
| ไถ่ถอนจำนอง & ราคาสมควร, การจำนอง, (ป.พ.พ. ม.738-741)(ฎีกา 3553/2568)
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการไถ่ถอนจำนองและการตีความ "ราคาสมควร" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 738–741 โดยมีประเด็นว่าหากเจ้าหนี้ผู้รับจำนองปฏิเสธจำนวนเงินที่ผู้รับโอนเสนอ แต่กลับไม่ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลภายในกำหนดเวลา กฎหมายถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย กรณีนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ถือว่าเจ้าหนี้ต้องยอมรับเงินที่โจทก์เสนอและจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้
ข้อเท็จจริงของคดี • โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทซึ่งติดจำนองกับจำเลยที่ 3 • โจทก์แสดงความประสงค์จะไถ่ถอนจำนอง โดยเสนอชำระ 300,000 บาท ตามราคาประเมินเจ้าพนักงานบังคับคดี • จำเลยที่ 3 ปฏิเสธ โดยอ้างหนี้ตามสัญญาจำนองเกิน 1 ล้านบาท และยึดราคาประเมินบริษัทเอกชนที่ 1,200,000 บาท • โจทก์จึงนำเงิน 300,000 บาท ไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ และฟ้องขอบังคับให้จำเลยไถ่ถอน • ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ต้องรับเงินและจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง • จำเลยที่ 3 ฎีกา
ประเด็นวินิจฉัยของศาลฎีกา • จำเลยที่ 3 ต้องรับเงิน 300,000 บาท และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์หรือไม่
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า • ตาม ป.พ.พ. มาตรา 738 ผู้รับโอนมีสิทธิไถ่ถอนจำนองด้วยการเสนอใช้เงิน "ราคาสมควร" • หากเจ้าหนี้ปฏิเสธ ตาม มาตรา 739 ต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน เพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาด • แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ฟ้องภายในกำหนด ถือว่าเป็นการ "สนองรับโดยปริยาย" ตาม มาตรา 741 • ดังนั้น จำเลยที่ 3 ต้องยอมรับเงิน 300,000 บาท และดำเนินการไถ่ถอนจำนองให้โจทก์
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย 1. หลักราคาสมควร (มาตรา 738) ราคาสมควรไม่จำเป็นต้องเท่ากับมูลหนี้ทั้งหมด แต่ให้พิจารณาจากราคาทรัพย์ตามสภาพจริงและความเหมาะสม ซึ่งกรณีนี้โจทก์ใช้ราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี 2. หน้าที่ของเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง (มาตรา 739) หากไม่ยอมรับคำเสนอ ต้องใช้สิทธิฟ้องศาลภายในกำหนด หากเพิกเฉย จะถูกตีความว่าเป็นการยอมรับ 3. การยอมรับโดยปริยาย (มาตรา 741) แม้เจ้าหนี้เคยมีหนังสือปฏิเสธ แต่การไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายภายในเวลาที่กำหนด ถือว่ายอมรับโดยปริยาย 4. ผลกระทบต่อสิทธิคู่ความ คำพิพากษานี้ยืนยันการคุ้มครองสิทธิของผู้รับโอนที่ดินในการไถ่ถอนจำนองอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างมาตรฐานการตีความ “ราคาสมควร” ในการไถ่ถอนจำนอง
ข้อคิดทางกฎหมาย • เจ้าหนี้จำนองต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากปฏิเสธข้อเสนอแล้วไม่ฟ้องตามกำหนด อาจเสียสิทธิ • ราคาสมควรในการไถ่ถอนสามารถอิงจากราคาประเมินทางราชการ ไม่จำเป็นต้องตรงกับมูลหนี้ • คำพิพากษานี้ช่วยสร้างแนวทางที่ชัดเจนในการตีความมาตรา 738–741 เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้รับโอนและลดการใช้สิทธิขัดขวางโดยไม่สุจริต
IRAC Analysis Issue (ประเด็นปัญหา) จำเลยที่ 3 ปฏิเสธเงิน 300,000 บาทที่โจทก์เสนอไถ่ถอนจำนอง แต่ไม่ฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน จะต้องถือว่าได้ยอมรับโดยปริยายหรือไม่ Rule (บทกฎหมายที่ใช้บังคับ) • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 738, 739, 741 Application (การปรับใช้กฎหมาย) • โจทก์เสนอราคาประเมินเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนเงินสมควร • จำเลยที่ 3 ปฏิเสธ แต่ไม่ใช้สิทธิฟ้องศาลภายในกำหนด • กฎหมายตีความว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย แม้เคยปฏิเสธเป็นหนังสือมาก่อน Conclusion (ข้อสรุป) จำเลยที่ 3 ต้องยอมรับเงิน 300,000 บาทที่โจทก์เสนอ และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2568 ป.พ.