
| สิทธิครอบครองที่ดิน & เพิกถอนโฉนด, ข้อพิพาท น.ส.3 กับสิทธิครอบครองจริง
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ คดีนี้เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิครอบครองที่ดินซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ศาลวินิจฉัยว่าเอกสารดังกล่าวมิใช่กรรมสิทธิ์ หากแต่เป็นเพียงหลักฐานสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 โดยผู้ที่จะมีสิทธิครอบครองแท้จริงต้องเป็นผู้ที่เข้าครอบครองยึดถือและทำประโยชน์ในที่ดิน ไม่ใช่เพียงผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานตามมาตรา 1373 ที่สามารถหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริง เมื่อบุคคลหนึ่งไม่เคยครอบครองที่ดินย่อมไม่มีสิทธิขายหรือโอนสิทธิแก่บุคคลอื่น แม้หน่วยงานรัฐจะเข้าซื้อผ่านกระทรวงการคลังเพื่อโอนให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองที่แท้จริง เพราะแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจดทะเบียนโอนเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน มิใช่การได้สิทธิครอบครอง ศาลจึงชี้ว่าโจทก์ซึ่งได้ที่ดินจากผู้ครอบครองที่แท้จริง (ผู้ทำประโยชน์อย่างต่อเนื่อง) ย่อมมีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลย คำพิพากษาจึงเพิกถอนโฉนดที่ออกโดยไม่ชอบและรับรองสิทธิของโจทก์ ทั้งนี้ยังตอกย้ำหลักการสำคัญว่า สิทธิครอบครองต้องอาศัยการครอบครองจริง ไม่ใช่เพียงชื่อในเอกสาร และการซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิครอบครองย่อมเป็นโมฆะ ไม่ก่อสิทธิตามกฎหมาย (อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม)
✅ กฎหมายที่ใช้เป็นหลักสำคัญ 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 – ผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิครอบครอง 2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 – การมีชื่อในเอกสารสิทธิเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ต้องพิจารณาจากการครอบครองจริง 3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 – เจ้าของมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการใช้และจำหน่ายทรัพย์สิน 4. พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 36 ทวิ – ส.ป.ก. ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาโดยชอบตามกฎหมายเพื่อการปฏิรูปที่ดิน 5. หลักการตีความสิทธิครอบครองกับการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม ✅ Keywords 1. สิทธิครอบครอง (Possessory Right) o ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ที่ทำประโยชน์จริงในที่ดิน (นางสีและผู้สืบสิทธิ) จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367 ไม่ใช่ผู้ที่เพียงมีชื่อในเอกสาร 2. ข้อสันนิษฐานสิทธิ (Presumption of Right) o การมีชื่อใน น.ส.3 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานตามมาตรา 1373 ที่อาจหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริงว่าผู้ใดเข้าครอบครองจริง 3. การซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ (Invalid Transfer) o การโอนสิทธิจากบุคคลที่ไม่เคยครอบครองจริง (นายอนันต์) ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้รับโอน แม้จะเป็นกระทรวงการคลังหรือ ส.ป.ก. 4. อำนาจ ส.ป.ก. (ALRO’s Authority) o แม้กฎหมายปฏิรูปที่ดินให้อำนาจ ส.ป.ก. ถือกรรมสิทธิ์ แต่ต้องได้มาโดยชอบ หากได้มาจากผู้ไม่มีสิทธิ ก็ไม่อาจอ้างสิทธิเหนือที่ดินพิพาทได้ 5. เพิกถอนโฉนด (Revocation of Title Deed) o โฉนดที่ออกโดยไม่มีสิทธิมาจากการครอบครองจริง ถือว่าไม่ชอบ ศาลจึงเพิกถอนและรับรองสิทธิของโจทก์ที่ซื้อมาจากผู้ครอบครองตัวจริง สรุปง่าย ๆ ก็คือ คดีนี้ศาลฎีกาเน้นว่า “สิทธิครอบครองต้องมาจากการครอบครองจริง ไม่ใช่ชื่อในเอกสาร” และ “การซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ”
