
| คดีโครงการรับจำนำข้าว ไม่พบเจตนาทุจริต (ฎีกา 3555/2568)
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ คดีนี้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในโครงการรับจำนำข้าว โดยมีประเด็นว่าหัวหน้าคลังสินค้ามีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือไม่ จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคลังสินค้ากลาง มีหน้าที่ตามระเบียบและคู่มือโครงการ ส่วนการตรวจสอบคุณภาพข้าวถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของบริษัทผู้รับจ้าง และมีผู้ตรวจสอบซึ่งได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง การตรวจสอบคุณภาพข้าวเป็นงานทางเทคนิค ต้องใช้ความรู้ ความชำนาญ และเครื่องมือพิเศษ ไม่อาจทำได้ด้วยสายตาในขั้นตอนการรับมอบข้าว หัวหน้าคลังมีเพียงหน้าที่ในการรับและจัดเก็บ ไม่ใช่ผู้ตรวจสอบคุณภาพ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สนับสนุนย่อมไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้อง ชี้ให้เห็นหลักการสำคัญว่าการกำหนดหน้าที่ความรับผิดต้องอิงตามระเบียบและสัญญา หากไม่มีอำนาจหรือหน้าที่โดยตรง บุคคลไม่อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ (อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม)
✅ กฎหมายมาตราที่เกี่ยวข้อง (หลักสำคัญในคดีนี้) 1. พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 11 – ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต 2. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และ พ.ศ. 2561 มาตรา 172 – ความผิดฐานเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต 3. พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 29, 52 – กำหนดว่าผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าต้องได้รับอนุญาต มิฉะนั้นถือว่าผิดกฎหมาย 4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 – ความผิดฐานผู้สนับสนุน
✅ Keywords 5 ข้อความสำคัญ 1. “หน้าที่หัวหน้าคลังสินค้า” o หัวหน้าคลังมีหน้าที่เพียงรับมอบและจัดเก็บข้าวตามขั้นตอน แต่ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ 2. “การตรวจสอบคุณภาพข้าวต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ” o ศาลชี้ว่า การตรวจสอบคุณภาพเป็นงานทางเทคนิค ต้องใช้ความรู้เฉพาะและเครื่องมือ จึงมอบหมายให้บริษัทผู้รับจ้างดำเนินการ 3. “การขาดคุณสมบัติของจำเลยที่ 1” o แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ใช่ผู้ได้รับอนุญาตตรวจสอบ แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบจริง จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด 4. “ไม่ปรากฏเจตนาทุจริต” o พยานหลักฐานไม่แสดงว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ 5. “ผลลัพธ์คือการยกฟ้อง” o เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ผิด จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สนับสนุนก็ไม่ผิด ศาลฎีกายกฟ้องตามศาลล่าง
👉 สรุปสั้น ๆ: คดีนี้เน้นการตีความ ขอบเขตหน้าที่และความรับผิด ของหัวหน้าคลังสินค้าในการโครงการรับจำนำข้าว โดยศาลถือว่า หากไม่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรง และไม่ปรากฏเจตนาทุจริต ก็ไม่เข้าข่ายความผิดอาญาทุจริต หลักกฎหมาย
1. พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 11 • หลักกฎหมาย: o มาตรา 3 บัญญัติว่า พนักงานขององค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หากปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือประชาชน หรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ย่อมเป็นความผิด o มาตรา 11 กำหนดโทษสำหรับความผิดดังกล่าว คือ จำคุกและปรับ • สาระสำคัญ: เป็นการคุ้มครองประโยชน์ของรัฐและประชาชนจากการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การหรือรัฐวิสาหกิจ • ตัวอย่างฎีกา: o คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6624/2556 – จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า เรียกรับเงินจากโรงสีเพื่อให้ผ่านการตรวจรับข้าวสาร ศาลถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. 2502 มาตรา 3, 11 เพราะใช้อำนาจหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตน
2. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต • มาตรา 123/1 (พ.ศ. 2542): เจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ให้ตนเองหรือผู้อื่น เป็นความผิดฐานทุจริต • มาตรา 172 (พ.ศ. 2561): บัญญัติซ้ำโดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษและการตีความครอบคลุมเจ้าหน้าที่รัฐในวงกว้างขึ้น • สาระสำคัญ: เป็นกฎหมายที่เสริมจากกฎหมายอาญาทั่วไป มุ่งเน้นการปราบปรามการทุจริตโดยตรง และเป็นกฎหมายพิเศษที่ใช้คู่กับกฎหมายหลักอื่น • ตัวอย่างฎีกา: o คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4985/2560 – ข้าราชการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเพื่อเร่งรัดการอนุมัติเอกสาร ศาลลงโทษตามมาตรา 123/1 พ.ร.บ.ป.ป.ช. เพราะเป็นการใช้ตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
3. พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 29, 52 • หลักกฎหมาย: o มาตรา 29: ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้า o มาตรา 52: ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกหรือปรับ • สาระสำคัญ: กำหนดกลไกเพื่อควบคุมคุณภาพสินค้าส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะสินค้าสำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา อัญมณี ฯลฯ เพื่อคุ้มครองความเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าไทยในตลาดโลก • ตัวอย่างฎีกา: o คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2549 – จำเลยตรวจสอบและออกใบรับรองมาตรฐานยางพาราโดยไม่มีใบอนุญาต ศาลเห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 29 ประกอบมาตรา 52 เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 – ความผิดฐานผู้สนับสนุน • หลักกฎหมาย: o มาตรา 86 กำหนดว่า ผู้ใดช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด ก่อนหรือขณะกระทำความผิด ถือว่าเป็นผู้สนับสนุน ต้องรับโทษเช่นกัน แต่โทษจะลดหลั่นกว่าผู้กระทำโดยตรง • สาระสำคัญ: เป็นการขยายความรับผิดไปถึงบุคคลที่ไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่มีส่วนช่วยให้ความผิดสำเร็จ เช่น จัดหาสถานที่ อุปกรณ์ หรือให้คำแนะนำ • ตัวอย่างฎีกา: o คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4375/2547 – จำเลยจัดหารถยนต์ให้ผู้กระทำความผิดใช้ในการลักทรัพย์ แม้จะไม่ได้ลงมือเอง ศาลเห็นว่ามีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
🔑 สรุป • พ.ร.บ. 2502 มาตรา 3, 11 → คุ้มครองรัฐจากการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ • พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2542 ม.123/1 และ 2561 ม.172 → เจาะจงเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต • พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าขาออก ม.29, 52 → เน้นให้ผู้ตรวจสอบต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น • ป.อ. ม.86 → เอาผิดผู้สนับสนุน แม้ไม่ใช่ผู้กระทำการโดยตรง
|




.jpg)