
| (ฎีกา 368/2568)สิทธิบริหารหนี้ & การสวมสิทธิ (มาตรา 7 พ.ร.ก.บริหารสินทรัพย์) ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการสวมสิทธิของบริษัทบริหารสินทรัพย์ในการเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์เดิม ภายหลังการรับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัทบริหารสินทรัพย์รายอื่น แม้จำเลยบางรายจะได้รับการปลดจากล้มละลาย แต่ทรัพย์สินที่ยังอยู่ในความรับผิดชำระหนี้ยังคงต้องแบ่งแก่เจ้าหนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยอาศัย พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7 และ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109 ยืนยันสิทธิของผู้ร้องให้เข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงของคดี • ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้กว่า 33 ล้านบาทแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินและทรัพย์สินอื่นออกขายทอดตลาด • บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ได้รับโอนสิทธิหนี้และขอสวมสิทธิแทนโจทก์ ศาลอนุญาต • ต่อมา บริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. รับโอนสิทธิทั้งหมดจากบริษัท พ. และขอสวมสิทธิเช่นกัน ศาลชั้นต้นอนุญาต • ผู้ร้อง (บริษัทบริหารสินทรัพย์อีกแห่ง) ยื่นคำร้องเมื่อ 20 สิงหาคม 2564 ขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ในส่วนของจำเลยทั้งสาม • ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน • ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกายอมรับพิจารณา
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1. สิทธิการสวมสิทธิ: ผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ภายใต้ พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีต่อจำเลยทั้งสามโดยชอบ ย่อมมีสิทธิสวมสิทธิแทนโจทก์ได้ตาม มาตรา 7 2. ผลของการปลดล้มละลาย: แม้จำเลยที่ 2 และ 3 ได้รับการปลดล้มละลาย แต่ทรัพย์สินที่มีอยู่ตั้งแต่เริ่มล้มละลายจนถึงวันปลด ยังถือว่าเป็นทรัพย์ในคดีล้มละลายและต้องแบ่งแก่เจ้าหนี้ตาม มาตรา 109 พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 3. สิทธิของเจ้าหนี้: เมื่อยังไม่มีหลักฐานว่าหนี้ในคดีล้มละลายได้รับชำระครบ ผู้ร้องในฐานะผู้รับโอนสิทธิย่อมมีสิทธิเรียกร้องและสวมสิทธิแทนโจทก์ได้ ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วย
การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย • มาตรา 7 พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ให้อำนาจบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ได้รับโอนหนี้ด้อยคุณภาพเข้าดำเนินคดีและสวมสิทธิแทนเจ้าหนี้เดิมได้ • มาตรา 109 พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้ทรัพย์สินที่อยู่ในคดีล้มละลายจนถึงวันปลดล้มละลายยังคงต้องแบ่งแก่เจ้าหนี้ • หลักสิทธิเจ้าหนี้: แม้ลูกหนี้จะได้รับการปลดล้มละลาย แต่หนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระครบยังเป็นสิทธิที่เจ้าหนี้สามารถติดตามได้
IRAC Analysis Issue (ประเด็น): บริษัทบริหารสินทรัพย์ผู้ร้องมีสิทธิขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 และ 3 หรือไม่ Rule (กฎหมาย): • พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7 • พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109 Application (การประยุกต์): ผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้โดยชอบตามกฎหมาย แม้จำเลยที่ 2 และ 3 จะพ้นจากการล้มละลาย แต่ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในคดีล้มละลายยังต้องนำมาแบ่งแก่เจ้าหนี้ การชำระหนี้ยังไม่ครบถ้วน จึงชอบที่ผู้ร้องจะใช้สิทธิสวมสิทธิแทนโจทก์ Conclusion (ข้อสรุป): ศาลฎีกาพิพากษาให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 และ 3 ได้ครบถ้วน
สรุปข้อคิดทางกฎหมาย 1. บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ได้รับโอนหนี้ด้อยคุณภาพมีสิทธิดำเนินคดีแทนเจ้าหนี้เดิม 2. การปลดจากล้มละลายไม่ตัดสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระ 3. สิทธิเรียกร้องในคดีล้มละลายยังคงอยู่จนกว่าจะมีการชำระหนี้ครบถ้วน 4. การตีความมาตรา 7 และมาตรา 109 ช่วยสร้างความมั่นคงแก่ระบบบริหารหนี้และความยุติธรรมในคดีล้มละลาย English Summary The Supreme Court Decision No. 368/2025 concerns the substitution of an asset management company as creditor in place of the original plaintiff. The Court ruled that under Section 7 of the Asset Management Company Act and Section 109 of the Bankruptcy Act, the company, having lawfully acquired the rights, was entitled to substitute as creditor against all three defendants, even though two had been discharged from bankruptcy. สรุปคำแปลภาษาอังกฤษ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2568 เกี่ยวข้องกับการเข้าสวมสิทธิของบริษัทบริหารสินทรัพย์ในการเป็นเจ้าหนี้แทนโจทก์เดิม ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ และมาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย บริษัทผู้ร้องซึ่งได้มาซึ่งสิทธิเรียกร้องโดยชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิที่จะเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อจำเลยทั้งสาม แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะได้รับการปลดจากล้มละลายแล้วก็ตาม ได้เลยครับ ผมคัดเลือก 15 คำศัพท์กฎหมายที่น่าสนใจจากข้อความที่ให้มา เหมาะสำหรับผู้ที่เรียนกฎหมายและเตรียมสอบ โดยเลือกทั้ง คำศัพท์กฎหมายหลัก และ คำศัพท์ที่มักเจอในเอกสารกฎหมายสากล 📌 คำศัพท์กฎหมายที่น่าสนใจ (15 คำ) 1.substitution – การสวมสิทธิ / การแทนที่ 2.asset management company – บริษัทบริหารสินทรัพย์ 3.creditor – เจ้าหนี้ 4.plaintiff – โจทก์ 5.The Court ruled – ศาลมีคำวินิจฉัย / ศาลพิพากษา 6.Section – มาตรา (ในกฎหมาย) 7.Act – พระราชบัญญัติ 8.Bankruptcy – การล้มละลาย 9.lawfully – โดยชอบด้วยกฎหมาย 10.acquired – ได้มา / ได้รับสิทธิ 11.rights – สิทธิ 12.entitled – มีสิทธิ / ชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้ 13.defendant – จำเลย 14.discharged (from bankruptcy) – ได้รับการปลดจากล้มละลาย 15.in place of – แทนที่ / แทนตำแหน่ง ตัวอย่างคำศัพท์ที่นำมาใช้ในประโยค 1. substitution – การสวมสิทธิ / การแทนที่ The substitution of the new creditor allowed the case to continue without delay. The judge explained that substitution ensures fairness in financial disputes. • Literal: การสวมสิทธิของเจ้าหนี้รายใหม่ทำให้คดียังคงดำเนินต่อไปโดยไม่ล่าช้า ผู้พิพากษาอธิบายว่าการสวมสิทธิช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในข้อพิพาททางการเงิน • Natural: เจ้าหนี้ใหม่เข้ามาแทน ทำให้คดีเดินต่อได้เลย ผู้พิพากษาบอกว่าการแทนสิทธิช่วยให้เรื่องการเงินยุติธรรมขึ้น
2. asset management company – บริษัทบริหารสินทรัพย์ An asset management company purchased the non-performing loans from the bank. Many banks rely on such companies to handle bad debts. • Literal: บริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากธนาคาร ธนาคารหลายแห่งพึ่งพาบริษัทเหล่านี้ในการจัดการหนี้เสีย • Natural: บริษัทซื้อขายหนี้เข้ามารับโอนหนี้เสียจากธนาคาร ธนาคารส่วนใหญ่ต้องพึ่งบริษัทแบบนี้เพื่อจัดการหนี้เสีย
3. creditor – เจ้าหนี้ The creditor filed a lawsuit to recover the unpaid debt. Without repayment, creditors often face financial risks. • Literal: เจ้าหนี้ยื่นฟ้องคดีเพื่อเรียกหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระคืน หากไม่ได้รับการชำระ เจ้าหนี้มักเผชิญความเสี่ยงทางการเงิน • Natural: เจ้าหนี้เลยต้องฟ้องศาลเพราะลูกหนี้ไม่จ่ายเงิน ถ้าไม่ได้คืน เจ้าหนี้ก็เสี่ยงขาดทุนหนัก
4. plaintiff – โจทก์ The plaintiff argued that the contract was valid and enforceable. In many trials, the plaintiff carries the burden of proof. • Literal: โจทก์โต้แย้งว่าสัญญามีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ ในหลายคดี โจทก์เป็นฝ่ายที่ต้องนำสืบพิสูจน์ • Natural: ฝั่งโจทก์เถียงว่าสัญญายังใช้ได้จริง โดยมากแล้ว โจทก์ต้องเป็นฝ่ายหาหลักฐานมาให้ศาล
5. The Court ruled – ศาลมีคำวินิจฉัย / ศาลพิพากษา The Court ruled that the defendant must return the property. This decision set an important precedent for future cases. • Literal: ศาลมีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องคืนทรัพย์สิน คำวินิจฉัยนี้กลายเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญสำหรับคดีในอนาคต • Natural: ศาลตัดสินว่าจำเลยต้องคืนของ คำตัดสินนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างสำคัญสำหรับคดีต่อ ๆ ไป
6. Section – มาตรา The lawyer cited Section 109 of the Bankruptcy Act. Sections of the law provide specific rules for each situation. • Literal: ทนายความอ้างถึงมาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย แต่ละมาตราของกฎหมายกำหนดกฎเกณฑ์เฉพาะสำหรับแต่ละกรณี • Natural: ทนายยกมาตรา 109 จากกฎหมายล้มละลายมาอ้าง แต่ละมาตราก็มีข้อกฎหมายเฉพาะเอาไว้ใช้กับแต่ละเรื่อง
7. Act – พระราชบัญญัติ The Act was designed to regulate financial institutions. Acts are passed by Parliament to create binding laws. • Literal: พระราชบัญญัตินี้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมสถาบันการเงิน พระราชบัญญัติออกโดยรัฐสภาเพื่อสร้างกฎหมายที่มีผลผูกพัน • Natural: กฎหมายนี้เอาไว้ควบคุมสถาบันการเงิน กฎหมายลักษณะพระราชบัญญัติคือกฎหมายที่รัฐสภาผ่านมาใช้บังคับ
8. Bankruptcy – การล้มละลาย The company declared bankruptcy after years of heavy losses. Bankruptcy laws aim to balance debtor and creditor rights. • Literal: บริษัทได้ประกาศล้มละลายหลังจากขาดทุนต่อเนื่องหลายปี กฎหมายล้มละลายมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิของลูกหนี้และเจ้าหนี้ • Natural: บริษัทต้องประกาศล้มละลายเพราะขาดทุนมาหลายปี กฎหมายล้มละลายทำขึ้นเพื่อให้ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้รับความเป็นธรรม
9. lawfully – โดยชอบด้วยกฎหมาย He lawfully acquired the property through a registered contract. Lawfully obtained rights are protected by the Constitution. • Literal: เขาได้ครอบครองทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมายผ่านสัญญาที่จดทะเบียน สิทธิที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ • Natural: เขาได้ทรัพย์สินมาแบบถูกกฎหมาย เพราะทำสัญญาจดทะเบียนไว้ สิทธิที่ได้มาอย่างถูกกฎหมายก็จะได้รับการคุ้มครอง
10. acquired – ได้มา / ได้รับสิทธิ The company acquired new rights through the asset purchase. Businesses often expand by acquiring other companies. • Literal: บริษัทได้รับสิทธิใหม่ผ่านการซื้อสินทรัพย์ ธุรกิจมักขยายตัวโดยการซื้อกิจการอื่น • Natural: บริษัทได้สิทธิใหม่จากการซื้อสินทรัพย์ หลายบริษัทเติบโตขึ้นโดยการซื้อกิจการอื่นมาเพิ่ม
11. rights – สิทธิ The defendant’s rights must be respected during the trial. Legal systems are built to protect the rights of all citizens. • Literal: สิทธิของจำเลยต้องได้รับการเคารพระหว่างการพิจารณาคดี ระบบกฎหมายถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคน • Natural: ศาลต้องเคารพสิทธิของจำเลยตอนสู้คดี กฎหมายตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของทุกคน
12. entitled – มีสิทธิ / ชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้ The creditor was entitled to demand repayment. People are entitled to fair treatment under the law. • Literal: เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระคืน ประชาชนมีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมภายใต้กฎหมาย • Natural: เจ้าหนี้มีสิทธิเต็มที่จะทวงเงินคืน ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมตามกฎหมาย
13. defendant – จำเลย The defendant denied signing the loan agreement. In most cases, the defendant has the right to legal counsel. • Literal: จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ลงนามในสัญญากู้ยืม ในคดีส่วนใหญ่ จำเลยมีสิทธิที่จะมีทนายความ • Natural: จำเลยเถียงว่าไม่ได้เซ็นสัญญากู้ ส่วนใหญ่แล้วจำเลยก็มีสิทธิที่จะมีทนาย
14. discharged (from bankruptcy) – ได้รับการปลดจากล้มละลาย He was discharged from bankruptcy after completing all requirements. Being discharged gives a debtor a fresh start in financial life. • Literal: เขาได้รับการปลดจากล้มละลายหลังจากปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมด การได้รับการปลดล้มละลายทำให้ลูกหนี้เริ่มต้นชีวิตทางการเงินใหม่ได้ • Natural: เขาพ้นจากการล้มละลายเพราะทำตามเงื่อนไขครบแล้ว การพ้นล้มละลายช่วยให้เริ่มต้นใหม่ทางการเงินได้
15. in place of – แทนที่ / แทนตำแหน่ง The new creditor acted in place of the original plaintiff. Such substitution keeps the case moving forward. • Literal: เจ้าหนี้รายใหม่ทำหน้าที่แทนโจทก์เดิม การแทนที่เช่นนี้ช่วยให้คดีดำเนินต่อไปได้ • Natural: เจ้าหนี้ใหม่เข้ามาแทนโจทก์เดิม การแทนกันแบบนี้ทำให้คดีไม่สะดุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2568 ผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสามมาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ แม้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ได้ฟ้องให้จำเลยทั้งสามล้มละลายจนศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามล้มละลายและต่อมาจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับการปลดจากล้มละลายมีผลให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของตนซึ่งได้มานับแต่วันที่ได้รับการปลดจากล้มละลาย แต่สำหรับทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 อันเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109 เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย รวมทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ผู้ร้องจึงอาจดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ซึ่งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงชอบที่จะเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ได้ตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 2,994,674.83 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินตามสัญญากู้แก่โจทก์จำนวน 30,239,297.89 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ปฏิบัติตามให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 172 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นโจทก์และเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ได้ซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ทั้งหมดจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. และยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต วันที่ 20 สิงหาคม 2564 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์เดิมเพื่อดำเนินคดีและใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ดังกล่าว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ผู้ร้องรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสามในคดีนี้จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. บริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ให้จำเลยทั้งสามล้มละลาย ต่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 81/1 นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 คู่ความไม่อุทธรณ์ คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงยุติตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 3 หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสามมาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ อันทำให้ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสามได้ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7 ดังนี้ แม้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ได้ฟ้องให้จำเลยทั้งสามล้มละลายจนศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ให้จำเลยทั้งสามล้มละลาย และต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับการปลดจากล้มละลาย มีผลทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของตนซึ่งได้มานับแต่วันที่ได้รับการปลดจากล้มละลาย แต่ทรัพย์สินทั้งหลายอันจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลาย รวมทั้งสิทธิเรียกร้องเหนือทรัพย์สินของบุคคลอื่น และทรัพย์สินซึ่งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้มาภายหลังเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายจนถึงเวลาปลดจากล้มละลาย กับสิ่งของซึ่งอยู่ในครอบครองหรืออำนาจสั่งการหรือสั่งจำหน่ายของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในทางการค้าหรือธุรกิจของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วยความยินยอมของเจ้าของอันแท้จริง โดยพฤติการณ์ซึ่งทำให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าของในขณะที่มีการขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ล้มละลายนั้นยังคงถือว่าเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109 เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย รวมทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ผู้ร้องจึงอาจดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ซึ่งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ส. ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงชอบที่จะเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ได้ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
|




.jpg)
.jpg)