คือว่าดิฉันได้เช่าที่กับ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง  เป็นที่20ไร่ แถวคลอง12  อ. หนองเสือ  จังหวัดปทุมธานี  พร้อมบ้าน  ที่ดินผืนนี้เป็นที่ของ สหกรณ์ ไม่สามารถให้เช่าช่วงได้  และไม่มีโฉนด    ที่ต้องการเช่านั่นต้องการทำการเกษตร  ปศุสัตว์  และดิฉันได้ทำการเปิดร้านขาย เคมีเกษตร ได้แก่ปุ๋ย  ยาฆ่าแมลง  โดยเจ้าของที่ยินยอมให้กระทำทุกกรณี  ให้เช่าในราคาไร่ละ1000บาท   กรณีที่เดิม  เป็นร่องสวน  แล้วได้ทำการตกลงกันว่า  อนุญาติให้ปรับที่ได้  และอนุญาติให้เช่าเป๊นเวลามากกว่า10ปี  เนื่องจากต้องมีการลงทุนสูง  ดิฉันได้ปลูกสร้างบ้านพักคนงาน  รวมถึงคอกปศุสัตว์  เป็นจำนวนไปกว่า5แสนบาท  เริ่มอยู่ไป  ได้2-3ปี  เจ้าของเกิดอยากจะได้สิ่งปลูกสร้าง  ก็เริ่มมาไล่ที่  ทั้งๆที่ก่อนที่ให้เช่า  ก๊รับปากว่าจะให้เช่าระยะยาว  ดิฉันจึงคิดว่าย้ายออกก็ได้   ตามปกติดิฉันจะจ่ายค่าเช่า  ตอนช่วงสงกรานต์  ดิฉันจึงเห็นว่าควรย้ายออก  ก่อนสงกรานต์เมื่อปีที่แล้ว   พอดิฉันขนออกของ  เจ้าของบ้าน ไม่ยินยอมให้ดิฉันนำของออก  ได้กระทำการล็อคบ้าน  ไม่ให้ออก  ดิฉันก็เลยแจ้งความ  ไปที่โรงพัก  แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะเป๊นพวกของเจ้าของที่  บอกให้ไปฟ้องแพ่งเอาเอง  จากนั้นดิฉันก็ได้ทำการย้ายออก  แต่ของ  และสิ่งปลูกสร้างดิฉันยังไม่ได้รื้อถอนออกไป  มีแต่เพียงบางส่วนที่กำลังรื้อแล้วเจ้าของบ้านยึดของไว้ทั้งหมด  เรื่องเกิดขึ้นวันที่  5เม.ย 2553  หลังจากเกิดเหตุ  ดิฉันก้อติดต่อ ทนายไปตั้งหลายที่  แต่ละที่ยืดเวลา  แล้วไม่ยอม  ดำเนินการ  จนกระทั่งบัดนี้  กรณีนี้  ดิฉันยังสามรถฟ้องได้  อีกหรือปล่าว หรือว่าหมดอายุความไปแล้ว  ดิฉันต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย  ที่ได้ทำการปลูกสร้างลงไป  และในกรณีนี้  ไม่มีสัญญาเช่าเป็นสัญญาปากเปล่า  และก็ไม้ได้ตกลง  ว่าสิ่งปลูกสร้างจะต้องยกให้แก่เจ้าของที่  หลักฐานตอนนี้  มีแต่รูปถ่ายสิ่งที่เคยปลูกสร้าง  แล้วก็ไปทะเบียนพาณิชย์  ที่เคยจดทะเบียนที่อยู่  ที่จะยืนยันว่าเคยอยู่อาศัยจริง  แล้วก็มีพยานบุลคล  เป็นผู้ใหญ่บ้าน  เป็นเพื่อนบ้าน  พร้อมเป็นพยานให้ทุกคน  ใบเสียภาษีร้าน ว่าเคยตั้งร้านค้าอยู่จริง  นายก.อบต ก็สามารถเป็นพยานให้ได้   ตอนนี้ที่ตรงนี้ได้ทำการปลูกส้ม  แล้วก๊ได้ทำลายข้าวของหลักฐานของดิฉันไปหมดแล้ว  ยังสามารถหาช่องทางฟ้องได้ไหมค่ะ