ReadyPlanet.com


ฟ้องหย่า


รายระเอียดครับ

เมื่อประมาณ3ปีกว่าที่แล้วผมมีภรรยาใหม่และได้แยกกันอยู่กับภรรยาเก่าแต่ตอนที่ผมออกมาผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยมาแต่ตัว พอแยกกันอยู่ได้สักพักภรรยาเก่าก็มีสามีใหม่ และสินสมรสก็ขายหมด ที่ดินประมาณ10ไร่กว่า1000000 รถยนต์อีก1คัน ผมมีลูกกับภรรยาเก่า2คนเป็นผู้หญิงหมด ผมส่งเงินให้ตลอดค่ากิน ค่าเทอม คือส่งทุกอย่างครับส่วนทางภรรยาเก่าไม่ได้ดูแลลูกลูกคนโตเรียนมหาลัย คนเล็กอยู่บ้านแม่ผม ผมขอหย่าก็ไม่ยอมหย่าให้ ยังไงก็ไม่หย่าก็เลยตัดสินใจว่าจะฟ้องครับ กรณีแบบนี้ฟ้องได้หรือเปล่าครับ  และทางภรรยาเก่าจะโดนข้อหาอะไรหรือเปล่ากรณีขายสินสมรสโดยผมไม่ได้รับรู้ ขอบคุณครับ



ผู้ตั้งกระทู้ แดง :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-09 18:38:25


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2126858)

ฟ้องได้ครับ สินสมรสขายหมดคุณไม่ได้บอกว่าขายอะไร?? คงไม่ใช่ที่ดินนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-09 21:14:41


ความคิดเห็นที่ 2 (2126918)

ขอโทษครับที่ไม่ได้บอกละเอียด ขายที่ดิน ขายรถ โดยผมไม่รูเลยและไม่ได้เซนต์ด้วย กลุ้มใจมากเพราะว่าเวลาทำอะไรลำบากไปหมดจะซื้ออะไรก็ติดแต่ทะเบียนสมรส และถ้าฟ้องหย่าต้องทำไงบ้างครับ และค่าทนายเท่าไหร่ครับ ขอบคุณที่ให้คำปรึกษาครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น แดง วันที่ตอบ 2010-11-10 08:09:36


ความคิดเห็นที่ 3 (2126923)

แสดงว่าชื่อโฉนดที่ดินน่าจะเป็นชื่อภริยาคนเดียวจึงขายได้ ถ้าเป็นสินสมรสน่าจะเรียกคืนได้ หรือฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรม ในกรณีที่ขายไปยังไม่ถึง 1 ปี นับแต่วันที่เรารู้

มาตรา 1480 การจัดการสินสมรสซึ่งต้องจัดการร่วมกัน หรือต้องได้รับ ความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งตาม มาตรา 1476 ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งได้ ทำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือโดยปราศจากความยินยอมของคู่ สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม นั้นได้ เว้นแต่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้ว หรือ ในขณะที่ทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่า ตอบแทน
 

การฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้น หนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนหรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-10 08:38:09


ความคิดเห็นที่ 4 (2126926)

เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินสินสมรส

จำเลยที่ 2 (ผู้ซื้อ)  รู้จักกับโจทก์(สามีของผู้ขาย) ตั้งแต่เด็กเนื่องจากโจทก์มีบ้านอยู่ติดกับบ้านมารดาของจำเลยที่ 2 และทราบว่าโจทก์และจำเลยที่ 1(ภริยาโจทก์และเป็นผู้ขาย)  สมรสกันแล้วมีทรัพย์สินเป็นที่ดินพิพาท โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 พักอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท เชื่อว่าจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนที่มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นสินสมรสของโจทก์กับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยทั้งสองทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนที่มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 เสียค่าตอบแทน แต่ก็เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6232/2552

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-10 08:46:01



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล