
| คดีโฉนดมรดก & ป.อ. มาตรา 188, ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น, (ฎีกา 842/2568)
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 โดยมีประเด็นว่าการที่จำเลยถือครองโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกและยังอยู่ระหว่างการจัดการมรดก จะถือว่าเป็นเอกสารของผู้อื่นหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อผู้รับพินัยกรรมทุกคนรวมทั้งโจทก์และจำเลยยังคงมีสิทธิร่วมในที่ดินและโฉนดดังกล่าวอยู่ การที่จำเลยไม่ส่งมอบโฉนดให้ผู้จัดการมรดกจึงไม่เป็นความผิดอาญา ต้องไปใช้สิทธิทางแพ่งแทน
สรุปข้อเท็จจริง • นางเฉลียวทำพินัยกรรมให้จำหน่ายที่ดินแล้วนำเงินมาแบ่งให้ทายาท 6 คน พร้อมแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก • เมื่อผู้ตายถึงแก่กรรม ทรัพย์มรดกประกอบด้วยที่ดินหลายแปลง รวมถึงโฉนดเลขที่ 19395 ซึ่งจำเลยครอบครองไว้ • โจทก์ทวงถามโฉนดเพื่อจัดการมรดก แต่จำเลยไม่ส่งมอบ • โจทก์ฟ้องจำเลยฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อ. ม.188
คำวินิจฉัยศาล • ศาลชั้นต้น: จำเลยผิด ป.อ. ม.188 จำคุก 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท ลดโทษตาม ม.78 เหลือจำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี • ศาลอุทธรณ์: กลับคำพิพากษา ยกฟ้อง • ศาลฎีกา: วินิจฉัยว่าโฉนดดังกล่าวยังเป็นทรัพย์มรดกที่ผู้รับพินัยกรรมรวมทั้งโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่ถือเป็นเอกสารของผู้อื่น การที่จำเลยไม่ส่งมอบโฉนดเป็นเรื่องทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดอาญา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย 1. ความหมายของ “เอกสารของผู้อื่น” ตาม ป.อ. มาตรา 188 • ต้องเป็นเอกสารที่ผู้กระทำไม่มีสิทธิครอบครอง • หากเป็นเจ้าของร่วม จะไม่ถือเป็นเอกสารของผู้อื่น 2. สิทธิของผู้จัดการมรดก • ผู้จัดการมรดกมีสิทธิเรียกร้องให้ทายาทส่งมอบทรัพย์เพื่อจัดการ แต่หากไม่ส่งมอบ ต้องใช้สิทธิทางแพ่ง ไม่ใช่โทษทางอาญา 3. หลักการตีความคดีอาญา • กฎหมายอาญาต้องตีความโดยเคร่งครัด • หากมีข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย
IRAC Analysis Issue (ประเด็น): การที่จำเลยไม่ส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดก ถือว่าเป็นความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 188 หรือไม่ Rule (กฎหมาย): ป.อ. มาตรา 188 กำหนดโทษแก่ผู้ที่ “เอาไปเสีย ทำลาย หรือซ่อนเร้นเอกสารของผู้อื่น” โดยต้องเป็นเอกสารที่ตนไม่มีสิทธิครอบครอง ป.พ.พ. มาตรา 1599 และ 1603 กำหนดว่ามรดกตกแก่ทายาทและผู้รับพินัยกรรมโดยตรง Application (การวิเคราะห์): ที่ดินและโฉนดที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิ์รวมของทายาททุกคนรวมทั้งจำเลย ดังนั้นโฉนดไม่ใช่ “เอกสารของผู้อื่น” การที่จำเลยครอบครองไว้แม้ขัดขวางการจัดการมรดกก็ไม่เป็นความผิดอาญา แต่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในทางแพ่ง Conclusion (ข้อสรุป): จำเลยไม่ผิดตาม ป.อ. มาตรา 188 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องเป็นไปโดยชอบ ศาลฎีกาพิพากษายืน
สรุปข้อคิดทางกฎหมาย • การถือครองเอกสารที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ไม่ถือว่าเป็น “เอกสารของผู้อื่น” • ความขัดแย้งเกี่ยวกับการจัดการมรดก ควรแก้ไขในทางแพ่ง ไม่ใช่ใช้กฎหมายอาญา • หลักการตีความคดีอาญาต้องเข้มงวด เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2568 การที่จะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 188 ต้องเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น เมื่อโฉนดที่ดินทรัพย์มรดกอันเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งของ ฉ. ที่ต้องนำไปจำหน่ายแล้วนำเงินมาแบ่งปันระหว่างผู้รับพินัยกรรมด้วยกัน โดยมีโจทก์และจำเลยรวมอยู่ด้วย เมื่อการจัดการมรดกดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น โจทก์ จำเลยและผู้รับพินัยกรรมอื่นจึงยังคงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินและโฉนดที่ดินดังกล่าวอยู่ด้วยจึงถือไม่ได้ว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นเอกสารของผู้อื่น ดังนั้น การที่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายทวงถามเพื่อจะแบ่งปันที่ดินแก่ผู้รับพินัยกรรม แต่จำเลยไม่ยอมส่งมอบให้โจทก์ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ตามทำให้การจัดการมรดกเกิดข้อขัดข้องหรือได้รับความเสียหายก็เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องไปว่ากล่าวใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยในทางแพ่งต่อไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 188 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 จำคุก 6 เดือน และปรับ 15,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า พันตำรวจโทลออ กับนางเฉลียว มีบุตรด้วยกันรวม 7 คน ได้แก่ นายธนกร นายวรพุฒ นางสาววรนุช นายวรพันธ์ (ตายเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2558) โจทก์ จำเลย และพันตำรวจโทวรเอก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 นางเฉลียวทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองระบุให้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 12167 ออกจำหน่ายแล้วนำเงินที่ได้ไปเลี้ยงดูนางสาวฉลวย จนกว่านางสาวฉลวยจะถึงแก่ความตาย ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ให้นำออกจำหน่ายแล้วนำเงินมาแบ่งกันระหว่างผู้รับพินัยกรรม 6 คน คือ นายธนกร นางสาววรนุช นายวรพันธ์ โจทก์ จำเลย และพันตำรวจโทวรเอก กับแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเฉลียว ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 นางเฉลียวถึงแก่ความตาย ศาลแพ่งมีคำสั่งในคดีหมายเลขแดงที่ พ 4909/2560 แต่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2560 ผู้ตายมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินจำนวนหลายแปลง ที่ดินโฉนดเลขที่ 19395 เป็นทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งของผู้ตายที่ต้องนำมาจำหน่ายแล้วนำเงินแบ่งกันระหว่างทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม จำเลยเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินดังกล่าว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 บัญญัติว่า "ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษ..." การที่จะเป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวต้องได้ความว่า เป็นการเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น กรณีจึงต้องวินิจฉัยก่อนว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 19395 เป็นเอกสารของผู้อื่นหรือไม่ เห็นว่า เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นย่อมตกแก่ทายาท อันได้แก่ทายาทโดยธรรม และผู้รับพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1603 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 19395 เป็นทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งของนางเฉลียวที่ต้องนำไปจำหน่ายแล้วนำเงินมาแบ่งกันระหว่างผู้รับพินัยกรรมด้วยกันจำนวน 6 คน อันมีโจทก์และจำเลยรวมอยู่ด้วย เมื่อการจัดการมรดกดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น โจทก์ จำเลย และผู้รับพินัยกรรมอื่นอีก 4 คน จึงยังคงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินทรัพย์มรดกดังกล่าว ซึ่งหมายรวมถึงโฉนดที่ดินอันเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินด้วย เช่นนี้ แม้โจทก์และผู้รับพินัยกรรมคนอื่นจะเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยก็ถือไม่ได้ว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 19395 เป็นเอกสารของผู้อื่นเพราะจำเลยเป็นเจ้าของอยู่ด้วย ดังนั้น การที่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายทวงถามโฉนดที่ดินดังกล่าว เพื่อจะแบ่งปันที่ดินแก่ผู้รับพินัยกรรม แต่จำเลยไม่ยอมส่งมอบให้โจทก์ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม ทำให้การจัดการมรดกเกิดข้อขัดข้องหรือได้รับความเสียหายก็เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องไปว่ากล่าวใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยในทางแพ่งต่อไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน |





