
| คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตามกฎหมาย, การฟ้องหย่าซ้ำเหตุเดียวกัน
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ คดีนี้เกี่ยวข้องกับการฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุการสมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี คู่สมรสมีปัญหาความสัมพันธ์ตั้งแต่ปี 2539 จำเลยพาบุตรไปอยู่กับครอบครัวตนและไม่กลับมาอยู่ร่วมกับโจทก์อีก ทำให้โจทก์ฟ้องหย่า ต่อมาโจทก์เคยฟ้องหย่าด้วยเหตุเดียวกันแล้วในคดีก่อน เมื่อถึงคดีนี้โจทก์ยังคงยกเหตุแยกกันอยู่เช่นเดิม ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามูลเหตุฟ้องหย่าทั้งสองคดีเป็นเหตุเดียวกัน ไม่ปรากฏว่าคู่สมรสกลับมาอยู่ร่วมกันแล้วแยกกันอยู่อีก จึงถือว่าคดีนี้เป็นการฟ้องซ้อน อันเป็นคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) หลักการดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันมิให้คู่ความถูกฟ้องซ้ำซ้อนจากข้อเท็จจริงเดียวกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเพิ่มภาระต่อศาล การพิจารณาของศาลฎีกาย้ำว่าการวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นฟ้องซ้ำ ไม่ได้ขึ้นกับเพียงถ้อยคำในคำฟ้อง แต่ขึ้นกับข้อเท็จจริงของมูลเหตุที่นำมาใช้ในการฟ้อง หากเป็นเหตุเดียวกัน ย่อมไม่อาจนำมาฟ้องใหม่ได้ ผลของคำพิพากษาคือให้ยกฟ้อง และกำหนดค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ (อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม)
ประเด็นสำคัญที่สุดของคดี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8186/2551 อยู่ที่การใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) ซึ่งเป็นบทบัญญัติเรื่อง “ห้ามฟ้องซ้อน” กฎหมายที่ใช้เป็นหลัก • ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) บัญญัติห้ามคู่ความนำคดีเดียวกัน หรือคดีที่มีเหตุฟ้องเดียวกัน มาฟ้องซ้ำต่อศาลอีก หากคดีก่อนยังอยู่ระหว่างพิจารณาหรือได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
Key Words ที่เป็นแก่นของคดีนี้ 1. ฟ้องซ้อน (Duplicate Lawsuit) – ประเด็นหลักของคดีคือการฟ้องหย่าซ้ำ โดยอ้างเหตุ “สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี” ซึ่งเคยฟ้องไปแล้วในคดีก่อน ศาลจึงวินิจฉัยว่าเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามกฎหมาย 2. เหตุหย่าเดียวกัน (Same Grounds for Divorce) – ทั้งคดีก่อนและคดีนี้โจทก์อ้างเหตุเดียวกันคือการแยกกันอยู่ตั้งแต่ปลายปี 2539 ไม่มีเหตุใหม่เกิดขึ้น จึงไม่สามารถนำมาฟ้องใหม่ได้ 3. ห้ามฟ้องซ้ำเพื่อความเป็นธรรม (Prohibition for Fairness) – หลักการห้ามฟ้องซ้อนมีไว้เพื่อป้องกันมิให้คู่ความถูกฟ้องซ้ำซ้อนจากเหตุเดียวกัน อันเป็นการสร้างภาระและความไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกฟ้อง 4. ศาลเน้นข้อเท็จจริง (Fact-Based Examination) – ศาลไม่ได้ดูเพียงถ้อยคำที่เขียนในคำฟ้อง แต่พิจารณา “ข้อเท็จจริง” ว่ามูลเหตุที่ฟ้องซ้ำคือเรื่องเดียวกับคดีก่อน 5. ผลแห่งคำพิพากษา (Legal Effect) – ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าคดีนี้ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
✅ สรุปสั้น ๆ: คดีนี้ยืนยันหลักกฎหมายสำคัญว่า การหย่าที่อ้างเหตุเดียวกันไม่สามารถฟ้องซ้ำได้ หากคดีก่อนยังมีผลอยู่ ศาลฎีกาจึงยกฟ้องเพราะเข้าห้ามฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. ม.173 หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องพร้อมตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาอื่น ๆ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) “ห้ามมิให้คู่ความนำคดีเดียวกัน หรือคดีที่มีเหตุฟ้องเดียวกัน มาฟ้องซ้ำต่อศาลอีก หากคดีก่อนยังอยู่ระหว่างพิจารณาหรือได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว” หลักการนี้เรียกว่า “ห้ามฟ้องซ้อน” หรือ prohibition of duplicate lawsuits มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฟ้องร้องซ้ำซ้อนในเรื่องเดียวกัน ซึ่งจะทำให้คู่ความฝ่ายหนึ่งถูกกลั่นแกล้งด้วยการถูกฟ้องคดีซ้ำ และยังเป็นการช่วยศาลลดภาระไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเดียวกันหลายครั้ง หลักสำคัญจากบทบัญญัตินี้ 1. ต้องเป็นคดีเดียวกันหรือเหตุฟ้องเดียวกัน – หากคู่ความนำมูลเหตุเดิมที่เคยฟ้องไปแล้วมาฟ้องอีก ศาลต้องสั่งห้ามไม่ให้พิจารณาซ้ำ 2. ต้องเป็นคดีที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณา หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว – หากคดียังอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ ฎีกา ก็ถือว่า “ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา” 3. ไม่ห้ามกรณีเหตุใหม่จริง ๆ – หากมีข้อเท็จจริงใหม่ที่เกิดภายหลัง เช่น การละเมิดใหม่ หรือการแยกกันอยู่ครั้งใหม่ ก็อาจนำมาเป็นเหตุฟ้องได้
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6821/2559 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลหนี้เดียวกันมาแล้ว และคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด การนำคดีเดียวกันมาฟ้องอีก ถือว่าเป็น “ฟ้องซ้อน” ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2538 คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน โดยก่อนหน้านี้โจทก์เคยฟ้องด้วยมูลเหตุเดียวกันและคดีก่อนยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีหลังเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามมาตรา 173 เช่นกัน ข้อสรุปทางกฎหมาย หลักการห้ามฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) เป็นหลักที่มุ่งคุ้มครองคู่ความและเสถียรภาพของระบบยุติธรรม การฟ้องซ้ำในเรื่องเดียวกันถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลจึงต้องวินิจฉัย “ยกฟ้อง” เพื่อให้ความยุติธรรมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
✍️ ดังนั้น หากนำไปประกอบบทความฎีกาที่ 8186/2551 สามารถเชื่อมโยงได้ว่า “เหตุฟ้องหย่าในคดีนี้ซ้ำกับคดีก่อน” และหลักการนี้ก็ถูกยืนยันอย่างต่อเนื่องในแนวคำพิพากษาศาลฎีกาอื่น เช่น ฎีกาที่ 6821/2559 และ 2331/2538 ซึ่งเป็นบรรทัดฐานเรื่อง “ห้ามฟ้องซ้อน”
|




.jpg)