การแสดงเจตนาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมตามคำพิพากษา | |
เกี่ยวจากข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์ได้ฟ้องหย่าจำเลย, อำนาจปกครองบุตร โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลท่านกรุณาพิพากษาตามยอมนั้น โดยมีข้อตกลงเกี่ยวเนื่องด้วยว่า จำเลยยอมหย่ากับโจทก์ อำนาจปกครองบุตรจะแบ่งกันปกครองบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดู โดยมิได้พูดถึงสินสมรสแต่อย่างใด ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องเพิกอำนาจปกครองบุตร ดังนั้นจำเลยจึงได้เป็นโจทก์ฟ้องเรียกแบ่งสินสมรส หลังจากนั้นโจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นได้กลับมาฟ้องจำเลย(โจทก์ในแบ่งสินสมรส)ใหม่ โดยฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความตามคำพิพากษา(ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว) โดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ถามว่าโจทก์สามารถฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความตามคำพิพากษาดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร ?โดยเพียงอ้างเหตุว่า จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะจำเลยในคดีนี้ได้ฟ้องโจทก์เพื่อแบ่งสินสมรส โดยกล่าวอ้างว่า ประเด็นแห่งสินสมรสได้ยุติไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ทั้งที่ในสัญญาประนีประนอมฯ นั้นมิได้กล่าวถึงสินสมรสนั้นเลย เพียงแค่เคยอ้างในคำให้การของจำเลยว่า "หากโจทก์และจำเลยต้องหย่าขาดจากกันนั้น สินสมรสที่มีมาหาได้ร่วมกัน ควรแบ่งให้จำเลยกึ่งหนึ่งด้วย" แค่นั้น แต่ในสัญญาประนอมฯ มิได้กล่าวไว้แต่ประการใด
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ไมนา :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-03 13:51:52 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2125182) | |
ขอตอบตามที่เข้าใจข้อเท็จจริงด้านบนนะครับ (เพราะ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดครับ) 1. ถามว่าโจทก์สามารถฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความตามคำพิพากษาดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร ? ตอบ--การที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งย่อมบังคับคดีได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความได้เพราะคำพิพากษาผูกพันคู่ความทุกฝ่าย และคดีถึงที่สุดแล้ว มาตรา 138 ในคดีที่คู่ความตกลงกันหรือประนีประนอมยอม ความกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้องนั้น และข้อตกลง หรือการประนีประนอมยอมความกันนั้นไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ให้ศาลจดรายงานพิสดารแสดงข้อความแห่งข้อตกลงหรือการประนี ประนอมยอมความเหล่านี้ไว้ แล้วพิพากษาไปตามนั้น ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาเช่นว่านี้ เว้นแต่ในเหตุต่อไปนี้ 2. ประเด็นเรื่องสินสมรสนั้น เมื่อมีการหย่าขาดจากกัน ให้แบ่งสินสมรส เมื่อสินสมรสยังไม่มีการแบ่งอยู่ตราบใด ก็ยังคงมีสภาพเป็นสินสมรสและฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกร้องขอให้แบ่งสินสมรสได้ หาได้ยุติไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ได้ตกลงแบ่งสินสมรสไม่ 3. ประเด็นอำนาจปกครองบุตร เมื่อบิดามารดาที่เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ฝ่ายใดใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ไม่ชอบ อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลถอนอำนาจปกครองได้ ไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะเหตุไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่
ยินดีรับฟังความคิดเห็นที่ต่างจากนี้ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-03 21:49:18 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2129086) | |
เพียงแค่เคยอ้างในคำให้การของจำเลยว่า "หากโจทก์และจำเลยต้องหย่าขาดจากกันนั้น สินสมรสที่มีมาหาได้ร่วมกัน ควรแบ่งให้จำเลยกึ่งหนึ่งด้วย" แค่นั้น แต่ในสัญญาประนอมฯ มิได้กล่าวไว้แต่ประการใด คือว่า คำให้การดังกล่าวได้ยื่นต่อสู้ไปในคดีที่โจทก์ฟ้องหย่า, เพิกถอนอำนาจปกครองบุตร แต่คดีดังกล่าวนั้น เป็นแต่เพียงการกล่าวอ้างของจำเลยลอย ๆ เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ทั้งคดีดังกล่าวก็มิได้นำคำให้การดังกล่าวของจำเลยมากำหนดเป็นประเด็นพิพาท จึงถือว่าคำให้การดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นพิพาทหรือไม่อย่างไรค่ะ? ดังที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นน่ะค่ะ ว่าสัญญาประนีประนอมที่ได้ทำกันนั้น มีเพียงแค่ จำเลยยอมหย่าฯ, อำนาจปกครองแบ่งกันคนล่ะกึ่งหนึ่งฯ, และค่าอุปการะเลี้ยงดูฯ แต่มีข้อสุดที่ท้ายที่ ระบุว่า "โจทก์และจำเลยยอมรับข้อตกลงที่..และทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องสิ่งใด ๆ อีก" ข้อนี้ล่ะค่ะ ที่โจทก์อ้างมาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ว่า จำเลยได้สละสิทธิต่าง ๆ แล้วไม่ติดใจเรียกร้องใด ๆ อีก แต่จำเลยกลับไปฟ้องเรียกสินสมรสอีก ถือว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความตามคำพิพากษา โจทก์อ้างประเด็นนี้ ในฐานะที่ท่านเป็นนักกม.ท่านคิดว่าเขาอ้างได้หรือไม่ค่ะ?
พอดีเพิ่งเริ่มสายงานทางด้านกม.ค่ะ ไม่ค่อยมีประสบการณ์สักเท่าไรนัก จึงขอความรู้จากทนายรุ่นพี่เป็นวิทยาทานค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไมนา วันที่ตอบ 2010-11-17 10:16:51 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2129194) | |
ขอแสดงความเห็นดังนี้ 1. เรื่องสินสมร เมื่อยังไม่มีการแบ่งอยู่ตราบใด สินสมรสก็ยังอยู่ (หากพิสูจน์ได้) ดังนั้นในคดีเดิมไม่มีการแบ่งสินสมรส ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมยกขึ้นมาติดตามเอาทรัพย์ของตนคืนได้ตาม มาตรา 1336 2. ในสัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อความว่า..."และทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องสิ่งใด ๆ อีก " ข้อเรื่องนี้มีความเห็นว่าไม่เกี่ยวกับสินสมรสครับ ประเด็นตามคำถาม..เป็นเรื่องข้อกฎหมาย คงต้องให้ศาลชี้ขาดครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-17 15:22:44 |
[1] |