไม่รู้จักจบ เขาก็คงจะคิดว่าทำอะไรดิฉันไม่ได้ เพราะดิฉันมาดี ไปดีกับแฟนมาตลอด แม้แต่ชาวบ้านแถวนั้นก็สงสารดิฉัน เห็นมาตลอดว่าดิฉันใจกว้างมากพอ และมีเหตุผลมากพอที่จะคิดได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ล่าสุดดิฉันก็กลับมาอยู่กับแฟนใหม่หลังจากที่หนีไป ก็อยู่ด้วยกันเกือบ 1 ปี แล้ว รวบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่แรกแฟนก้แยกกันอยู่เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ แต่สิ่งสำคัญก็คือว่าภรรยาของเขาไม่ยอมไปหย่าให้สักที ซึ่งแฟนของดิฉันก็ต้องการมีชีวิตใหม่กับดิฉัน ต้องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ และก็จะไปสู่ขอกับพ่อแม่ของดิฉันปลายปี 2554 นี้ แต่ดิฉันไม่อย่างให้มีปัญหาเรื่องที่ยังไม่ได้หย่ากัน ซึ่งแฟนของดิฉันก็ไม่มีความเดือดร้อนใจมากเท่าไหร่ เพราะดิฉันก็รับได้ พ่อแม่ดิฉันก็รับได้ เพราะเขาเป็นดีมากสำหรับดิฉันครอบครัวของดิฉันและเพื่อนฝูงของเขา แต่ดิฉันมองในแง่อนาคตของลูกดิฉัน ถ้าสักวันมีปัญขึ้นมา เช่น ภรรยาของอยากที่จะมาโวยวายเอาเงินทอง ค่าเลื้ยงดูลูกที่ผ่านมา ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาตามมามากแค่ไหน เพราะดิฉันบอกกับแฟนตลอดมาว่าให้โทรไปหาลูกของเขาบ้าง ส่งเงินไปฝห้ลูกบ้าง เพราะอย่างไรภรรยาไม่ดีไม่อยากคุยกับภรรยาก็ให้คิดถึงลูกบ้าง เพราะเด็กไม่ได้มาก่อปัญหาด้วยเลย แฟนของดิฉันก้ไม่โทรหาเลย บอกว่าพอโทรหาแม่ยายก็ชอบแย่งโทรศัพท์มาคุย แล้วก็เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุย ซึ่งแฟนบอกว่าไม่อยากรับรู้อีกต่อไป ส่งเงินให้ลู ลูกก็ไม่ได้ใช้สักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าครอบครัวของเขาไปทำอะไรกันหมดก็เลยไม่อยากโทรไป ดิฉัรเป้นห่วงเรื่องอาณาคตของดิฉันและลูกกลัวปัญหาเก่าๆ จะตามมา แฟนดิฉันบอกว่า ไม่ได้หย่าก็เหมือนหย่า เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันนานแล้ว พอจะมีวิธีไหนบ้างไหมค่ะ ที่ดิฉํนกับสามีจะสามารถจดทะเบียนสมรสกันโดยไม่มีปัญหาอะไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่า ซึ่งดิฉันเคยได้ยินเพื่อนๆ ของดิฉันและเพื่อนๆของแฟนดิฉันล่าให้ฟังว่า แยกกันอยู่แบบไม่ได้หย่า 3 ปี ก็สามารถจดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนใหม่ได้ ซึ่งทะเบียนสมรสเก่าที่จดกับภรรยาเก่าก็ถือว่าโมฆะไป ไม่ทราบว่าพอจะช่วยแนะนำได้บ้างไหมค่ะ เพราะแฟนบอกว่าก็ไม่อยากจะฟ้องหย่ากับภรรยาเก่าเพราะไม่อยากที่จะเกี่ยวฆ้องกันและไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก ดิฉันก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบ คุณ phing

ผมฟังดูแล้ว ผมว่าคุณอาจถูกผู้ชายหลายใจโกหาก็อาจเป็นได้นะ แยกกันอยู่เกินสามปีฟ้องหย่าได้ก็จริง แต่ต้องได้ความว่า เขาทั้งสองสมัครใจแยกกันอยู่ ดังนั้นในเวลาที่อยู่ต่อหน้าศาลทางภรรยาเขาก็จะบอกศาลว่าเขาไม่ได้สมัครใจแยกกันอยู่ แต่บอกว่าสามีเขาไปมีเมียน้อย ตัวเขายังรับและคิดถึงสามีของเขาตลอดเวลา อย่างนี้สามีคุณคงแพ้คดีแน่ ๆ ครับ

อยู่กินกับสามีมาประมาณ 7 ปีมีลูกด้วยกัน 1 คน จดทะเบียนสมรสกันมาประมาณ 3 ปี ตอนนี้สามีไปมีภรรยาน้อยได้ประมาณเกือบๆปี และภรรยาน้อยได้ตั้งครรสามีจึงขอดิฉันหย่า แต่ดิฉันยังรักเค้าอยู่จึงไม่ยอมหย่า อยากรู้ว่าถ้าสามีจะฟ้องหย่า จะทำได้ไหม และดิฉันจะไม่ยอมหย่าได้ไหม

 น่าสงสารจังเหมือนเราเลยแต่ของเราเขาไปมีผัวใหม่แล้วต่างคนต่างมีแต่ไม่ยอมอย่าเราก็จะซื้อบ้านยังไม่รู้เลยทามงัยดีใครมีประสบการช่วยแนะนำด้วยนะค่ะขอบคุนล่วงหน้าค่ะ

 คือ ดิฉันยุกับสามีมาประมาณ2-3  ปี  ตอนนีื้ดิฉันแยกกันยุเป็นเวลา 7 เดือนกว่าแล้ว มีบุตรด้วยกัน1คน ต้องแต่แยกกันยุเขาส่งเงินมาให้บุตร 1000 หลังจากนั้นเขาก้อหายไป  พอมารู้อีกทีเขากำลังดูใจก้บหญิงไวกลางคน ดิฉันมีรู้ะถ่ายที่เขาไปเที่ยวด้วยกัน แล้วไปไหนมาไหนด้วยกันแต่แยกกันลงของใครของมันแต่มันเป็นเงลาเดียวกัน และสถานที่เดียวกัน  คือดิฉันต้องทำยังไงค่ะ เพราะยังไม่ได้หย่ากันค่ะ แล้วอีกอย่างเขาไม่ติดต่อมาหาลูกเลยดิฉันต้องทำยังไง

อยากจะทราบว่าถ้าต่างคนต่างมีลูกติดแล้วมาอยุกินกันจนจดทะเบียนสมรถ   แล้ววันนึงฝ่ายชายเปนคนเดินออกมา โดยภรรยาไม่ให้ลูกสาวของตัวเองเรียน  ละด้วยเหตุผลต่างๆๆ ที่ภรรยาไม่อยากดูแลลูกสาวที่ติดมากะสามี   จึงทำให้สามีทนไม่ไหว  ก่อนออกมาก้อสร้างบ้านให้เค้า  ซื้อที่ไห้ภรรยาไว้แต่ผ่อนยังไม่หมด   แล้วเค้าจะพ้องหย่าเพื่อเอาค่าเลี้ยงดูได้ไหมค่ะ   พ่อของกิฉัน

อยู่กินกันโดยพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ยอมรับ และแอบไปจดทะเบียนกันโดยพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ได้รับรู้  ไม่มีลูกด้วยกัน ตอนนี้ฝ่ายชายแยกกันอยู่ และไปชอบหญิงอื่นต้องการหย่า จะต้องทำอย่างไร 

 ขอถามหน่อยน่ะค่ะ....

คือสามีดิฉันเคยมีภรรยา 1 คน มีบุตรด้วยกัน 1คน ช่วงมีบุตรไม่ถึง1ปี เขาก็ได้แยกกันยุ  โดยที่สามีดิฉัน เป็นคนชอบเที่ยว ชอบกินเหล้า ภรรยาเขาก็ได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่ของเขา เขาสองคนแยกกันอยู่จนจะเป็นปี ฝ่ายสามีก็เที่ยวไปเรื่อยๆ จนมาพบกับดิฉัน คุยกันได้สักพัก แต่ตอนคุยกัน เขาบอกเขาเลิกกับภรรยาแล้ว แต่ฝ่ายภรรยาเคยตามมาเคลียปัญญา ว่าจะเอายังไง แต่สามี ยืนยันที่จะเลิก เราขึงตัดสินใจคบหาและอยู่ด้วยกัน โดยที่ดิฉันได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของสามีและเลี้ยงดูพ่อแม่ของสามี จนมีบุตรด้วยกัน 2คน คนโต4ปีแล้ว  เราอยู่ด้วยกันมาจะ6ปีแล้ว ส่วนบุตรของภรรยาเก่า ก็ได้ส่งเสียเเป็นรายเดือน 4-5พันบาท ปัจจุบันภรรยาเขาไม่ยอมหย่าให้  สามีดิฉันสามารถฟ้องหย่าได้ไหม แล้วภรรยาเขายังสามารถฟ้องรับค่าเสียหายจากดิฉันได้ไหม

 สวัสดีค่ะแฟนของเราจะไปทำงานที่ต่างประเทศ

เรามีลูกด้วยกัน3คนเราได้จดทะเบียนสมรส

ถ้าเกิดแฟนเราไปมีผู้หญิงคนอื่นเราควรทำอย่างไรค่ะ

จะเรียกร้องอะไรได้บ้าง

อยากทราบว่าฉันจดทะเบียนสมรสกับสามีมีลูกด้วยแต่มีหนี้สินประมาณ4ล.บาทแต่สามีก็ไปมีแฟนใหม่มีลูกด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนแล้วถ้าเราขายที่ดินไปแปลงนึงแล้วเอาไปใช้หนี้จนหมดไม่เหลือเลยแต่สามีจะมาฟ้องร้องเอาส่วนแบ่งเค้าจะมีสิทธิมั้ยค่ะเพราะพวกเราอยู่กันอย่างลำบากหนี้สินเค้่ก็ไม่เคยช่วยนอกจากลูกจะขอเงิน500-1,000แบบนี้เค้าเรียกว่า“เลี้ยงดูบุตร”มั้ยค่ะแล้วเค้าจะฟ้องร้องอะไรเราได้มั้ยที่ดินแปลงที่ขายไม่ใช้สินสมรสเพราะชื้อก่อนจะไปจดทะเบียนกัน

 จดทะเบียนสมรสกับสามี อยู่กินกันมาได้ปีกว่า ช่วงที่อยู่ด้วยกันทำงานมีรายได้ แม่สามีมักจะมาบอกว่าให้ไปใช้หนี้ด้วย ซึ่งหนี้เป็นแสนๆ เกิดก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกัน เป็นหนี้ที่เกิดกับภรรยาเก่า  แต่แม่เขาก็ต่องการให้เราช่วยใช้หนี้  ต่อมามีคนทวงหนี้บ่อยๆ เราก็อับอายนะ  เพราะเขามาทวงถึงบ้าน   เราเลยตัดสินใจ ขอไปทำงานที่ กทม. ไปแรกๆ ก็กลับมาบ้านมั้ง  แต่พอมาบ้านแม่สามีก็ให้เราเอาตังที่ได้ไปช่วยใช้หนี้สามีบ้าง  ซึ่งเป็นหนี้ที่เราไม่ได้ก่อ  แบบนี้บ่อยๆ  พอเดือน พย. 57  เราไปทำงานที่ กทม. เราก็ไม่กลับมาบ้านของสามี อีกเลย  ไม่ได้ติดต่อกันเลย  แล้วเราก็ลงไปทำงานที่ภาคใต้ และเขาก็มีเมียใหม่ แต่พอเดือน กค.60 เขาติดต่อมาว่า เมื่อไหร่จะมาหย่าให้  ซึ่งเดือน กค.  สค. เราไม่ว่าง เราเลยนัดเดือน กย. ที่ สนง.เขตดอนเมือง  เรามาตามนัด แต่เขาไม่มา เมียใหม่เขาก็มาต่อว่าเราทำไมต้องเลื่อนนัดเรื่อยเลย  เราบอกว่าไม่เคยนัดและไม่เคยเลื่อนนัด  เราควรจะทำยังไงดีค่ะ เรามีหลักฐาน รูปถ่าย ว่าเขา2 คนเป็นชู้กัน  ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณนะคะ

 ดิฉันกับสามีเก่าแยกกันอยู่ได้ 3 ปีแล้วค่ะ เพราะดิฉันมีคนใหม่ แต่ยังไม่ได้หย่ากับสามีเก่า ส่วนลูกอยู่กับดิฉันทั้งหมด และเขาก็ไท่ได้ส่งตังค์ให้ลูก แต่เมื่อต้นปี61 เขาออกรถเก๋ง ดิฉันกลัวเขาส่งรถไม่หมด เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไหร่ อยากทราบว่าถ้าเกิดเขาส่งไม่หมดแล้วปล่อยทิ้ง ดิฉันจะต้องเดือดร้อนด้วยมั๊ยคะ

 อยากถามนะคะว่าถ้าสามีที่หย่ากับภรรยาแล้วแล้วมีข้อตกลงในการหย่า   คือค่าเลี้ยงดูบุตรที่ตหลงกันคืเดือนละ4000แต่สามีไม่มีให้แต่สามีได้มีภรรยาใหม่เราสามารถทำยังไได้บ้างคะ  โดยที่สามีทำงานเงินเดือนแค่ไม่กี่บาทหรือไม่ได้ทำงานเลยนะคะ  แล้วแบบนี้เราสามารถเอาผิดกับทางแฟนใหม่เขาได้ไหมคะ

 หนูอยากสอบถามนะคะ  พอดีหนูตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อยากรู้ตรงที่ว่า  หนูกับแฟนที่คบกันในปัจจุบันนี้นะคะ แต่ก่อนเขาเคยมีภรรยาอยู่แล้ว พอเขาามาคบกับหนูตอนแรกๆๆเขาบอกกับหนูเขาเลิกกับภรรยาเขาแล้วหนูถึงได้ลองคบหากับเขาดู  พอมารูว่าเขามีทะเบียนสมรสด้วยหนูก้อจะเลิกคบกับเขา แต่เขาไม่ยอมเลิกคบกับหนู  แต่เขากลับไปหย่ากับภรรยาเขาแล้วทีนี้เขาก้อมาคบกับหนูแบบเปิดเผย  ภรรยาเขาเลียดค่าเลี้ยงดูบุตรประมาณ 4000 นะตอนนั้น แฟนหนูเลยตกลงกับเขาไปเพื่อที่จะได้ใบหย่า  แต่พอเวลาผ่านไปเจามาทวง แต่แฟนหนูทำงานได้เงินเดือนแค่ไม่กี่บาทไม่พอกับที่จะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูทุกเดือน  แต่เขาก้อยังส่งให้แยู่แต่เดือนละ1500เพราะเขาไหวแค่นี้  แต่ทางภรรยาไม่ยอมเขาบอกว่าจะไปฟ้อง  แต่ยังไงเขาก้อไม่มีให้อยู่ดี หนูอยากจะรู้นะคะว่าถ้าเขาฟ้องมาจริงไฟแฟนหนูจะติดคุกไหมคะ เพราเขาไม่มีจะจ่ายให้หรือไม่ก้อเขาเอาผิดกับหนูหรืเปล่าคะ เพราะหนูก้อมีภาระเหมือนกัน เพราะหนูกับแฟนต่างคนก็ต่างมีลูกและก้อมีภาระเหมือนกัน  ถ้าไม่มีจริงไฟทั้งคู่แฟนหนูกับหนูจะต้องติดคุกไหมคะ ช่วยตอบหนูหน่อยนะคะหนูอยากรู้จริงๆๆคะหนูเครียดมากเลยคะ

ได้ความรู้เรื่อฟ้องหย่ามากเลยคะ ถ้าอยากจะลองปรึกษาบ้าง ต้องทำยังไงคะ 

เรื่อง  สามีซื้อบ้านกับภรรยาเก่าและสามีได้จดทะเบียน(เป็นสินสมรสในตอนนั้น)และได้อย่ากับภรรยาเก่าแล้ว สามีได้สิทธิดูแลอุปการะลูกๆ  ดิฉันได้มาแต่งงานจดทะเบียนกับสามีไม่มีลูกด้วยกันและช่วยกันทำมาหากินผ่อนบ้านสร้างฐานะและเลี้ยงดูลูกติดสามีด้วยกัน  สามีมีลูกติดกับภรรยาเก่า 2 คน คนโต 19ปี คนเล็ก10ปี  ถามว่าในกรณีที่สามีเสียชีวิตสิทธิผู้ได้รับมรดกเรื่องบ้าน ,รถ,ที่ดิน,จะได้แก่ใครบ้างตามกฏหมาย

สิทธิ์เรื่องบ้านจะได้ถึงภรรยาเก่าด้วยหรือเปล่า ถ้าในกรณีลูกๆยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือกรณีืั้บรรลุนิติภาวะแล้ว

 ดิฉันเคยมีกิ๊กแต่ตอนนี้เลิกกันไปแล้วประมาณเดือนกว่า แต่ตอนนี้สามีดิฉันกลับมีกิ๊ก แต่ในโซเชียลดิฉันกับสามียังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ฝ่ายหญิงพยายามอยาแสดงตัวตน ดิฉันสามารถหรือแจ้งความฝ่ายหญิงได้มั้ยคะ เล่างงๆนิดนึงนะคะ ถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ

สามี มีภรรยาใหม่แล้วสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน อยุ่กันโดยที่เมียเก่าไม่ยอมหย่า แต่ก็ส่งเสียลูกๆให้ทุกเดือน อันนี้ยังงัย

 ถ้าเรายังไม่ได้หย่ากับเเฟนเก่าเเล้วเราไปจดทะเบียนสมรถใหม่ใด้ใหม่

 ตอนนี้เเฟนของเราบอกเลิกเรา ขอหย่ากับเราเเต่เราไม่ยอมหย่าเพราะเรายังรักเค้าอยุ่เราอยุ่กินกันมา15ปีมีลูกด้วยกัน1คนตอนนี้ลูกอายุ14ปี เเต่เค้าชอบพูดเรื่องเก่าๆที่เราเคยทำเอามาเปนเหตุผลที่จะเลิกกะเรา เเล้วเรื่องนั้นมันเกิดก่อนที่จะจดทะเบียนสมรส เเล้วปัจจุบัน เราจับได้ว่าเค้ามีผู้หญิงเเต่เราไปเครียมาเรียบร้อยเเล้ว ตอนนี้เราไม่รุ้ว่าเค้าเลิกยุ่งกันยัง เค้าขอหย่ากับเราเเต่เราไม่หย่า เรารักเค้าอยู่ ตอนนี้เราเเยกกันอยุ่เเต่ใจเราไม่ต้องการเเยกกับเค้าเลย ถ้าอีกหน่อยเค้ามีแฟนใหม่ทั้งๆที่ไม่ได้หย่า เเละเราไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับสามีเรา เราโดนเค้าไล่หลายวิธีเเต่เราก้ตื้อเค้าไม่เลิก อย่างนี้เราผิดไหม เเล้วเค้าว่าสามารถมีคนอื่นได้ไหม

ถ้า ภรรยา กับ ผม แยกกันอยู่ เกิน6ปีแล้วละครับ ซึ่งปมมีแฟนใหม่แล้ว แต่ภรรยาไม่ยอมอย่าให้ ส่วนค่าใช่จ่ายลูก ปมเป็นคนออกคนเดียวตลอด12ปี แบบนี้ผมต้องทำยังไง ในเมื่อภรรยา กับผมรู้เห็นเป็นใจ แบบนี้ผมจะอย่าได้อย่างไรครับ

คือหนูอายุ17ปีแต่แฟนอายุ28แต่เค้ายังไม่ได้อย่าภรรยาเก่าคือทางแฟนหนูพึ่งพ้นโทษออกมา(ติดไป2ปี)แต่พอออกมาไม่นานก็มาคบกับหนูแต่ฝั่งภรรยาเค้ามีใหม่ก่อนและทิ้งลูกสามคนให้ทางฟังแม่แฟนดูส่วนฝั่งภรรยาเค้าก็ไม่เคยติดต่อลูกเลยจนกระทั่งทราบว่าสามีออกมาพอรู้ว่าสามีออกมาก็พยายามติดต่อมาขอเงินตอนนี้หนูตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้วแฟนหนูเขาพยายามจะของอย่าแต่ฟังภรรยาเขาไม่ยอมหนูกลัวมีปัญหาตอนเซ็นใบเกิดแถมหนูก็อายุไม่ถึง 18

 ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ10ปีแล้ว   แล้วต่างคนมีครอบครัวใหม่แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมาหย่าให้​ จะต้องทำไงดี​   คุยเจรจาแล้วก็ไม่ยอมมา

 สวัสดีคะ ขอคำปรึกษา เกี่ยวกับการฟ้องหย่าด้วยคะ ดิฉันจดทะเบียนสมรสมีลูกด้วยกัน2คน จับได้ว่าสามีมีผู้หญิงคนอื่น  ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีคนอื่นก็แยกกันอยู่เลย ลูกอยู่กับสามีทั้ง2คน แต่ไปๆมากับบ้านดิฉัน รู้มาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่มาตอนนี้จะฟ้องหย่าได้มั้ยคะ ฟ้องเอาผิดสามีกับผู้หญิงอื่นคะ

หนูกับแฟนเก่าอยู่​กินกันมา8ปีมีบุตร​ด้วยกัน2คนเราจดทะเบียน​สมรส​กันด้วยค่ะและเราก็แยกทางกันโดยที่ไม่ได้หย่านู๋เป็นคนมีแฟนใหม่ก่อน  ฝั่งโน้นก็มีครอบครัวใหม่แล้วเหมือนกันค่ะแยกกันอยุ่​จะเข้าปีที่6แล้วค่ะ ลูกทั้ง2คนเราเป็นคนส่งเสียเลี้ยง​ดูเอง โดยที่เขาไม่ได้ช่วยค่าอะไรเลยค่ะ แต่เราได้สร้างหนี้ด่วยกัน2ก้อนคือหนี้ฝั่งเขา40000หนี้ฝั่งเรา160000ตั้งแต่เลิกกันเราก็รับใช้หนี้160000มาโดยลำพังไม่เคยเอยปากขอกับเขาสักบาทแต่วันนี้​เรา​มาขอเขาหย่าเขากับญาติ​เขากับไม่ยอมบอกจะให้เราใช้หนี้อีกก้อนคือ40000ถึงจะยอมหย่าให้เลยอยากขอคำแนะนำค่ะเราสามารถ​ฟ้องหย่าได้ไหมค่ะ

 ในกรณี ที่จดทะเบียนสมรส แล้ววันนึงสามีเสียชีวิต แล้วถ้าฝ่ายหญิงมีแฟนใหม่และแต่งงานกัน สามารถจดทะเบียนได้ไหม

 อยากจะหย่ากับภรรยา เเต่ภรรยาไม่ยอมหย่าทั้งๆที่เค้าก้มีสามีไหม่ไปแล้วอยู่กินกันที่บ้านภรรยาผมเเต่เค้าไม่ยอมหย่าเพราะเค้าบอกขอค่าเลี้ยงดูเดือนละหกพันจนกว่าลุกจะจบป.ตรี เเต่เงินเดือนของผมเหลือเเต่ละเดือนไม่ถึง5000ผมจะทำยังไงได้บ้างครับ

 ในกรณีจะซื้บบ้านกับแฟน แต่แฟนติดทะเบียนสมรสภรรยาเก่าอยู่ต่งประเทศแบบนี้จะทำยังไงได้บ้างในการทำเรื่องหย่า

 อยู่กินกันก่อนที่สามีจะแอบไปจดทะเบียนซึ่งฝ่ายที่จดทะเบียนไม่มีใครรับรู้แต่เราออกหน้าออกตาทางสังคมมาโดนตลอดซึ่งพึ่งรู้ว่าเค้าแอบไปจดทะเบียนกันแบบนี้ความผิดจะตกที่เราไหมค่ะ