หลักกฎหมายพร้อมตัวอย่างคำพิพากษา 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 หลักการ: มาตรานี้กำหนดว่า “ผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิครอบครอง” หมายถึง บุคคลที่เข้ายึดถือหรือทำประโยชน์ในทรัพย์สินย่อมมีสิทธิในฐานะผู้ครอบครอง แม้จะยังไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ก็ตาม สิทธินี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย สามารถโอนหรือให้เช่าต่อได้ ตัวอย่างคำพิพากษา: • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2533 ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ที่เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินย่อมมีสิทธิครอบครอง แม้จะยังไม่มีโฉนด แต่ก็สามารถโอนสิทธิครอบครองให้ผู้อื่นได้ การที่ผู้ครอบครองขายที่ดินพร้อมส่งมอบการครอบครองให้แก่โจทก์ ถือว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยชอบ 2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 หลักการ: มาตรา 1373 กำหนดว่า “การมีชื่อในเอกสารสิทธิเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ครอบครอง” แต่ความจริงแล้วผู้มีสิทธิครอบครองต้องพิจารณาจากการยึดถือทำประโยชน์จริง หากปรากฏว่าบุคคลในเอกสารสิทธิไม่ได้ครอบครอง ที่ดินย่อมเป็นสิทธิของผู้อื่นที่ครอบครองอยู่จริง ตัวอย่างคำพิพากษา: • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4091/2540 ศาลฎีกาเห็นว่า การมีชื่อใน น.ส.3 เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน มิใช่การได้สิทธิเด็ดขาด เมื่อพิสูจน์ได้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์จริง สิทธิจึงเป็นของผู้ครอบครองตัวจริง ไม่ใช่ผู้มีชื่อในเอกสาร 3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 หลักการ: มาตรา 1336 ระบุว่า “เจ้าของมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการใช้และจำหน่ายทรัพย์สิน เว้นแต่จะขัดต่อกฎหมายหรือสิทธิของผู้อื่น” หลักการนี้เป็นหัวใจของสิทธิในกรรมสิทธิ์ (ownership) ที่กฎหมายรับรองว่าเจ้าของมีอำนาจเด็ดขาดเหนือทรัพย์สินของตน ตัวอย่างคำพิพากษา: • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2543 ศาลวินิจฉัยว่า เจ้าของที่ดินมีสิทธิเต็มที่ในการใช้และจำหน่ายทรัพย์สิน แม้รัฐจะมีนโยบายเกี่ยวกับการใช้ที่ดิน แต่หากเจ้าของยังมีกรรมสิทธิ์อยู่ ย่อมมีสิทธิที่จะใช้สิทธิของตนได้ตามมาตรา 1336 4. พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 36 ทวิ หลักการ: บัญญัติว่า “บรรดาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ที่ ส.ป.ก. ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ หรือได้มาโดยประการอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้ ส.ป.ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์” หมายความว่า หาก ส.ป.ก. ได้ที่ดินมาโดยชอบ กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเป็นของ ส.ป.ก. เพื่อใช้ในภารกิจปฏิรูปที่ดิน แต่ถ้าแหล่งที่มาของการได้มาไม่ชอบ เช่น ได้มาจากผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครอง สิทธิก็ไม่เกิดขึ้น ตัวอย่างคำพิพากษา: • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2554 ศาลชี้ว่า การที่ ส.ป.ก. ได้ที่ดินโดยชอบย่อมมีกรรมสิทธิ์ แต่หากการโอนสิทธิมาจากผู้ที่ไม่มีสิทธิครอบครอง การได้มาของ ส.ป.ก. ก็ไม่ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์ที่สมบูรณ์ 5. หลักการตีความสิทธิครอบครองกับการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม หลักการ: • สิทธิครอบครอง (Possessory Right) เกิดจากการครอบครองจริง ไม่ใช่เพียงมีชื่อในเอกสาร • กรรมสิทธิ์ (Ownership) เกิดขึ้นเมื่อได้มาโดยชอบ เช่น การซื้อขายจากเจ้าของ การได้มาจากกฎหมาย หรือการได้มาครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ • หากได้ที่ดินจากผู้ที่ไม่มีสิทธิครอบครอง แม้จะมีการจดทะเบียนโอนหรือออกโฉนด ก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ตัวอย่างคำพิพากษา: • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5168/2545 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ที่ได้ที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิครอบครอง แม้จะมีการโอนสิทธิตามทะเบียน ก็ไม่อาจถือว่าได้กรรมสิทธิ์โดยชอบ ศาลจึงเพิกถอนโฉนดและรับรองสิทธิผู้ครอบครองจริง
✨ สรุป: ทั้งหมดนี้สะท้อนหลักการสำคัญว่า สิทธิครอบครองต้องพิจารณาจากการครอบครองจริง การโอนสิทธิจากผู้ไม่มีสิทธิไม่ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์ แม้จะผ่านการจดทะเบียนก็ตาม
|




.jpg)