ReadyPlanet.com


เอาผิดกับบริษัทขายรถจักรยานยนต์ได้ไหม จะทำอย่างไรดี


มารดาของดิฉันออกรถจักรยานยนต์ให้ลูกน้องในร้าน 2 คน คนละ 1 คัน รวม 2 คัน ออกรถในวันที่ 27 เมษายน2553 เวลาประมาณ 15.00 น.

โดยมีมารดาดิฉันเป็นผู้ค้ำประกันรับผิดชอบการชำระเงินโดยหักกับเงินเดือนพนักงานทีหลัง และเป็นคนออกค่าดาวน์ให้ทั้งสิ้น 2 คันเป็นจำนวนเงิน 20200 บาท ออกที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมือง จ.นครสวรรค์ ด้วยความดีใจเด็กๆอยากจะฉลองรถใหม่ เลยขี่รถจักรยานยนต์ที่เพิ่งไปออกมา ออกไปตจว. ตั้งแต่รุ่งเช้า จะขี่ไปเที่ยวตลาดริมเมย อ.แม่สอด จ.ตาก โดยไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงของการนำรถไปขายทอดตลาดประเทศพม่า

วันที่ 28 เมษายนโดนตำรวจกักด่านตรวจปกติที่ดอยมูเซอ อ.แม่สอด จ.ตาก เวลา ประมาณ 08.00 น. และถูกตำรวจยึดรถไว้ทั้งๆที่มีเอกสารการแสดงสัญญาซื้อ-ขายครบทุกอย่างแม้กระทั่งหมวกกันน๊อค-ใบขับขี่ก็มีครบ ก็ยังถูกกัก (จริงๆทางตำรวจต้องการส่วย แต่ทางเด็กๆ และมารดาดิฉันไม่รู้เลยไม่ได้ให้เพราะคิดว่ามีเอกสารครบก็ไม่น่าจะผิดอะไร) (ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันก็ขี่ไปเอง เพราะจะขี่รถไปเที่ยวกัน) ตำรวจเลยบอกให้รอ และโทรไปหาที่บริษัทขายรถ บริษัทจึงให้ยึดรถไว้ก่อน เมื่อทางดิฉันโทรฯ เครียร์กับทางบริษัท บริษัทบอกว่า ทางดิฉันส่อเจตนาจะนำรถไปขายแถวชายแดน ซึ่งดิฉันไม่รู้เรื่องมาก่อนว่ามีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้น ทางบริษัทจะยึดเงินดาวน์ จำนวน20200 ไป ดิฉันบอกว่าดิฉันไม่รู้เรื่อง เนื่องจากเจ้าของบริษัทก็เป็นคนรู้จัก จึงขอให้ช่วย และผ่อนผันให้หน่อย เคยโทรไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นตำรวจ เขาบอกว่าบริษัทฯไม่มีสิทธิยึดเงินดาวน์ หรือยึดรถ เพราะรถยังไม่ได้ผิดสัญญาการซื้อ-ขาย แต่บริษัทเขาบอกว่าเค้ามีสิทธิยึดเพราะเค้าหาว่าเราส่อแววทุจริต

บริษัทจึงบอกว่า ให้ออกรถฯสดคันนึง เอาคันที่ซื้อสดมาค้ำคันผ่อน ดิฉันบอกว่าถ้ามีเงินคงซื้อสดทั้ง 2 คันแล้ว เงินมีในกิจการต้องเอาไว้ใช้หมุนเวียน จึงขอต่อรอง เพิ่มเงิน 15000 บาท แทน ทางบริษัทจึงบอกว่า งั้น ให้เพิ่มเงิน 20000 บาท และเสียค่าดำเนินการตำรวจเองคันละ 1000 บาท (ค่าส่วย) ดิฉันก็ไปจ่ายเพิ่ม อีก 22000 บาท และก็รอว่าทางบริษัทเค้าจะเอารถมาให้

ไปๆมาๆ บริษัทก็โทรมาบอกว่าทางบริษัทประกันบอกให้ซื้อสดไปเลยคันนึง และเอาคืนคันนึงให้จบๆเรื่อง ดิฉันก็รำคาญ เพราะดิฉันไม่มีเจตนาไม่ดีใดๆทั้งสิ้น กะว่าซื้อสดแล้วก็จะไปดาวน์อีกคันที่บริษัทอื่นแทน เงินที่จ่ายให้บริษัทฯทั้งหมดรวม 20200+22000 บาท =42200 บาท ราคารถเวฟฮอนด้าตัวธรรมดาคันนึงก็ประมาณ 45000 บาท ถ้าตัดสด เราก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีก ประมาณ3000 บาท แต่นี่บอกให้เราเอาตัวออโตเมติกไป (ออกรถจักรยานยนต์2คัน เป็นเวฟ ตัว ธรรมดา 1 คัน ราคาประมาณ 45000 ออโตเมติก 1 คัน ราคาประมาณ 55000 ) เท่ากับเราต้องจ่ายเพิ่มอีก 15000 บาท บีบคั้นเราทุกอย่าง อ้างว่าจะริบเงินดาวน์จำนวน 20200 บาทอย่างเดียวหากเราไม่ยอมออกเงินสด ตัวรถออโตเมติก ราคา 55000 บาท ไป เราก็อุตส่าห์ต่อรองและปรานีปรานอมสุดๆ เพราะเป็นคนรู้จัก และคิดว่าฝ่ายเราไม่มีความผิด ก็บอกเขาว่า ถ้ามีเงิน จำนวน 55000  ก็คงออกรถเงินสดให้ลูกน้องโดยไม่ต้องผ่อนไปแล้ว จะได้ไม่เกิดปัญหา  บริษัทฯยังบอกอีกว่าหากไม่ทำตามก็มาเอาเงิน 20000 ที่เพิ่งจ่ายเพิ่ม (โดยหักค่าตำรวจไว้แล้ว) คืนไป แต่จะยังคงยึดเงินดาวน์ไว้อยู่  เราจะสามารถเอาผิดกับเขาได้ไหมค่ะ เพราะเราไม่ได้มีเจตนาทำทุจริต แต่เขาอ้างว่าเราส่อแวว  หรือว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อให้จบปัญหา และเสียเงินเพิ่มให้น้อยที่สุดค่ะ

ถ้าเราไปแจ้งความดำเนินคดี จะทำให้เงินของเราที่เราต้องใช้หมุนเวียนในกิจการ ไปกองจมตรงนั้นตั้ง 4 หมื่นกว่าบาทไปแล้ว ช่วยทีนะค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ หัวอกผู้บริโภค :: วันที่ลงประกาศ 2010-05-04 17:30:05


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2061055)

เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาทำตามหน้าที่อย่าไปว่าเขาเลย ข้ออ้างที่จะจ่ายให้ตำรวจจะจริงหรือไม่ก็ไม่มีหลักฐาน

ก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายคือ ผู้ขายและประกัน ก็เจอมามากแล้ว เขามีบทเรียนก็ต้องระมัดระวังตัวเป็นธรรมดา เพราะแก๊งมิฉาชีพทำแบบนี้เยอะมาก ตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ไม่ขาดสาย ทางคุณจริง ๆ ก็ยังไม่ผิดสัญญาเขาจะมาตั้งเงื่อนไขอะไรไม่ได้

ปัญหาว่า จะให้ถึงโรงถึงศาลจะคุ้มกันหรือไม่ หากพอพูดคุยกันได้ก็อยากให้ตกลงกันมากกว่าครับ คุณออกรถวันที่ 27 เมษายน แต่เช้าวันที่ 28 เมษายน รถอยู่แม่สอด หากผมเป็นผู้ให้เช่าซื้อก็อดคิดไม่ได้ ทำธุรกิจเดี๋ยวนี้ก็ต้องระวังตัว มิฉะนั้นก็ขาดทุนไม่รู้ตัว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-05-05 00:59:45



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล