จะอ้างเหตุป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงได้หรือไม่ | |
สามีสงสัยว่าภรรยาชอบด้วยกฎหมายจะมีชู้จึงติดตามพฤติกรรมอยู่เสมอมา วันหนึ่ง สามีกลับมาจากต่างจังหวัด พบภรรยาของตนนอนอยู่กับชายชู้ในห้องนอนในบ้านของสามีจึงใช้ปืนยิงชายชู้ตาย ถามว่าสามีอ้างป้องกันได้หรือไม่ | |
ผู้ตั้งกระทู้ นรินทร์ :: วันที่ลงประกาศ 2008-08-23 23:38:15 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1825267) | |
สามีใช้ปืนยิงชายชู้ตาย เป็นการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี แต่การที่ภริยาได้อยู่กับชายชู้สองต่อสองในห้องเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะเปฌ็นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายซึ่งเป็นการกระทำต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของสามีถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดสิทธิในการป้องกันได้ มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควร แก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้น ไม่มีความผิด แต่การที่สามีได้พบเห็นเหตการณ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน ย่อมเกิดความโมโหหรือมีอารมณ์โกรธ จึงยิงไปในขณะนั้นทันทีที่พบเห็น เป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตามมาตารา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ อันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะ ลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใด ก็ได้ "
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-08-24 18:49:45 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1825270) | |
บันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2515 จำเลยเห็นผู้ตายกำลังชำเราภริยาจำเลยถึงในห้องนอนแม้จะไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่กินกันมา 13 ปี และเกิดบุตรกับจำเลย 6 คน จำเลยจึงใช้มีดพับเล็กที่หามาได้ในทันทีทันใด แทงผู้ตาย 2 ที และแทงภริยา 1 ที ดังนี้ เป็นการกระทำความผิดเพราะบันดาลโทสะ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายสม ทรายมูล ตายโดยเจตนาฆ่าเนื่องจากเป็นชู้กับภริยาจำเลย แล้วแทงภริยาจำเลยเอง 1 ที ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,295, 72 ริบมีดของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธการกระทำโดยเจตนา จำเลยกระทำโดยมีเหตุแก้ตัวตามกฎหมาย และจำเป็นเพื่อป้องกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกระทงหนัก จำคุก 2 ปีริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ 5 ปีตามมาตรา 56 โจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่รอการลงโทษเพราะจำเลยกระทำผิดต่อผู้อื่นถึง 2 คน ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเห็นผู้ตายกำลังชำเรานางจินดาภริยาจำเลยถึงในห้องนอน แม้นางจินดาจะไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เกิดบุตรกับจำเลย 6 คน อยู่กินกันมา 13 ปี จำเลยย่อมมีความรักและหวงแหนอาวุธที่จำเลยใช้แทงก็เป็นมีดพับเล่มเล็กที่หามาได้ในทันทีทันใดเมื่อจำเลยกระทำผิดแล้วก็ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ให้การรับสารภาพเบิกความเป็นพยานตนเองรับต่อศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลมาก ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนที่จำเลยทำร้ายนางจินดาภริยาด้วยก็เป็นบาดแผลเพียงเล็กน้อยสมควรปรานีแก่จำเลย พิพากษายืน
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-08-24 18:54:18 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1825271) | |
เป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงไม่มีโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2479 ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ
คดีได้ความตามข้อเท็จจริงว่าคืนวันเกิดเหตุจำเลยไปอาบน้ำเพื่อทำงาน ครั้นกลับมาไม่พบภรรยาได้เที่ยวตามหา ไปพบภรรยาตนกำลังนอนร่วมประเวณีกับผู้ตายในมุ้ง จึงคว้ามีดที่วางอยู่ปลายตีนมุ้งแล้วโถมเข้าคร่อมผู้ตายทั้งสองจนมุ้งชายคลุมผู้ตายทั้งสองไว้ แล้วจำเลยก็แทงด้วยมีดไม่เลือก จนภรรยาและชายชู้ถึงแก่ความตายทั้งสองคน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า การที่จำเลยฆ่าชายชู้ถึงตายนั้นเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษตามกฎหมายอาญา ม.๕๐ แต่การที่จำเลยฆ่าภรรยาถึงตายนั้นหาได้รับความยกเว้นตามมาตราข้างต้นนั้นไม่ จำเลยต้องมีผิดตามม.๒๔๙ ให้จำคุก ๑๕ ปี ลดโทษฐานยั่วโทษะตามมาตรา ๕๕ อีกกึ่งหนึ่งแลลดฐานปราณีโดยรับสารภาพตาม ม.๕๙อีกกึ่งหนี่งคงจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน ศาลฎีกาตัดสินว่าการที่ภรรยานอกใจสามีโดยไปกระทำชู้ด้วยผู้อื่น ย่อมแสดงให้เห็นว่าภรรยาได้ร่วมมือกับชายชู้ทำลายเกียรติยศของสามี การที่ภรรยาทำชู้ย่อมถือกันว่าเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศของชายอย่างร้ายแรง และการทำชู้ของภรรยานั้นจะสำเร็จได้ก็ต้องมีฝ่ายชายชู้มาร่วมมือด้วย ฉะนั้นทั้งชายชู้และภรรยาต่างได้ชื่อว่าก่อการทำชู้ขึ้น เป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศของชายผู้สามี เมื่อจำเลยฆ่าผู้ตามทั้งสองตายในขณะร่วมประเวณีกันอยู่ จึงไม่มีโทษตามมาตรา ๕๐ เพราะได้ชื่อว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศพอสมควรแก่เหตุให้ปล่อยจำเลยไป
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-08-24 18:57:41 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1825306) | |
กฎหมายยกเว้นความผิดเรื่องการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2547
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน แต่มีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำจึงแยกกันอยู่ วันเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยไปบ้านเกิดเหตุเพื่อตกลงปัญหาเรื่องครอบครัว แต่ตกลงกันไม่ได้จำเลยจึงจะออกจากบ้าน ผู้ตายนำอาวุธปืนออกมาวางที่ปลายเตียงเพื่อขู่ให้จำเลยอยู่กับผู้ตายและที่ผู้ตายพูดขู่จำเลยขณะจำเลยขยับต้วจะออกวิ่ง ก็เป็นเพียงขู่ไม่ให้จำเลยหนีไปเท่านั้น แต่จำเลยเกรงว่าผู้ตายจะใช้อาวุธปืนของกลางยิงจำเลย ทั้งที่ไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่จะส่อว่าผู้ตายจะทำเช่นนั้น จึงถือว่าไม่มีภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันแต่อย่้างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่้เป็นการป้องกันตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3451/2547 จำเลยและผู้ตายทะเลาะวิวาทกันเนื่องจากผู้ตายชวน บ. ซึ่งช่วยจำเลยทำสวนไปทำงานที่อื่น เมื่อต่อสู้กัน จำเลยใช้มีดอีโต้ฟันผู้ตายจนล้มลงแล้วฟันผู้ตายหลายครั้ง จนผู้ตายถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายเข้าไปจะช่วยผู้ตาย จำเลยใช้มีดฟันหน้าผู้เสียหาย 1 ครั้ง แล้ววิ่งหลบหนีไป การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายที่เข้าไปจะช่วยเหลือผู้ตาย เป็นการกระทำต่างกรรมและต่างเจตนากับการฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด 2 กรรม
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-08-24 19:50:48 |
[1] |