เรื่องขายรถให้เต้นส์ครับ โอนลอยติดไฟแนนซ์ | |
ผมได้ซื้อรถจากเต้นส์มาใช้ได้ประมาณ 3-4 เดือน เห็นพ่ออยากได้รถใหม่เลยขายรถผม กับ รถพ่อ รวมกันขายเป็นเงินดาวส์เพื่อออกรถมือสองคันใหม่(การซื้อขายกระทำโดยเต้นส์เดิมครับ)ทางเต้นส์ก็ให้เซ็นต์โอนลอยไว้แล้วบอกว่าจะโอนให้ประมาณ 3 - 4 เดือน รอผู้ซื้อคนใหม่ จนเวลาผ่านมา 2 ปีกว่าครับ ได้รับจดหมายเตือนค่างวดรถครับ(3-4 งวด เป็นหนังสือเลิกสัญญาเช่า)ในหนังสือเป็นชื่อของผม ก็เลยไปถามทางเต้นส์ เต้นส์ยังไม่ได้โอนเขาก็ว่าจะจัดการให้(ส่วนรถของพ่อก็โดน จม.ทวงด้วย แต่รถพ่อที่ขายไปเหลือ 4 เดือนก็หมดแล้ว) ตั้งแต่วันนั้นมา ก็มีทั้ง จม. เตือน คนที่จะยึดก็มาทวง ตลอดจน 5 เดือนนี้แล้วติดต่อทางเต้นส์ตลอด เขาบอกจะจัดการให้ แต่ก็ไม่ทำอะไร ผมถามถึงผู้ซื้อคนใหม่เขาก็ไม่บอกอะไรเลย บอกว่าเป็นพักพวกกันไม่ต้องห่วงจะจัดการให้ จนผมไม่รู้ทำไงได้ลองปรึกษาทนายดู ทนายก็ว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะ หลักฐานซื้อขายไม่มี เซ็นต์โอนลอยไปแล้ว ฟ้องก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยเสียเปรียบทุกอย่าง ผมจึงไม่รู้จะทำยังไงครับ ลองเช็คประวัติเครดิตบูโร ก็เสียไปแล้ว | |
ผู้ตั้งกระทู้ ผู้โดนเอาเปรียบ :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-07 21:34:51 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2159226) | |
คุณเป็นผู้เช่าซื้อ คนที่จะมีสิทธิขายรถได้ต้องเป็นเจ้าของครับ คุณเป็นคนครอบครองรถโดยที่ทางผู้ให้เช่าซื้อสัญญาว่าจะให้คุณได้กรรมสิทธิ์เมื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน การที่คุณโอนลอยไปจึงไม่มีผลใด ๆ และคุณยังไม่หลุดพ้นจากการเป็นคู่สัญญากับผู้ให้เช่าซื้อ(ตามข้อมูลคือธนาคาร) คุณยังมีหน้าที่ส่งค่างวดกับธนาคารจนกว่าจะครบทุกงวดตามสัญญาเช่าซื้อ การที่ผู้ให้เช่าซื้อมีหนังสือทวงถามคุณมานั้นถูกต้องแล้ว เพราะเขาจะไม่รับรู้ใด ๆ ที่คุณไปตกลงกับเตนท์ เพราะเตนท์ ไม่ใช่คู่สัญญากับธนาคาร เตนท์จะมีเส้นสายอย่างไร ก็คงไม่เกี่ยวกับกรณีของคุณมากนัก เพราะประเด็นสำคัญคือคุณได้ทำการซื้อขายรถยนต์โดยคุณไม่มีสิทธิ ปัญหาคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบ 50 ปีแล้ว หรือกว่านั้น แต่อาจไม่เป็นข่าวใหญ่เท่านั้นเอง ที่คุณบอกข้อได้เปรียบว่าบัตรประชาชนของคุณหมดอายุนั้น จริง ๆ คุณเข้าใจผิดครับ ไม่ใช่ข้อได้เปรียบหรอกครับ เพราะตามคำตอบของผมข้างต้น สัญญาระหว่างคุณกับธนาคารยังมีผลบังคับอยู่เขามีสิทธิฟ้องให้คุณชำระหนี้ที่ค้างชำระหรือยึดรถคืนแล้วเรียกส่วนต่างหากไม่สามารถยึดรถได้คุณก็ต้องใช้ค่ารถทั้งคันคือใช้ราคาแทนการยึดรถ คำแนะนำก็คือ คุณกับคนซื้อรถต้องร่วมมือกันไม่จ่าวเงินให้เตนท์รถเพื่อนำเงินไปปิดกับธนาคารและขอเรียกเงินส่วนที่จ่ายให้เต้นท์ไปแล้ว (คงยากหน่อย) มิฉะนั้นทั้งคุณและคนซื้อก็จะตกอยู่ในที่นั่งลำบากด้วยกันทั้งคู่ รวมถึงผู้ค้ำประกันด้วยครับ การที่ทางทนายความที่คุณไปปรึกษาและได้รับคำแนะนำตามที่เล่ามานั้นถูกต้องแล้วครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-03-08 08:34:38 |
[1] |