
| ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เมื่อใด? เจาะลึกกฎหมายไทย มาตรา 1585 และคำพิพากษาศาล
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์
🟦 บทนำ: สรุปบทความ บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการตั้งผู้ปกครองให้แก่ผู้เยาว์ในกรณีที่บิดามารดาหย่ากันโดยตกลงให้มารดาใช้อำนาจปกครองแต่ฝ่ายเดียว แต่ภายหลังมารดาเสียชีวิต โดยมีผู้ร้อง (น้าของผู้เยาว์) ขอศาลตั้งตนเป็นผู้ปกครอง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อบิดายังมีชีวิตอยู่และไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง จึงไม่สามารถตั้งผู้ปกครองคนใหม่ได้ เพราะอำนาจปกครองกลับไปอยู่ที่บิดาโดยอัตโนมัติตามกฎหมาย 🟦 หัวข้อหลักของบทความ ✅ การตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ทำได้ในกรณีใดบ้าง? ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง การตั้งผู้ปกครองสามารถทำได้ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น: •เมื่อ ผู้เยาว์ไม่มีทั้งบิดาและมารดา •หรือเมื่อ บิดาหรือมารดาถูกศาลถอนอำนาจปกครอง หากผู้เยาว์ยังมีบิดาที่ ยังมีชีวิตและไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ไม่สามารถให้บุคคลอื่น เช่น ป้า น้า ลุง หรือญาติ ยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองแทนได้ ✅ กรณีที่มีการตกลงในการหย่า: ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าใช้แทนการถอนอำนาจได้หรือไม่? ในกรณีที่ บิดาและมารดาจดทะเบียนหย่า และได้ตกลงให้มารดาใช้อำนาจปกครองฝ่ายเดียว ตาม มาตรา 1520 — ข้อตกลงนี้ใช้สำหรับจัดการหลังหย่าเท่านั้น แต่ ไม่ได้หมายความว่าบิดาถูกถอนอำนาจปกครองตามกฎหมาย ดังนั้น หากมารดาเสียชีวิต อำนาจปกครองจึง กลับมาอยู่กับบิดาโดยอัตโนมัติ ตาม มาตรา 1566 วรรคสอง (1) ✅ การถอนอำนาจปกครอง ต้องเป็นไปตามมาตรา 1582 เท่านั้น การจะถอนอำนาจปกครองจากบิดาหรือมารดานั้น ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน มาตรา 1582 ได้แก่: •เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ •ใช้อำนาจเกี่ยวกับตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ •ประพฤติชั่วร้าย •ล้มละลาย •จัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิด และ ต้องเป็นคำสั่งของศาล เท่านั้น ไม่สามารถถอนโดยข้อตกลงกันเองได้ ✅ ขอบเขตและบทบาทของศาลในการตั้งผู้ปกครอง ศาลมีอำนาจแต่งตั้งผู้ปกครองแทน เมื่อ: •เด็กไม่มีบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย •หรือบิดามารดาทั้งสองถูกศาลถอนอำนาจแล้ว หากยังมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีสิทธิชอบธรรมและยังมีชีวิต ศาล ไม่สามารถตั้งผู้ปกครองคนใหม่ ได้ แม้จะมีผู้เสนอความเหมาะสมก็ตาม 🟦 วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมายโดยละเอียด 1.มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง เป็นหัวใจของบทบัญญัตินี้ เพราะเป็นบทที่กำหนดเงื่อนไขเฉพาะในการแต่งตั้งผู้ปกครอง กล่าวคือ ต้องไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อน 2.มาตรา 1520 เป็นแนวทางให้คู่หย่าเจรจาตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองได้ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลทางกฎหมายถึงขั้นถอนสิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 3.มาตรา 1566 เป็นบทบัญญัติที่ให้ความคุ้มครองสิทธิของบิดามารดาโดยไม่ตัดสิทธิฝ่ายใดออก นอกจากมีคำสั่งศาล 4.มาตรา 1582 เป็นข้อกำหนดที่ใช้ประกอบหากจะถอนอำนาจปกครอง และเป็นบทที่ศาลต้องใช้ในการวินิจฉัย บทบัญญัติเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่า ระบบกฎหมายไทยคุ้มครองผู้ปกครองชอบด้วยกฎหมาย และจะใช้การตั้งผู้ปกครองคนใหม่เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น เพื่อไม่ให้เด็กถูกย้ายอำนาจโดยไม่จำเป็น 🟦 ตัวอย่างกรณีศึกษา: •ผู้เยาว์คนหนึ่งอยู่ในความดูแลของมารดาโดยตกลงกันหลังหย่า ต่อมามารดาเสียชีวิต น้าของผู้เยาว์ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครอง •ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า บิดายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ถูกศาลถอนอำนาจปกครอง •ศาลจึง ไม่อาจแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้ ตามเงื่อนไขของกฎหมาย 🟦 แนวปฏิบัติของทนายความ/นักกฎหมาย: •ควรตรวจสอบสถานะของบิดามารดาผู้เยาว์ให้ชัดเจนก่อนยื่นคำร้อง •หากยังมีบิดาหรือมารดาที่มีสิทธิชอบธรรมอยู่ ต้องแนะนำให้ดำเนินการร่วมกับบุคคลนั้นก่อน •ไม่ควรให้ความหวังกับญาติที่ต้องการเป็นผู้ปกครอง หากเงื่อนไขทางกฎหมายยังไม่ครบถ้วน 🟦 ข้อคิดทางกฎหมาย ❝ การแต่งตั้งผู้ปกครองใหม่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่ายในระบบกฎหมายแพ่งของไทย หากยังมีบุคคลที่มีอำนาจชอบด้วยกฎหมายอยู่ การดำเนินการใด ๆ ควรตั้งอยู่บนฐานของบทบัญญัติที่ชัดเจน และให้ผลประโยชน์ของผู้เยาว์เป็นศูนย์กลาง ❞ ด้านล่างเป็นตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 (เกี่ยวกับการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์) พร้อมสรุปสาระสำคัญ 1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2542 ศาลวินิจฉัยว่าผู้เยาว์ยังมีมารดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครอง จึงไม่สามารถตั้งผู้ปกครองใหม่ได้ เนื่องจากเงื่อนไขตามมาตรา 1585 ยังไม่ครบ 2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2560 ศาลอนุญาตให้ตั้งผู้ปกครองตามมาตรา 1585 เมื่อปรากฏว่าบิดามารดาไม่ดูแลผู้เยาว์อย่างเหมาะสมและถูกศาลถอนอำนาจบางส่วนตามมาตรา 1582 3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2548 หญิงหรือชายผู้ใช้อำนาจปกครองที่ได้รับแต่งตั้งตามมาตรา 1520 เมื่อถึงแก่ความตาย อีกฝ่ายจะกลับมามีอำนาจโดยอัตโนมัติ และเงื่อนไขมาตรา 1585 ยังคงไม่เปิดให้ตั้งผู้ปกครองภายนอกได้ 4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7636/2546 กรณีบุตรบุญธรรม การตั้งผู้ปกครองตามมาตรา 1585 ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่เป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรมที่ชัดเจน 5.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2495 เมื่อบิดาตาย บิดามารดาฝ่ายเดียวจะมีอำนาจปกครองโดยอัตโนมัติ คนอื่นไม่สามารถขอเป็นผู้ปกครองแทนได้ก่อนที่มารดาจะถูกถอนอำนาจ 6.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5135/2537 ญาติที่ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครองชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งเป็นผู้ปกครองภายใต้มาตรา 1585 (Thanulegal) 7.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8087/2543 ศาลมีอำนาจชี้ขาดฝ่ายใดเป็นผู้มีอำนาจปกครองและถอนอำนาจหากจำเป็น แม้ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าจะกำหนดไว้แล้ว 8.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681/2552 ศาลสามารถถอนอำนาจปกครองและแต่งตั้งผู้ใช้อำนาจใหม่ได้ แม้ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าจะให้ฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจอยู่ก่อนแล้ว 9.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6155/2540 กรณีเขตอำนาจศาลในการฟ้องร้องขอเพิกถอนอำนาจปกครองและแต่งตั้งผู้ปกครองขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จดทะเบียนหย่าและข้อตกลงท้ายทะเบียน 10.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2517 บิดาที่พรากเด็กนอกสมรสโดยมีเจตนาดีไม่ถือเป็นการพรากโดยผิดกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจปกครองโดยไม่ชอบ ✅ สรุป
เลขที่ฎีกา 749/2542
ยังมีบิดาหรือมารดาอยู่ จึงไม่ตั้งผู้ปกครองภายนอกได้
เลขที่ฎีกา 515/2560
ตั้งผู้ปกครองเมื่อถูกถอนอำนาจบางส่วนตามมาตรา 1582
เลขที่ฎีกา 2960/2548
การตกลงท้ายทะเบียนหย่าไม่ได้เท่ากับถอนอำนาจ
เลขที่ฎีกา 7636/2546
บุตรบุญธรรมต้องมีตราจดทะเบียนรับรองตามกฎหมาย
เลขที่ฎีกา 66/2495
เมื่อบิดาตาย มารดาจะเป็นผู้ปกครองโดยอัตโนมัติ
เลขที่ฎีกา 5135/2537
ญาติที่ไม่ใช่ผู้ปกครองชอบด้วยกฎหมายไม่มีสิทธิร้องขอ
เลขที่ฎีกา 8087/2543
ศาลมีอำนาจเปลี่ยนผู้ใช้อำนาจตามประโยชน์เด็ก
เลขที่ฎีกา 4681/2552
ถอนอำนาจและแต่งตั้งใหม่ได้แม้ข้อตกลงหย่าเป็นอื่น
เลขที่ฎีกา 6155/2540
เขตอำนาจศาลขึ้นอยู่กับสถานที่จดทะเบียนหย่า
เลขที่ฎีกา 398/2517
การพรากเด็กในกรณีมีเจตนาดีไม่ถือว่าผิดกฎหมาย 🟦 สรุปบทความแบบย่อ (ภาษาอังกฤษ): Summary: Under Thai law, a guardian for a minor can only be appointed if both parents are deceased or have been legally stripped of their parental rights under Section 1585 of the Civil and Commercial Code. If parents divorced and agreed that the mother would have sole custody, but the mother later dies, the parental power automatically returns to the father unless he has been officially removed by court order. Therefore, another relative (such as an aunt or uncle) cannot be appointed as guardian while the father still retains legal parental rights. การตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ทำได้ในกรณีใดบ้าง การตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์, บันทึกท้ายทะเบียนการหย่า, บิดามารดาตกลงกันเรื่องอำนาจปกครอง ถอนอำนาจปกครอง การตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ สามารถทำได้ในกรณีใดบ้าง กรณีบิดาและมารดา จดทะเบียนหย่า และตกลงให้มารดา เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรฝ่ายเดียว แต่ต่อมามารดาเสียชีวิต จะสามารถตั้งผู้ปกครองใหม่ได้หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้ เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง การที่มารดาตาย ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่ และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง แม้บิดามารดาจะได้จดทะเบียนหย่า โดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียว ก็เป็นเรื่องการตกลงกันตามมาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) เท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่ บิดาถูกถอนอำนาจปกครอง เพราะการจะถอนอำนาจปกครอง จะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 และเป็นอำนาจของศาล ดังนั้น กรณีมารดาเสียชีวิต อำนาจปกครองจึงกลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียว ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) คือบุตรต้องอยู่ในอำนาจปกครองของบิดา หรือมารดา ดังนั้นเมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครอง จึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองใหม่ได้ ในคดีนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าของผู้เยาว์ จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง ในขณะที่ผู้เยาว์ยังมีบิดาชอบด้วยกฎหมายที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ การตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ทำได้ในกรณีใดบ้าง การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ในกรณีที่บิดามารดาของผู้เยาว์ไม่อยู่ในสถานะที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ได้ การตั้งผู้ปกครองคนใหม่จะทำได้ประการใดบ้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 มีสาระสำคัญดังนี้คือ ในกรณีที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิตหรือถูกถอนอำนาจปกครอง มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ระบุให้ศาลตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีทั้งบิดาหรือมารดาที่ยังมีอำนาจปกครองเหลืออยู่เลย ดังนั้น หากผู้เยาว์มีบิดาชอบด้วยกฎหมายที่ยังมีชีวิตอยู่และไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง กรณีนี้ก็ไม่สามารถตั้งผู้ปกครองใหม่ได้ บันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่า ตามมาตรา 1520 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 กำหนดว่าในกรณีที่บิดามารดาจดทะเบียนหย่ากัน คู่หย่าสามารถตกลงกันได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์โดยตกลงระหว่างกันเองได้ หรืออาจตกลงให้ทั้งสองฝ่ายมีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ร่วมกันก็ได้ อย่างไรก็ตาม การตกลงตามมาตรา 1520 ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครอง ดังนั้นแม้จะตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ตามมาตรา 1520 ก็ตาม แต่กรณีนี้หากมารดาเสียชีวิตไปแล้ว อำนาจปกครองจะกลับมาอยู่กับบิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 และมาตรา 1582 มาตรา 1566 วรรคสอง (6) ระบุให้สิทธิบิดาหรือมารดาเฉพาะฝ่ายที่มีอำนาจปกครองร่วมกันสามารถตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองก็ได้ แต่กรณีถ้าหากบิดาหรือมารดาถูกถอนอำนาจปกครองจะต้องมีเหตุเฉพาะที่ระบุในมาตรา 1582 เช่นผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถ ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ประพฤติชั่วร้าย ล้มละลาย จัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิด ในกรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งถอนอำนาจปกครองได้ ดังนั้น การถอนอำนาจปกครองจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการตกลงระหว่างบิดามารดาได้ตามมาตรา 1566 🔷 แนวคำถามและธงคำตอบ ข้อ 1. มารดาและบิดาจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรเพียงฝ่ายเดียว ต่อมามารดาเสียชีวิต และน้าของผู้เยาว์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทนมารดา ในกรณีเช่นนี้ ศาลจะสามารถตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ ทั้งที่บิดายังมีชีวิตอยู่และไม่ถูกถอนอำนาจปกครองตามกฎหมายหรือไม่ ธงคำตอบ: ไม่สามารถตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้ เพราะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง การตั้งผู้ปกครองกระทำได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีทั้งบิดาและมารดา หรือเมื่อบิดามารดาถูกศาลถอนอำนาจปกครองแล้วเท่านั้น ในกรณีนี้ บิดายังมีชีวิตอยู่และไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง การที่มีข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่ามอบอำนาจปกครองให้มารดาฝ่ายเดียวเป็นเพียงข้อตกลงภายหลังการหย่า ตามมาตรา 1520 ซึ่งใช้กำหนดการจัดการระหว่างคู่หย่า ไม่ใช่การถอนสิทธิของบิดาโดยผลของกฎหมาย เมื่อมารดาเสียชีวิต อำนาจปกครองกลับคืนสู่บิดาโดยอัตโนมัติ ตาม มาตรา 1566 วรรคสอง (1) ดังนั้น ศาลไม่มีอำนาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองแทนได้ ข้อ 2. การที่บิดามารดาทำข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าตามมาตรา 1520 โดยกำหนดให้ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์เพียงฝ่ายเดียว จะถือว่าเป็นการถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่ายหนึ่งตามกฎหมายได้หรือไม่ ธงคำตอบ: ไม่ถือเป็นการถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าตาม มาตรา 1520 เป็นเพียงการตกลงเพื่อจัดการสิทธิหน้าที่ของคู่หย่าหลังการเลิกรา เช่น การอุปการะเลี้ยงดูและการใช้อำนาจปกครองบุตร ไม่ได้มีผลเป็นคำสั่งศาลหรือบทบัญญัติให้ถอนสิทธิของอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด การถอนอำนาจปกครองจะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุตาม มาตรา 1582 เช่น บิดามารดาประพฤติชั่วร้าย หรือใช้สิทธิไม่ชอบ และต้องเป็นคำสั่งของศาลเท่านั้น ดังนั้น แม้จะตกลงให้มารดาใช้อำนาจปกครองเพียงฝ่ายเดียว แต่บิดายังคงมีสิทธิชอบธรรมในทางกฎหมายอยู่ หากมารดาเสียชีวิต อำนาจปกครองจึงกลับมาสู่บิดาโดยอัตโนมัติ ข้อ 3. หากมารดาเสียชีวิตและบิดายังมีชีวิตอยู่ แต่มีพฤติการณ์ละเลยไม่ดูแลบุตร เช่น ไม่ส่งเสียเลี้ยงดูหรือไม่ติดต่อเป็นเวลานาน ญาติสามารถอ้างเหตุนี้ขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ ธงคำตอบ: ไม่อาจขอให้ศาลตั้งผู้ปกครองได้โดยอัตโนมัติ แต่ญาติสามารถร้องขอให้ศาล พิจารณาถอนอำนาจปกครองของบิดา ก่อนตาม มาตรา 1582 หากมีเหตุอันสมควร เช่น ประพฤติชั่วร้าย หรือไม่ดูแลบุตรโดยละเลยต่อหน้าที่ เมื่อศาลมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองแล้ว จึงจะสามารถตั้งผู้ปกครองตาม มาตรา 1585 ได้ การตั้งผู้ปกครองโดยข้ามขั้นตอนการถอนอำนาจถือเป็นการละเมิดหลักกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองสิทธิของบิดามารดาผู้ชอบด้วยกฎหมายไว้ก่อนเสมอ ข้อ 4. ในกรณีที่บุตรเป็นบุตรนอกสมรสซึ่งมารดาได้ใช้อำนาจปกครองฝ่ายเดียวมาตลอด ต่อมามารดาเสียชีวิต บิดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่เคยรับรองบุตรตามกฎหมาย จะมีสิทธิขอใช้อำนาจปกครองหรือศาลตั้งผู้ปกครองใหม่ได้หรือไม่ ธงคำตอบ: บิดาซึ่งไม่เคยรับรองบุตรตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิปกครองผู้เยาว์โดยอัตโนมัติ เพราะยังมิได้เป็นบิดาชอบด้วยกฎหมายตาม มาตรา 1546 และ มาตรา 1547 ดังนั้น เมื่อมารดาเสียชีวิต ศาลจึงอาจพิจารณาตั้งผู้ปกครองตาม มาตรา 1585 ได้ เพราะถือว่าผู้เยาว์ “ไม่มีบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย” กรณีนี้ศาลจะพิจารณาเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เยาว์ เช่น ปู่ ย่า หรือน้า มาเป็นผู้ปกครองตามดุลพินิจของศาล ข้อ 5. ในกรณีที่บิดามารดาเสียชีวิตทั้งคู่ และมีการโต้แย้งระหว่างญาติฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดาว่าใครควรได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ศาลจะใช้หลักเกณฑ์ใดในการพิจารณาว่าใครเหมาะสมจะเป็นผู้ปกครอง ธงคำตอบ: ศาลจะใช้หลักการตาม มาตรา 1587 และมาตรา 1589 ประกอบกับหลัก “ประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์” เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางสายโลหิต ความประพฤติ ความสามารถในการเลี้ยงดู การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของผู้ขอเป็นผู้ปกครอง ไม่จำเป็นต้องให้สิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยอัตโนมัติ แต่จะพิจารณาโดยรวมเพื่อประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ ทั้งนี้ศาลอาจตั้งผู้ปกครองร่วมกันได้หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์
|