พ. มาตรา 738 ผู้รับโอนซึ่งประสงค์จะไถ่ถอนจำนองต้องส่งคำเสนอไปยังเจ้าหนี้ผู้รับจำนองว่า จะรับใช้เงินให้เป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินนั้น มาตรา 739 ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับคำเสนอต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน นับแต่วันมีคำเสนอเพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 3 ปฏิเสธไม่ยอมรับจำนวนเงินที่โจทก์เสนอจะใช้เท่ากับราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยอ้างว่า ไม่เป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินนั้น จำเลยที่ 3 ก็ต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน นับแต่วันมีคำเสนอเพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น แต่จำเลยที่ 3 ก็มิได้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลจนโจทก์ต้องมาฟ้องคดีเอง จึงต้องถือว่า จำเลยที่ 3 ได้สนองรับคำเสนอของโจทก์โดยปริยายแล้วในภายหลังจากที่มีหนังสือปฏิเสธมาก่อนหน้านี้ ตามมาตรา 741 จำเลยที่ 3 จึงจำต้องยอมรับเงินจำนวน 300,000 บาท ที่โจทก์นำไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์ว่าเป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินแล้ว และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 3 รับเงิน 300,000 บาท และไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทให้โจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จําเลยที่ 3 รับชำระเงิน 300,000 บาท จากโจทก์และไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 728 เนื้อที่ 10 ไร่ แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3 กับให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้เป็นพับ จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ จำเลยที่ 3 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ซื้อที่ดินของจำเลยที่ 2 ที่จำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้กับจำเลยที่ 3 โดยมีต้นเงินกู้จำนวน 700,000 บาท จากการบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินจำนองของเจ้าหนี้สามัญในคดีอื่นโดยติดจำนองและจดทะเบียนรับโอนที่ดินมาเป็นของโจทก์แล้ว หลังจากนั้นโจทก์มีหนังสือแสดงความประสงค์จะไถ่ถอนจำนองโดยเสนอรับจะใช้เงินเท่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวน 300,000 บาท ไปยังจำเลยที่ 3 และนัดจำเลยที่ 3 ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่สำนักงานที่ดิน จำเลยที่ 3 มีหนังสือตอบกลับปฏิเสธไปว่า นางสาวณัฎยา เป็นหนี้จำเลยที่ 3 ตามสัญญาจำนองรวมจำนวนกว่าล้านบาท และจำเลยที่ 3 ให้บริษัทผู้ประกอบธุรกิจประเมินราคาที่ดินประเมินราคาที่ดินที่จำนองแล้ว มีราคา 1,200,000 บาท และไม่ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์ตามวันเวลาที่โจทก์นัดหมาย โจทก์จึงนำเงินจำนวน 300,000 บาท ไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 จะต้องรับใช้เงินจำนวน 300,000 บาท ตามที่โจทก์เสนอและไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 738 ผู้รับโอนซึ่งประสงค์จะไถ่ถอนจำนองต้องส่งคำเสนอไปยังเจ้าหนี้ผู้รับจำนองว่า จะรับใช้เงินให้เป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินนั้น มาตรา 739 ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับคำเสนอต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน นับแต่วันมีคำเสนอเพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 3 ปฏิเสธไม่ยอมรับจำนวนเงินที่โจทก์เสนอจะใช้เท่ากับราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยอ้างว่า ไม่เป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินนั้น จำเลยที่ 3 ก็ต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือน นับแต่วันมีคำเสนอเพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น แต่จำเลยที่ 3 ก็มิได้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลจนโจทก์ต้องมาฟ้องคดีเอง จึงต้องถือว่า จำเลยที่ 3 ได้สนองรับคำเสนอของโจทก์โดยปริยายแล้วในภายหลังจากที่มีหนังสือปฏิเสธมาก่อนหน้านี้ ตามมาตรา 741 จำเลยที่ 3 จึงจำต้องยอมรับเงินจำนวน 300,000 บาท ที่โจทก์นำไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์ว่าเป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินแล้ว และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์ ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท |




