
| คดีพยายามฆ่า, คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย,(ฎีกา 2813/2568, )
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์
คดีนี้เป็นกรณีจำเลยกับพวกบุกเข้าไปในบ้านพักของผู้เสียหาย ใช้กำลังทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บสาหัส และยังมีการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายคนอื่นและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ศาลพิจารณาเห็นว่าจำเลยกลับไปนำอาวุธปืนเพื่อใช้ก่อเหตุภายหลังการชกต่อย จึงเป็นพฤติการณ์บ่งบอกถึงการไตร่ตรองไว้ก่อน อันเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฆ่าโดยเจตนาไตร่ตรอง การบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ศาลยังเห็นว่าการบุกรุกและการทำร้ายเป็นการกระทำต่อเนื่องไม่อาจแยกออกจากกันได้ อีกทั้งการกระทำเข้าข่ายหลายกรรมต้องลงโทษทุกกรรมตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ผลคือจำเลยที่ 1 ต้องรับโทษจำคุกยาวนานกว่า 26 ปี และจำเลยที่ 2 จำคุกกว่า 5 ปี พร้อมทั้งให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้เสียหาย คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเคร่งครัดของศาลต่อการใช้ความรุนแรง บุกรุก และการใช้อาวุธโดยผิดกฎหมาย (อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม)
มาตรากฎหมายสำคัญที่ใช้วินิจฉัย
1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) – ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (โทษสูงสุดประหารชีวิต)
2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364, 83 – บุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย
3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 – ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
4. พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 – มีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91 – การลงโทษหลายกรรม และเลือกบทที่มีโทษหนักที่สุด
Keywords สำคัญ (5 ข้อความ)
1. พยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง (Attempted Premeditated Murder)
o จำเลยที่ 1 กลับไปนำอาวุธปืนเพื่อใช้ก่อเหตุภายหลังการชกต่อย เป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ชัดถึง “การวางแผนล่วงหน้า” ศาลจึงวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง
2. บุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลัง (Armed Trespass with Violence)
o การบุกเข้าไปในบ้านพักผู้อื่นและทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง ถือเป็นการบุกรุกพร้อมใช้กำลัง ไม่สามารถแยกเป็นความผิดสองกรรมได้
3. ทำร้ายร่างกายสาหัส (Serious Bodily Harm)
o ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บต้องรักษาเกิน 20 วัน ตามมาตรา 297 ถือเป็นอันตรายสาหัส ศาลยืนยันการลงโทษ
4. อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต (Illegal Possession and Carrying of Firearms)
o การมีและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นองค์ประกอบเสริมที่เพิ่มความร้ายแรงของคดี
5. การบวกโทษจำคุก (Accumulation of Sentences)
o ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษทุกกรรม และบวกโทษเดิมของจำเลยที่ 1 เข้ากับคดีนี้ตามมาตรา 91 ส่งผลให้จำเลยถูกลงโทษรวมจำคุกกว่า 26 ปี
✅ สรุปได้ว่า ประเด็นหลักของคดีนี้คือ การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง ที่มีการ บุกรุกโดยใช้กำลัง และ ทำร้ายจนสาหัส พร้อมกับ การมีและพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย และการ บวกโทษจำคุกหลายกรรม ทำให้โทษหนักและรุนแรงขึ้น 1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) – ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลักกฎหมาย: มาตรา 289 บัญญัติว่า ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน ต้องระวางโทษประหารชีวิต คำอธิบาย: • “ไตร่ตรองไว้ก่อน” หมายถึง มีการคิดวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่การกระทำโดยฉับพลัน • ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ เช่น การเตรียมอาวุธ การรอเวลา การปรึกษาหารือร่วมกัน • มีโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: • ฎีกาที่ 2318/2546: จำเลยเตรียมอาวุธปืนและไปดักรอผู้ตาย ศาลวินิจฉัยว่ามีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ถือว่าผิดตามมาตรา 289(4) 2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364, 83 – บุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย หลักกฎหมาย: • มาตรา 364: การบุกรุกเคหสถาน ผู้อื่นห้ามปรามแล้วยังไม่ออกไป • มาตรา 365: หากบุกรุกกระทำ เวลากลางคืน หรือ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือมีอาวุธ → โทษหนักขึ้น • มาตรา 83: ผู้ร่วมกันกระทำผิดต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ คำอธิบาย: • เป็นความผิดอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของบุคคลในที่อยู่ • หากบุกรุกโดยมีอาวุธหรือใช้กำลัง ถือว่ามีโทษร้ายแรงกว่าการบุกรุกปกติ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: • ฎีกาที่ 1495/2547: จำเลยทั้งหลายร่วมกันบุกเข้าบ้านผู้เสียหายตอนกลางคืน พร้อมใช้อาวุธ ศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดตามมาตรา 365(1) ประกอบมาตรา 364, 83 3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 – ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส หลักกฎหมาย: มาตรา 297: ผู้ใดทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้นั้น • บาดเจ็บสาหัส เช่น สูญเสียอวัยวะ ตาบอด หูหนวก • หรือเจ็บป่วยจนเสียความสามารถถาวร ต้องระวางโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี คำอธิบาย: • ต้องพิสูจน์ว่า “การกระทำ” ของจำเลยเป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส • คำว่า “สาหัส” ศาลตีความตามมาตรา 297(1)-(8) คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: • ฎีกาที่ 1970/2537: จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายจนมือพิการ ศาลวินิจฉัยว่าเข้าข่าย “อันตรายสาหัส” ตามมาตรา 297 4. พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 – มีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต หลักกฎหมาย: • มาตรา 7: ห้ามมิให้ผู้ใดมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต • มาตรา 8 ทวิ: ห้ามพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร • มาตรา 72: บัญญัติเรื่องโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน คำอธิบาย: • การมีหรือพกพาอาวุธปืนต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน • ศาลมักพิจารณาว่า “มีเหตุอันควร” หรือไม่ เช่น เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: • ฎีกาที่ 4440/2550: จำเลยพกอาวุธปืนไปในงานสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดตามมาตรา 8 ทวิ 5. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91 – การลงโทษหลายกรรม และเลือกบทที่มีโทษหนักที่สุด หลักกฎหมาย: • มาตรา 90: ถ้าผู้กระทำความผิดหลายกรรมในคราวเดียว ศาลจะลงโทษทุกกรรม • มาตรา 91: เมื่อมีโทษหลายกรรม ศาลต้องกำหนดวิธีรวมโทษ เช่น o โทษจำคุกให้เรียงต่อกัน (เว้นแต่ศาลสั่งให้ลงโทษกักขังแทน) o แต่ต้องไม่เกิน 50 ปี คำอธิบาย: • หลักนี้เพื่อให้เหมาะสมกับพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสังคมหลายกรรม • แต่ศาลยังมีอำนาจรวมโทษหรือกำหนดโทษสูงสุดไม่เกินกรอบกฎหมาย คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง: • ฎีกาที่ 1065/2545: จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่อเนื่อง ศาลลงโทษทุกกรรมตามมาตรา 90 และรวมโทษจำคุกตามมาตรา 91 แต่ไม่เกิน 50 ปี ✅ จะเห็นว่า ทั้ง 5 หลักกฎหมายนี้สัมพันธ์กัน (ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, บุกรุกมีอาวุธ, ทำร้ายร่างกายสาหัส, มีปืนเถื่อน, และโทษหลายกรรม) มักถูกนำมาใช้ประกอบกันในคดีอาญาร้ายแรงที่จำเลยมีการบุกทำร้ายผู้อื่น
|



.jpg)