 ผมแยกกับแฟนได้ 5 เดือนแล้วครับจดทะเบียนสมรถกัน แต่แฟนยังไม่ยอมหย่า ล่าสุดผมก็เห็นแฟนซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชายแล้ว ถามคนใกล้ชิดก็ไม่มีใครบอก ล่าสุดจะเข้าไปที่บ้านแฟนครับแต่เข้าไม่ได้ เนื่องจากเค้าได้สั่ง รปภ.ไว้ว่าห้ามเข้าเด็ดขาด ผมเลยสอบถามกับทาง รปภ.ได้เห็นมีรถมอไซต์จอดที่บ้่นบ้างมั้ย รภป.ตอบว้ามีครับมีมาจอดกลางคืนได้ 3-4วัน แต่วันนี้คืนวันที่ 9 มี.ค.ไม่มี แล้วแบบนี้ผมจะเข้าไปเห็นกับตาตัวเองได้ยังไงครับ

 แฟนกับเราคบกันเกือบ3เดือนแล้วแต่แฟนยังไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่าเพราะเขาต้องการเงินให้จ้างเขาหย่าแฟนมีลูกกับภรรยาเก่า1คนค่ะสามารถฟ้องหย่าได้ไหมค่ะเขาเลิกกันหลายเดือนแล้วไม่ยอมสักทีทางภรรยาเก่าก็มีแฟนใหม่เหมือนกันทั้งที่ไม่ได้หย่าทางผู้ชายจะฟ้องหย่าได้ไหมค่ะ

  ความคิดเห็นที่ 8 (3729791)

อยู่กินกับสามีมาประมาณ 7 ปีมีลูกด้วยกัน 1 คน จดทะเบียนสมรสกันมาประมาณ 3 ปี ตอนนี้สามีไปมีภรรยาน้อยได้ประมาณเกือบๆปี และภรรยาน้อยได้ตั้งครรสามีจึงขอดิฉันหย่า แต่ดิฉันยังรักเค้าอยู่จึงไม่ยอมหย่า อยากรู้ว่าถ้าสามีจะฟ้องหย่า จะทำได้ไหม และดิฉันจะไม่ยอมหย่าได้ไหม

ตอบ- ความคิดเห็นที่ 8

การฟ้องหย่าต้องมีเหตุหย่าตามกฎหมาย ตามข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าคุณได้ประพฤติผิดอย่างใดให้สามีอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ หากสามีฟ้องหย่ามาแต่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลถึงข้ออ้างอันเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ ศาลก็ต้องยกฟ้องไป แต่ในทางกลับกันสามีไปมีหญิงอื่นจนตั้งครรภ์ คุณในฐานะภริยาชอบด้วยกฎหมายจึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากภรรยาน้อยได้โดยไม่ต้องฟ้องหย่าก็สามารถทำได้ครับ

   ความคิดเห็นที่ 9 (3993766)

 น่าสงสารจังเหมือนเราเลยแต่ของเราเขาไปมีผัวใหม่แล้วต่างคนต่างมีแต่ไม่ยอมอย่าเราก็จะซื้อบ้านยังไม่รู้เลยทามงัยดีใครมีประสบการช่วยแนะนำด้วยนะค่ะขอบคุนล่วงหน้าค่ะ

ตอบ-ความคิดเห็นที่ 9

กรณีต่างคนต่างมีใหม่เป็นการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขเกิน 3 ปี อ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ครับ แนะนำให้ตั้งเรื่องฟ้องได้เลยครับ หากคู่กรณีไม่ไปศาลก็ถือเป็นการขาดนัดยื่นคำให้การสามารถสืบพยานฝ่ายเดียวได้ นำคำพิพากศาไปจดทะเบียนหย่าฝ่ายเดียวได้เลยครับ

   ความคิดเห็นที่ 10 (4065069)

 คือ ดิฉันอยู่กับสามีมาประมาณ 2-3  ปี  ตอนนี้ดิฉันแยกกันหยู่เป็นเวลา 7 เดือนกว่าแล้ว มีบุตรด้วยกัน1คน ต้องแต่แยกกันอยู่เขาส่งเงินมาให้บุตร 1000 หลังจากนั้นเขาก็หายไป  พอมารู้อีกทีเขากำลังดูใจกับหญิงวัยกลางคน ดิฉันมีรู้จะถ่ายที่เขาไปเที่ยวด้วยกัน แล้วไปไหนมาไหนด้วยกันแต่แยกกันลงของใครของมันแต่มันเป็นเวลาเดียวกัน และสถานที่เดียวกัน  คือดิฉันต้องทำยังไงค่ะ เพราะยังไม่ได้หย่ากันค่ะ แล้วอีกอย่างเขาไม่ติดต่อมาหาลูกเลยดิฉันต้องทำยังไง

ตอบ -ความคิดเห็นที่ 10

กรณีมีหลักฐานชู้สาวฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายหญิงได้ครับ กรณีไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูบุตรก็สามารถฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ อยู่ที่ความประสงค์ของฝ่ายเราว่าต้องการให้ศาลมีคำพิพากษาว่าอย่างไร ก็ติดต่อทนายความตั้งรูปคีดไปได้เลยครับ

   ความคิดเห็นที่ 11 (4143721)

อยากจะทราบว่าถ้าต่างคนต่างมีลูกติดแล้วมาอยุกินกันจนจดทะเบียนสมรสแล้ววันนึงฝ่ายชายเปนคนเดินออกมา โดยภรรยาไม่ให้ลูกสาวของตัวเองเรียน  ละด้วยเหตุผลต่างๆๆ ที่ภรรยาไม่อยากดูแลลูกสาวที่ติดมากะสามี   จึงทำให้สามีทนไม่ไหว  ก่อนออกมาก้อสร้างบ้านให้เค้า  ซื้อที่ไห้ภรรยาไว้แต่ผ่อนยังไม่หมด   แล้วเค้าจะพ้องหย่าเพื่อเอาค่าเลี้ยงดูได้ไหมค่ะ   พ่อของกิฉัน

ตอบ-  ความคิดเห็นที่ 11

คู่สมรสไม่ว่าฝ่ายใดไม่มีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่ติดมากับสามี หรือติดมากับภรรยา โดยไม่ใช่บุตรสายเลือดที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายใดก็ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไม่ได้ครับ แต่หากข้อเท็จจริงเป็นว่ามีบุตรด้วยกันภายหลังจดทะเบียนสมรสแบบนี้ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ครับ

  ความคิดเห็นที่ 12 (4146988)

อยู่กินกันโดยพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ยอมรับ และแอบไปจดทะเบียนกันโดยพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ได้รับรู้  ไม่มีลูกด้วยกัน ตอนนี้ฝ่ายชายแยกกันอยู่ และไปชอบหญิงอื่นต้องการหย่า จะต้องทำอย่างไร 

ตอบ -ความคิดเห็นที่ 12

กรณีที่ชายและหญิงมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์แล้วจึงไม่อยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา ดังนั้นชายและหญิงจึงสามารถจดทะเบียนสมรสโดยไม่ต้องขออนุญาติบิดามารดาก็มีผลการสมรสสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ต่อมาฝ่ายสามีไปมีหญิงอื่น ภรรยาชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนหรือฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่มามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของเราได้ หรือจะฟ้องหย่า ฟ้องสามียกย่องหญิงอื่นฉันภริยา และฟ้องหญิงชู้เรียกค่าเสียหายไปในคดีเดียวกันก็ได้ครับ ติดต่อทนายความดำเนินการให้ครับ

   ความคิดเห็นที่ 13 (4163599)

 ขอถามหน่อยน่ะค่ะ....

คือสามีดิฉันเคยมีภรรยา 1 คน มีบุตรด้วยกัน 1คน ช่วงมีบุตรไม่ถึง1ปี เขาก็ได้แยกกันยุ  โดยที่สามีดิฉัน เป็นคนชอบเที่ยว ชอบกินเหล้า ภรรยาเขาก็ได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่ของเขา เขาสองคนแยกกันอยู่จนจะเป็นปี ฝ่ายสามีก็เที่ยวไปเรื่อยๆ จนมาพบกับดิฉัน คุยกันได้สักพัก แต่ตอนคุยกัน เขาบอกเขาเลิกกับภรรยาแล้ว แต่ฝ่ายภรรยาเคยตามมาเคลียปัญญา ว่าจะเอายังไง แต่สามี ยืนยันที่จะเลิก เราจึงตัดสินใจคบหาและอยู่ด้วยกัน โดยที่ดิฉันได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของสามีและเลี้ยงดูพ่อแม่ของสามี จนมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโต4 ปีแล้ว  เราอยู่ด้วยกันมาจะ6 ปีแล้ว ส่วนบุตรของภรรยาเก่า ก็ได้ส่งเสียเเป็นรายเดือน 4-5 พันบาท ปัจจุบันภรรยาเขาไม่ยอมหย่าให้  สามีดิฉันสามารถฟ้องหย่าได้ไหม แล้วภรรยาเขายังสามารถฟ้องค่าเสียหายจากดิฉันได้ไหม

ตอบ-ความคิดเห็นที่ 13

กรณีคู่สมรสแม้จะไม่ได้อยู่กินฉันสามีภริยากัน แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ความเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายจึงยังคงสมบูรณ์ เมื่อการสมรสยังสมบูรณ์คุณมาทีหลังไม่ได้จดทะเบียนสมรสจึงเป็นกรณีที่ไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายซึ่งยังมีคู่สมรสอยู่ภริยาชอบด้วยกฎหมายแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานเท่าใดก็ตามก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนเรียกค่าเสียหายได้อยู่ครับ สำหรับประเด็นเรื่องบุตรที่เกิดจากภรรยาเก่าแม้จะได้ส่งเสียเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ก็เป็นเรื่องอื่นที่ไม่ทำให้การสมรสของสามีภรรยาสิ้นสุดลงแต่อย่างใด หรือแม้แต่จะย้ายเข้าไปอยู่กับสามีเลี้ยงดู พ่อ แม่ ฝ่ายชายก็ตามสิทธิฟ้องชู้สาวก็ยังสามารถกระทำได้ครับ ส่วนสามีจะตั้งฟ้องหย่าภรรยาเดิมก็ต้องอ้างเหตุฟ้องหย่าให้ได้ก่อน ตามข้อเท็จจริงที่เล่ามานั้นเป็นความผิดของฝ่ายชายเพียงฝ่ายเดียวจึงไม่อาจอ้างเหตุสมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีเพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันตามปกติสุขเกินสามปีได้

   ความคิดเห็นที่ 14 (4164251)

 สวัสดีค่ะแฟนของเราจะไปทำงานที่ต่างประเทศ

เรามีลูกด้วยกัน 3 คนเราได้จดทะเบียนสมรส

ถ้าเกิดแฟนเราไปมีผู้หญิงคนอื่นเราควรทำอย่างไรค่ะ

จะเรียกร้องอะไรได้บ้าง

ตอบ-ความคิดเห็นที่ 14 

สามีชอบด้วยกฎหมายไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับหญิงอื่น ภรรยาชอบด้วยกฎหมายฟ้องเรียกค่าทดแทนเป็นเงินได้ครับ หรือจะฟ้องหย่าไปในคดีเดียวกันไปเลยก็ได้ ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ ฟ้องค่าเลี้ยงชีพได้ครับ

   ความคิดเห็นที่ 15 (4197845)

อยากทราบว่าฉันจดทะเบียนสมรสกับสามีมีลูกด้วยแต่มีหนี้สินประมาณ 4 ล.บาทแต่สามีก็ไปมีแฟนใหม่มีลูกด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนแล้วถ้าเราขายที่ดินไปแปลงนึงแล้วเอาไปใช้หนี้จนหมดไม่เหลือเลยแต่สามีจะมาฟ้องร้องเอาส่วนแบ่งเค้าจะมีสิทธิมั้ยค่ะเพราะพวกเราอยู่กันอย่างลำบากหนี้สินเค้าก็ไม่เคยช่วยนอกจากลูกจะขอเงิน500-1,000แบบนี้เค้าเรียกว่า“เลี้ยงดูบุตร”มั้ยค่ะแล้วเค้าจะฟ้องร้องอะไรเราได้มั้ยที่ดินแปลงที่ขายไม่ใช่สินสมรสเพราะชื้อก่อนจะไปจดทะเบียนกัน

ตอบ - ความคิดเห็นที่ 15

หนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสมีหนี้ร่วมระหว่างคู่สมรสที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันคนละครึ่ง เรื่องหนี้สินร่วมกันกับเรื่องชู้สาวเป็นคนละเรื่องกัน ภรรยาชอบด้วยกฎหมายชอบที่จะใช้สิทธิของภริยาตามกฎหมายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายหญิงได้ และเรียกจากฝ่ายชายในกรณีที่ฟ้องหย่าก็ได้ เช่นกัน หรือฟ้องฝ่ายหญิงโดยไม่ฟ้องหย่าก็สามารถทำได้ เรื่องขายที่ดินต้องพิจารณาว่าเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันหรือไม่ ถ้าเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันได้มาก่อนสมรสก็เป็นกรรมสิทธิ์รวมที่อีกฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องแบ่งคนละครึ่งได้แต่ฝ่ายเราสามารถฟ้องแย้งให้หักกลบลบหนี้กับหนี้ร่วมกัน (4 ล้าน) ได้ ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรหากบิดาให้ในจำนวนไม่เพียงพอแก่การใช้จ่ายตามความเป็นจริง มารดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนบุตรให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามที่จ่ายจริงได้ครับ

   ความคิดเห็นที่ 16 (4236777)

 จดทะเบียนสมรสกับสามี อยู่กินกันมาได้ปีกว่า ช่วงที่อยู่ด้วยกันทำงานมีรายได้ แม่สามีมักจะมาบอกว่าให้ไปใช้หนี้ด้วย ซึ่งหนี้เป็นแสนๆ เกิดก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกัน เป็นหนี้ที่เกิดกับภรรยาเก่า  แต่แม่เขาก็ต่องการให้เราช่วยใช้หนี้  ต่อมามีคนทวงหนี้บ่อยๆ เราก็อับอายนะ  เพราะเขามาทวงถึงบ้าน   เราเลยตัดสินใจ ขอไปทำงานที่ กทม. ไปแรกๆ ก็กลับมาบ้านมั้ง  แต่พอมาบ้านแม่สามีก็ให้เราเอาตังที่ได้ไปช่วยใช้หนี้สามีบ้าง  ซึ่งเป็นหนี้ที่เราไม่ได้ก่อ  แบบนี้บ่อยๆ  พอเดือน พย. 57  เราไปทำงานที่ กทม. เราก็ไม่กลับมาบ้านของสามี อีกเลย  ไม่ได้ติดต่อกันเลย  แล้วเราก็ลงไปทำงานที่ภาคใต้ และเขาก็มีเมียใหม่ แต่พอเดือน กค.60 เขาติดต่อมาว่า เมื่อไหร่จะมาหย่าให้  ซึ่งเดือน กค.  สค. เราไม่ว่าง เราเลยนัดเดือน กย. ที่ สนง.เขตดอนเมือง  เรามาตามนัด แต่เขาไม่มา เมียใหม่เขาก็มาต่อว่าเราทำไมต้องเลื่อนนัดเรื่อยเลย  เราบอกว่าไม่เคยนัดและไม่เคยเลื่อนนัด  เราควรจะทำยังไงดีค่ะ เรามีหลักฐาน รูปถ่าย ว่าเขา2 คนเป็นชู้กัน  ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณนะคะ

ตอบ - ความคิดเห็นที่ 16

ตามข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายสมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี อ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ครับ ติดต่อทนายความดำเนินการให้ได้เลยครับ

   ความคิดเห็นที่ 17 (4241355)

 ดิฉันกับสามีเก่าแยกกันอยู่ได้ 3 ปีแล้วค่ะ เพราะดิฉันมีคนใหม่ แต่ยังไม่ได้หย่ากับสามีเก่า ส่วนลูกอยู่กับดิฉันทั้งหมด และเขาก็ไม่ได้ส่งตังค์ให้ลูก แต่เมื่อต้นปี61 เขาออกรถเก๋ง ดิฉันกลัวเขาส่งรถไม่หมด เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไหร่ อยากทราบว่าถ้าเกิดเขาส่งไม่หมดแล้วปล่อยทิ้ง ดิฉันจะต้องเดือดร้อนด้วยมั๊ยคะ

ตอบ - ความคิดเห็นที่ 17

เมื่อเป็นทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้มาระหว่างสมรสจึงเป็นกรรมสิทธิ์รวมและหนี้ร่วมกัน แต่อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นหนี้ร่วมกันแต่หากคุณไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน ไฟแนนซ์ก็คงฟ้องสามีคนเดียวตามสัญญาเช่าซื้อ ในกรณีที่ไม่มีสินสมรสจะให้ยึดขายทอดตลาด คุณไม่ต้องรับผิดในฐานะจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด รอดูสถานการณ์ไปก่อนนะครับ

   ความคิดเห็นที่ 18 (4242878)

อยากถามนะคะว่าถ้าสามีที่หย่ากับภรรยาแล้วแล้วมีข้อตกลงในการหย่า   คือค่าเลี้ยงดูบุตรที่ตกลงกันคือเดือนละ4000 แต่สามีไม่มีให้แต่สามีได้มีภรรยาใหม่เราสามารถทำยังไงได้บ้างคะ  โดยที่สามีทำงานเงินเดือนแค่ไม่กี่บาทหรือไม่ได้ทำงานเลยนะคะ  แล้วแบบนี้เราสามารถเอาผิดกับทางแฟนใหม่เขาได้ไหมคะ

ความคิดเห็นที่ 18

ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า เป็นสัญญาอย่างหนึ่ง ผิดข้อตกลงฟ้องให้ศาลพิพากษาเสียก่อน เมื่อพบว่าพ่อเด็กมีทรัพย์สิน มีรายได้ค่อยไปบังคับคดีเอากับเงินได้เงินเดือนในภายหลังได้ทันที กรณีไม่ใช่เรื่องคดีอาญาที่จะต้องถูกจำคุก

   ความคิดเห็นที่ 19 (4242880)-หนูอยากสอบถามนะคะ  พอดีหนูตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อยากรู้ตรงที่ว่า  หนูกับแฟนที่คบกันในปัจจุบันนี้นะคะ แต่ก่อนเขาเคยมีภรรยาอยู่แล้ว พอเขามาคบกับหนูตอนแรกๆๆเขาบอกกับหนูเขาเลิกกับภรรยาเขาแล้วหนูถึงได้ลองคบหากับเขาดู  พอมารูว่าเขามีทะเบียนสมรสด้วยหนูก้อจะเลิกคบกับเขา แต่เขาไม่ยอมเลิกคบกับหนู  แต่เขากลับไปหย่ากับภรรยาเขาแล้วทีนี้เขาก้อมาคบกับหนูแบบเปิดเผย  ภรรยาเขาเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรประมาณ 4000 นะตอนนั้น แฟนหนูเลยตกลงกับเขาไปเพื่อที่จะได้ใบหย่า  แต่พอเวลาผ่านไปเจามาทวง แต่แฟนหนูทำงานได้เงินเดือนแค่ไม่กี่บาทไม่พอกับที่จะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูทุกเดือน  แต่เขาก้อยังส่งให้แยู่แต่เดือนละ1500เพราะเขาไหวแค่นี้  แต่ทางภรรยาไม่ยอมเขาบอกว่าจะไปฟ้อง  แต่ยังไงเขาก้อไม่มีให้อยู่ดี หนูอยากจะรู้นะคะว่าถ้าเขาฟ้องมาจริง แฟนหนูจะติดคุกไหมคะ เพราะเขาไม่มีจะจ่ายให้หรือไม่ก้อเขาเอาผิดกับหนูหรืเปล่าคะ เพราะหนูก้อมีภาระเหมือนกัน เพราะหนูกับแฟนต่างคนก็ต่างมีลูกและก้อมีภาระเหมือนกัน  ถ้าไม่มีจริงๆ ทั้งคู่แฟนหนูกับหนูจะต้องติดคุกไหมคะ ช่วยตอบหนูหน่อยนะคะหนูอยากรู้จริงๆๆคะหนูเครียดมากเลยคะ

ตอบ- ความคิดเห็นที่ 19

ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นหน้าที่ของบิดา มารดาอยู่แล้ว แต่เป็นความรับผิดทางแพ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีอาญาที่หากกระทำความผิดจะต้องถูกจำคุกตามกฎหมาย ดังนั้นกรณีถูฟ้องจึงไม่มีโทษจำคุก และเมื่อศาลพิพากษาหรือตัดสินคดีแล้วไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ฝ่ายโจทก์หรือแม่ของลูกที่ฟ้องแทนลูกต้องไปบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของพ่อเด็กซึ่งเป็นเรื่องการบังคับคดี ถ้าพ่อเด็กไม่มีทรัพย์สินก็ไม่มีโทษจำคุก ส่วนคุณเป็นบุคคลภายนอกไม่ต้องรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่เกิดกับภรรยาเดิมจึงไม่ใช่ลูกหนี้ฟ้องคุณไม่ได้ และไม่มีเหตุที่คุณจะถูกจำคุก

  ความคิดเห็นที่ 20 (4268862)

ได้ความรู้เรื่อฟ้องหย่ามากเลยคะ ถ้าอยากจะลองปรึกษาบ้าง ต้องทำยังไงคะ 

ตอบ- ความคิดเห็นที่ 20

ฝากคำถามไว้ได้เลยครับ

   ความคิดเห็นที่ 21 (4309510)

เรื่อง  สามีซื้อบ้านกับภรรยาเก่าและสามีได้จดทะเบียน(เป็นสินสมรสในตอนนั้น)และได้อย่ากับภรรยาเก่าแล้ว สามีได้สิทธิดูแลอุปการะลูกๆ  ดิฉันได้มาแต่งงานจดทะเบียนกับสามีไม่มีลูกด้วยกันและช่วยกันทำมาหากินผ่อนบ้านสร้างฐานะและเลี้ยงดูลูกติดสามีด้วยกัน  สามีมีลูกติดกับภรรยาเก่า 2 คน คนโต 19ปี คนเล็ก10ปี  ถามว่าในกรณีที่สามีเสียชีวิตสิทธิผู้ได้รับมรดกเรื่องบ้าน ,รถ,ที่ดิน,จะได้แก่ใครบ้างตามกฏหมาย

สิทธิ์เรื่องบ้านจะได้ถึงภรรยาเก่าด้วยหรือเปล่า ถ้าในกรณีลูกๆยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือกรณีบรรลุนิติภาวะแล้ว

ความคิดเห็นที่ 21

ข้อเท็จจริงเรื่องช่วยกันทำมาหากินผ่อนบ้านสร้างฐาน ยังไม่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับสินสมรสเดิมของสามีกับภรรยาเก่าหรือไม่ แต่ขอสันนิษฐานว่าเป็นทรัพย์สินใหม่ที่ซื้อมาหลังสามีจดทะเบียนหย่าแล้วนะครับ กรณีคุณจดทะเบียนสมรสกับสามี (สามีมีลูกติดมา 2 คน) ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันต้องเป็นสินสมรสหรือมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง กรณีสามีคุณเสียชีวิต แบ่งสินสมรสทุกรายการคนละครึ่งคือเป็น 2 ส่วน ส่วนของคนตายเรียกว่ามรดกของผู้ตาย ส่วนของคุณแยกออกมาครึ่งหนึ่งไม่เรียกว่ามรดก ดังนั้นมรดกมีเพียงครึ่งหนึ่งแบ่งคนละส่วนเท่ากันครับ ดังนั้นคุณจะได้ 4 ใน 6 ส่วนของทรัพย์สินทั้งหมด (สินสมรส 3 ส่วน)มรดก 3 ส่วนแบ่งให้ลูกคนละส่วนเป็น 2 ส่วน คุณได้มรดกของสามี 1 ส่วน